เมื่อกลางเดือนเมษายน 2549 ที่ผ่านมา กองกำลังว้าแดง UWSA ได้อพยพประชากรของตนจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือรัฐฉานลงมาทางตอนใต้ที่เมืองโต๋น และเมืองสาด ตรงข้ามอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่อีกกว่า 2,000 คน โดยผู้นำระดับสูงของว้าระบุภายหลังว่าเป็นการอพยพครั้งสุดท้าย ส่วนสาเหตุเพื่อให้ทหารที่ประจำการอยู่ทางภาคใต้ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับครอบครัว ซึ่งผู้ที่ถูกอพยพลงมาส่วนใหญ่เป็นญาติและครอบครัวของทหาร
ขณะที่แหล่งข่าวผู้ใกล้นายทหารของว้าเปิดเผยว่า กองกำลังว้าไม่มีแผนที่จะเปิดศึกกับกองกำลังกลุ่มใดในรัฐฉาน ดังเช่นที่เคยร่วมกับกองทัพพม่าโจมตีกองกำลังไทยใหญ่หลายครั้งเมื่อช่วง 2 -3 ปีที่ผ่านมา ทว่า มีแนวโน้มที่จะให้ความร่วมมือกับกองกำลังติดอาวุธต่างๆ ในรัฐฉานมากขึ้น ซึ่งรายละเอียดสำนักข่าว S.H.A.N. ได้รายงานไปก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือหลายฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของไทย เจ้าหน้าที่กองกำลังไทยใหญ่ และผู้สังเกตการณ์ที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของกองกำลังว้าแดง UWSA ระบุว่า 1 ใน 3 ของประชากรว้าที่ถูกอพยพลงมาเมื่อกลางเดือนเมษายน ล้วนเป็นทหารและส่วนใหญ่สามารถพูดภาษาจีนได้เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ กองกำลังว้าแดงมีแผนที่จะขยายพื้นที่ครอบครองตลอดแนวแดนภาคเหนือของไทยที่อยู่ติดกับรัฐฉาน จากด้านตรงข้ามอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ลงไปจนถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอน ติดกับรัฐคะยา โดยขณะนี้กองกำลังว้าได้มีการอบรมด้านการทหารให้แก่นายทหารของตนกว่า 300 นาย ที่บ้านเมืองจ๊อต พื้นที่รับผิดชอบของหน่วยทหารที่ 171 ของนายเหว่ยเซียะกัง ตรงข้ามชายแดนไทยอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่โดยมีระยะเวลาในการอบรม 3 เดือน
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การอบรมดังกล่าวมีกำหนดเสร็จสิ้นในเดือนมิถุนายนนี้ โดยนายทหารที่ได้เข้ารับการอบรมจะถูกแบ่งไปประจำการตามหน่วยต่างๆ ที่เคลื่อนไหวอยู่ตามแนวชายแดนไทย เพื่อปฏิบัติตามแผนขยายพื้นที่ครอบครองของกองทัพ ซึ่งปัจจุบันกองกำลังว้าแดง UWSA มีพื้นที่ครอบครองตามแนวชายแดนไทยตั้งแต่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายเรื่อยลงไปจนถึงด้านตรงข้ามอำเภอปายจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่มีกองกำลังว้าแดงเคลื่อนไหวได้แก่ด้านตรงข้ามอำเภอปางมะผ้าทิศตะวันตก และอำเภอเมืองของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เนื่องจากมีกองกำลังไทยใหญ่ SSA เคลื่อนไหวอยู่
โดยกองกำลังว้าได้แบ่งการครอบครองพื้นที่ตามแนวชายแดนไทยดังนี้ ในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ และจังหวัดท่าขี้เหล็ก ตรงข้ามอำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย อยู่ภายใต้การครอบครองของหน่วยทหารที่ 171 ที่มีนายเหว่ยเซียะกังเป็นผู้บัญชาการสูงสุด ส่วนพื้นที่เมืองยอน เมืองสาด ตรงข้ามอำเภอฝาง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่อยู่ภายใต้การครอบครองหน่วยรบอิสระที่ 2518 ทางด้านเมืองโต๋น เมืองหาง โป่งป่าแขม ตรงข้ามช่องทาง BP1 อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่อยู่ภายใต้กองพลที่ 414 (ก่อนหน้านี้เป็น 214) ด้านเมืองจ๊อต เมืองทา ห้วยยาว ตรงข้ามอำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ และบ้านค้างปลา บ้านตากแดด และบ้านคายโหลง ตรงข้ามอำเภอปาย และอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่ภายใต้การครอบครองของหน่วยทหารที่ 171 เช่นเดียวกัน
แหล่งข่าวระบุว่า พื้นที่ที่กองกำลังว้ามีแผนจะขยายเพิ่มนั้นได้แก่ด้านตรงข้ามอำเภอปางมะผ้า บริเวณฐานกองบัญชาการใหญ่กองกำลังไทยใหญ่ SSA ดอยไตยแลง เรื่อยลงไปจนถึงด้านที่ติดกับรัฐคะยา ตรงข้ามอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งจะปฏิบัติการโดยหน่วยทหารที่ 171 และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ช่วงฤดูฝนปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้ทางกองกำลังว้าได้แอบเพิ่มกำลังทหารเข้ามาในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทยอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านนักวิเคราะห์มองว่า หากมีการขยายพื้นที่ครอบครองของกองกำลังว้าจริง โอกาสที่จะเกิดการสู้รบตามแนวชายแดนมีนั้นมีสูงมาก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของกองกำลังไทยใหญ่ SSA ของพันเอกเจ้ายอดศึก ซึ่งทั้งสองฝ่ายเคยสู้รบกันมาแล้วครั้งเมื่อเดือนเมษายน - เดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา และจะทำให้ไทยได้รับผลกระทบหลายด้าน ทั้งผู้อพยพ และการทะลักเข้ามาของยาเสพติด
--------------------------------------------------------------------------------
ข่าวทั้งหมดแปลและสรุปความโดยสำนักข่าวเชื่อม เป็นหน่วยงานข่าวภาคภาษาไทยของสำนักข่าว S.H.A.N (Shan Herald Agency for News) ซึ่งเป็นเครือข่ายของศูนย์ข่าวสาละวิน (Salween News Network) ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ chuem@cm.ksc.co.th และ snn_news@cm.ksc.co.th พร้อมติดตามอ่านข่าวสารย้อนหลังรวมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศพม่าภาคภาษาไทยได้ที่ www.salweennews.org ภาษาอังกฤษได้
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)