Skip to main content
sharethis


 


วันนี้(24 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการเสวนาทางวิชาการเรื่อง "ปฏิญญาฟินแลนด์"ยุทธศาสตร์ครองเมืองของไทยรักไทย โดยมี นายชัยอนันต์ สมุทวณิช อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้บังคับการโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย นายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์อาวุโส และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าร่วม โดยมี นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง รักษาการ สว.กทม.เป็นผู้ดำเนินการเสวนา


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนเริ่มเสวนา นายชัยอนันต์ ได้เริ่มด้วยการจุดเทียน เพื่อแสดงให้เห็นว่าบ้านเมืองมืดมิด


 


นายสนธิ ได้เริ่มกล่าวเสวนาเป็นคนแรก ได้กล่าวที่มาของปฏิญญาฟินแลนด์ ว่าเดิมทีได้รู้เรื่องดังกล่าวจากคนที่เคยอยู่กับพรรคไทยรักไทยแล้วมาขึ้นเวทีพันธมิตรฯที่สนามหลวงเล่าให้ฟังว่ามีคนตัวอ้วนๆคนหนึ่งยืนบนดาดฟ้าเรือระหว่างที่ท่องเที่ยวที่ฟินแลนด์ว่าถ้าทำสำเร็จจะ"คว่ำฟ้าพลิกดิน"ได้ทีเดียว จากนั้นก็มาเรียบเรียงปะติดปะต่อแล้วตรงกับปฎิญญาฟินแลนด์ใน 5 ข้อดังที่เคยมีการระบุเอาไว้ และจาการวิเคราะห์ของ อาจารย์ปราโมทย์วิเคราะห์เป็นข้อๆแล้วจะตรงกันพอดี เพื่อต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเพียงแค่สัญญลักษณ์ ตั้งแต่การเปลี่ยนบัตรข้าราชการโดยไม่มีตราครุฑ เป็นต้น


 


นายสนธิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีการให้ฝรั่งบางคนเขียนหนังสือทำลายสถาบัน รวมทั้งมีวีซีดีทำร้ายสถาบันด้วย รวมถึงกรณีแต่งตั้วงสังฆราชสองพระองค์ กรณีปลดคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าฯสตง. การข่มขู่กรณีโยกย้ายทหารจากนายทหารบางคน การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และการซื้อเครื่องบินส่วนตัวก่อนซื้อเครื่องบินพระราชพาหนะ เป็นต้น ซึ่งประมวลแล้วทำให้คิดว่านี่เป็นกระบวนการทำลายทำร้ายสถานพระมหากษัตริย์


 


ถามว่าต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นแค่สัญญลักษณ์นั้นเป็นอย่างไร นายสนธิ กล่าวว่า ก็คือเมื่อส่งเรื่องใดขึ้นไปพระองค์ก็ต้องเซ็นต์ให้ ทำทุกอย่างเพื่อละเมิดพระราชอำนาจ ถึงกับบอกว่าไม่เคยมีใครสนใจคนจน ซึ่งพูดคำนี้ออกมาได้อย่างไร เพราะในหลวงทำเพื่อพสกนิกรกว่า 60 ปีแล้ว


 


นายชัยอนันต์ กล่าวว่า ต้องไปเชื่อมโยงว่ามีพรรคการเมืองพรรคเดียวมีอำนาจเบ็ดเสร็จ หัวหน้าพรรคมีลักษณะอย่างไร มีการสร้างตัวบุคคลเป็นผู้นำมวลชน


 


"การที่มีบุคคลคนหนึ่งเป็นผู้นำมวลชน การที่บุคคลคนหนึ่งทำอะไรมีคนมาแห่แหนจะไม่ทำกัน นอกจากมีแต่การรับเสด็จเท่านั้น สังคมไทยไม่เคยทำแบบนี้" นายชัยอนันต์กล่าวและว่า มีการเตรียมการเรื่องนี้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน จะทำให้สถาบันถูกล้อมและถูกครอบงำได้


 


