Skip to main content
sharethis

S.H.A.N. (6 พฤษภาคม 2549) - กองกำลังว้า UWSA ระบุจะไม่อพยพประชากรว้าจากเขตปกครองของตนลงทางตอนใต้รัฐฉานเพิ่ม หลังจากได้อพยพแล้วนับหมื่นคนนับตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา ขณะที่การปลูกฝิ่นในเขตพื้นที่ปกครองว้าลดลง หลังผู้นำว้าประกาศให้เขตปกครองของตนเป็นเขตปลอดยาเสพติดเมื่อปีที่ผ่านมา 


 


แหล่งข่าวจากผู้ใกล้ชิดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพว้า UWSA เปิดเผยว่า เมื่อไม่นานมานี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพว้าระบุว่า ทางกองทัพจะไม่อพยพประชากรชาวว้าจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือรัฐฉานซึ่งเป็นพื้นที่ปกครองของว้าลงมายังภาคใต้เพิ่ม หลังจากได้มีการอพยพครั้งล่าสุดเมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา หากชาวบ้านมีความประสงค์จะอพยพเองก็ย่อมทำได้ แต่ทางกองทัพจะไม่รับผิดชอบในการขนย้ายดังเช่นที่ผ่านมา


 


ก่อนหน้านี้ผู้บัญชาการกองพลของว้าคนหนึ่งได้กล่าวยืนยันเช่นเดียวกันว่า การอพยพประชากรครั้งล่าสุดมีขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุที่ทางกองทัพว้าต้องอพยพประชากรลงมายังภาคใต้ เนื่องจากทหารว้าที่ประจำการอยู่ทางภาคใต้ในหน่วยทหารที่ 171  ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปเยี่ยมบ้านได้ ดังนั้นทางกองทัพจึงต้องขนย้ายญาติพี่น้องครอบครัวของพวกเขาลงมาอยู่ยังภาคใต้


 


ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2549 ที่ผ่านมามีรายงานว่า กองทัพว้าได้อพยพประชากรของตนลงมาอยู่ที่เมืองโต๋น ตรงข้ามอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่กว่า 2,000 คน และหลังจากนั้นอีกไม่กี่วันมีรายงานที่ไม่ยืนยันว่า มีการอพยพประชากรว้าลงมาอยู่ที่เมืองสาดทางทิศเหนือของเมืองโต๋นอีก 1,800 คน


 


นายเปาโหย่วเฉียง ผู้นำสูงสุดของว้าได้กล่าวที่เมืองปางซาง ศูนย์บัญชาการใหญ่ของเขาว่า ทางกองทัพว้ามีกำหนดที่จะอพยพประชากรลงมาอยู่ทางตอนใต้ของรัฐฉานจำนวน 100,000 คน และขณะนี้มีประชากรถูกอพยพแล้ว 65,000 กว่าคน ขณะที่รายงานขององค์กรพัฒนาชนเผ่าลาหู่ LNDO (Lahu National Development Organization) ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2542 - 2544 กองทัพว้า UWSA ได้อพยพประชากรของตนมาอยู่ทางตอนใต้รัฐฉานใกล้ชายแดนไทยตรงข้ามจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงรายแล้วกว่า 126,000 คน


 


ก่อนหน้านี้ผู้สังเกตการณ์ชายแดนไทย-พม่าได้คาดการณ์ว่า หลังจากที่นายเปาโหย่วเฉียง ได้ประกาศให้เขตปกครองของว้าเป็นเขตปลอดยาเสพติดเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2548 แล้วอาจมีประชากรว้าอพยพลงมาอยู่ทางตอนใต้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากอาชีพของพวกเขาอันได้แก่การปลูกฝิ่นที่ยึดทำมานานนับทศวรรษถูกสั่งห้าม


 


แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ปัจจุบันการปลูกฝิ่นในเขตพื้นที่ปกครองว้าลดลงมาก ซึ่งส่วนใหญ่พบเห็นเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลชนบท ขณะที่ทางการจีนได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจตราอย่างต่อเนื่อง จนระยะหลังทำให้จีนพอใจกับการปรามปรามยาเสพติดของว้าและได้เปิดทำการค้าชายแดนร่วมกัน อย่างไรก็ตามการปลูกฝิ่นกลับไปเฟื่องฟูในพื้นที่ครอบครองของทหารพม่าในอำเภอหมากมาง ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เมืองปางซางของว้าแทน


 


แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า หลังจากที่ทางกองทัพว้าประกาศยกเลิกการปลูกฝิ่น ทำให้กองทัพต้องประสบกับปัญหาขาดแคลนเงินที่จะให้การช่วยเหลือในด้านสาธารณูปโภคแก่ชาวบ้านและกองทัพเช่นเดียวกัน ซึ่งขณะนี้ทางกองทัพว้าได้พยายามเรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติเข้าไปให้การช่วยเหลือด้านความเป็นอยู่ของชาวบ้านมากกว่าที่ผ่านมา


 


ส่วนความเคลื่อนไหวด้านการทหารของกองทัพ ดูเหมือนว่ากองทัพว้า UWSA ไม่มีท่าทีที่จะเปิดศึกกับกองกำลังกลุ่มใดดังเช่นปีที่ผ่านมาที่เคยร่วมกับทหารพม่าโจมตีกองกำลังไทยใหญ่รวมหลายครั้ง หากแต่มีแนวโน้มที่จะให้ความร่วมมือกับกองกำลังติดอาวุธต่างๆ ในรัฐฉานมากขึ้น   


 


 


 


 


 


--------------------------------------------------------------------------------


ข่าวทั้งหมดแปลและสรุปความโดยสำนักข่าวเชื่อม เป็นหน่วยงานข่าวภาคภาษาไทยของสำนักข่าว S.H.A.N (Shan Herald Agency for News) ซึ่งเป็นเครือข่ายของศูนย์ข่าวสาละวิน (Salween News Network) ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ chuem@cm.ksc.co.th และ snn_news@cm.ksc.co.th พร้อมติดตามอ่านข่าวสารย้อนหลังรวมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศพม่าภาคภาษาไทยได้ที่ www.salweennews.org ภาษาอังกฤษได้ที่ www.shanland.org และภาคภาษาไทยใหญ่ได้ที่ www.mongloi.org    

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net