ส่วนการครอบงำระบอบราชการนั้น นายชัยอนันต์ กล่าวว่า ต้องการให้ข้าราชการเกิดความเกรงกลัว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า 5 ปีที่ผ่านมาไม่เคยเห็นการสร้างพรรคไทยรักไทยนอกจากเห็นแต่การสร้างทักษิณ เท่านั้นซึ่งเป็นสำนึกใหม่เหล่านี้ทำให้โยงให้เห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนห่างออกไป มีบทบาทแค่พิธีการเท่านั้น


 


นายชัยอนันต์ ยังตั้งข้อสังเกตถึงการย้ายผู้ว่าฯ ด้วยว่าเพื่อต้องการให้ขึ้นตรงต่อนายกฯมีการโยกย้ายอย่างผิดสังเกต แทนที่ผู้ว่าโดยทั่วไปจะอยู่เป็นเวลา 3 ปี แต่ให้เหลือแค่ 1 ปีเท่านั้น


นายปราโมทย์ กล่าวว่า ระบอบทักษิณ เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย จะทำให้ระบบสถาบันพระมหากษัตริย์ตกเป็นเบี้ยล่างของระบบทุนนิยมสามานต์ และว่าการที่จะครองเมืองไทยเบ็ดเสร็จจะต้องทำให้ทั้ง 5 ยุทธศาสตร์สำเร็จ ซึ่งจะเรียกว่าปฏิญญาฟินแลนด์หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ ไม่สำคัญเท่าอันตรายที่จะเกิดกับประเทศไทยแน่นอน


 


นายชัยอนันต์ กล่าวถึงกรณีผู้ว่าซีอีโอว่าทำลายการปกครองของไทยอย่างไร โดยย้ำว่า เป็นการทำลายการปกครองส่วนท้องถิ่นโดยไม่ผ่านอบต.หรือบจ.เห็นได้ชัดว่าเกิดการคอรัปชั่นอย่างขนานใหญ่ในประเทศไทยลงไปถึงระดับรากหญ้า โดยปราศจากการตรวจสอบ


 


ถามว่ามีการปฏิรูประบบราชการจริงหรือไม่ นั้น นายชัยอนันต์ กล่าวว่า ถ้าจะทำให้ดีก็ทำได้ หรือถ้าต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมก็ทำได้ ก็จะให้จังหวัดตั้งงบประมาณเพื่อวัตถุประสงค์ให้ผู้ว่าซีอีโอเพื่อตอบสนองผู้นำเท่านั้น หรือต้องการปฏิรูปฯเพื่อวัตถุประสงค์เพื่อตั้งกระทรวงไอซีทีเพื่อดูแลธุรกิจโทรคมนาคม


 


นักวิชาการผู้นี้ยังกล่าวอีกว่า การแปรรูปรัฐวิสาหกิจว่าถ้ามีการกระจายทุนในตลาดทุนทีมีพรรคพวกในรัฐบาลเข้าไปควบคุมทุนรัฐวิสาหกิจได้ เพราะการเอารัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทตัวเองในตลาดหลักทรัพย์มีมูลค่าสูงขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นการแปลงสินทรัพย์คือเป็นการแปลงระบบทุนเต็มรูปซึ่งจะไปกระทบอำนาจดังเดิมดังนั้นอำนาจจะอยู่ที่ผู้ถือทุนนั่นเอง


 


นายปราโมทย์ กล่าวว่าที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชื่นชม นายดีโซโต้ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของอดีตประธานิบดีฟูจิโมริ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าทุจริตมากที่สุดคนหนึ่ง ที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยนำเข้าเฝ้าฯมีการยกย่องแนวความคิดแปลงสินทรัพย์เป็นทุนหมด หมายความว่าเอาทุกอย่างไปจำนำ


 


"ผมเสียใจที่ไม่เคยให้ความสำคัญกับพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวที่เคยตรัสเมื่อปี 2547 ที่บอกว่ามีนักเศรษฐศาสตร์คนหนึ่งนำมาพูดคุยใหญ่คุยโต เราไม่เชื่อสักอย่าง" นายปราโมทย์ ระบุและว่าการเอาทรัพย์สินของชาติเข้าตลาดหุ้นเป็นการฉ้อฉลเอาสมบัติชาติไปจำนำ ซึ่งเป็นวิธีคิดของสังคมนิยมสุดโต่งต้องการเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียว


 


นายสนธิ กล่าวว่า การรื้อระบบราชการ มีผู้ว่าซีอีโอขึ้นตรงกับนายกฯเป็นการปูทางเพื่อทำให้จังหวัดเป็นนิติบุคคลในอนาคต รอการสร้างฐานมวลชนอย่างสมบูรณ์แบบต่อไป แล้วจากนั้นให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯแล้วส่งคนของตัวเองไป ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ว่ามณฑลของจีนที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ


 


ถามว่าเมื่อเลือกผู้ว่าฯแล้วไม่ดีตรงไหน นายสนธิ กล่าวว่า การเลือกตั้งถ้าเกิดขึ้นตอนนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับมลรัฐ ซึ่งทักษิณ เป็นประธานาธิบดีไปแล้ว


 


นายปราโมทย์ กล่าวว่า ปฏิญญาฟินแลนด์มีหรือไม่มีไม่รู้ แต่ที่ผ่านมามีเลนินเคยไปฟินแลนด์แล้วมาโค่นล้มพระเจ้าซาร์ ส่วนทักษิณจะไปฟินแลนด์แบบเลนินหรือไม่ไม่ทราบ แต่การใช้ทุนเข้ามาจัดการการเมืองไม่ใช่รวมศูนย์ อำนาจ แต่เป็นการรวบอำนาจเป็นทาสหัวหน้าพรรคเท่านั้น


 


นายปราโมทย์ยังกล่าวติดตลกว่า ที่ผ่านมาถ้า นานชัยอนันต์ และตัวเองมานั่งอยู่ด้วยกันบนเวทีแห่งนี้แล้วรัฐบาลจะต้องล้มทุกที และครั้งนี้ยังมีเพิ่มเข้ามาอีกคือ นายสนธิ และ นายเจิมศักดิ์ ด้วยแล้วขอให้อย่ากระพริบตาในสองอาทิตย์นี้


 


นายชัยอนันต์ กล่าวชี้แจงกรณีที่ทำนายว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลภายในเดือนกรกฎาคมว่า ในช่วงวันที่ 29 พ.ค.ถ้าหากศาลตัดสินว่ากกต.ปฏฉิบัติหน้าที่ไม่ชอบ กกต.ชุดนี้ก็ต้องไป หลังจากนั้นมีการเลือกกกต.ชุดใหม่แล้วพิจารณาเรื่องพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กแล้วเป็นไปได้เกิดการยุบพรรคแล้วเกิดการเผชิญหน้าจากมวลชนที่สนับสนุนทักษิณ จนมีการแทรกแซงจากอำนาจบางอย่างซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องไป


 


ผู้ดำเนินรายการแย้งว่าระยะเวลาจะสั้นไปหรือเปล่า นายชัยอนันต์ กล่าวว่า ไม่สั้นไป เพราะอาจเร็วกว่านั้นด้วยซ้ำไป


 


นายสนธิกล่าวเสริมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หมดสภาพการเป็นนายกฯไปตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนแล้ว โดยคืนวันที่ 4 หลังการเข้าเฝ้าฯแล้วมีการแสดงละครเกิดขึ้นจากนั้นวันที่ 5 เมษาก็ไปชอปปิ้งใช้หนังสือเวียนอ้างเหตุผลลาพักโดยอ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 215 ขอลาพักตลอดไปถือว่าลาออกไปแล้ว ดังนั้นถ้าศาลปกครองตัดสินว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หมดสภาพการเป็นนายกฯครม.ทั้งคณะก็ต้องพ้นไปด้วย แต่ถ้าถึงวันนั้นถ้ายังไม่ไปก็ต้องเจอกัน


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในตอนท้ายรายการ ได้มีการทำปฎิญญา(คำประกาศ)ร่วมกันของประชาชนและผู้ร่วมรับฟังการเสวนาให้ออกเป็น "ปฏิญญาธรรมศาสตร์" โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยชีวิต ทำลายปฏิญญาฟินแลนด์ และเรียกร้องให้ประชาชนมาร่วมในปฏิญญาธรรมศาสตร์ให้มากที่สุดรวมทั้งมีการร่วมกันเผยแพร่ข่าวสารให้ประชาชนได้ทราบข้อมูลอย่างทั่วถึงต่อไป


 


ที่มา: เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net