คนสะเอียบเปิดงานวิจัยจาวบ้าน "แม่น้ำยม ป่าสักทอง วิถีชีวิตของคนสะเอียบ" ยืนยันปกป้องรักผืนป่าสักทองกว่า 20,000 ไร่ต่อไป แม้รัฐอ้างหยุดสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น พร้อมย้ำว่า นี่คือการรุกโดยภาคประชาชน เพื่อให้รัฐรู้และเข้าใจว่าปัญหาต่าง ๆ ทีเกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะชาวบ้าน แต่มาจากรัฐ
เมื่อวันที่ 27-28 พ.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านในเขต ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ ได้ร่วมกันเสนอผลงานวิจัยจาวบ้าน "แม่น้ำยม ป่าสักทอง วิถีชีวิตของคนสะเอียบ" ภายหลังจากเก็บข้อมูลมาร่วม 2 ปี เพื่อมุ่งเน้นอธิบายความสลับซับซ้อนของระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพในผืนป่าและแม่น้ำยม รวมถึงวิถีชีวิต เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมของชาวบ้าน ตลอดจนความรู้ของชุมชน พิธีกรรม และความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของชาวบ้าน
นาย
"การวิจัยครั้งนี้ เราได้สามประเด็นหลัก คือ ต้องการเรียนรู้ทรัพยากรธรรมชาติว่ามีความหลากหลายอย่างไร อยากปลุกจิตสำนึกให้คนทั่วไป โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนให้รู้จักรักหวงแหนทรัพยากรและนำไปใช้อย่างชาญฉลาดและคุ้มค่า และอยากให้งานวิจัยจาวบ้านนี้ได้ไปถึงนักวิชาการ นักการเมือง และรัฐบาล นำไปประกอบใช้ในการตัดสินใจ หากรัฐจะมีโครงการใหญ่อะไร ได้นำงานวิจัยนี้ไปใช้ประกอบการพิจารณาและตัดสินใจดูว่ามีความจำเป็นหรือไม่ กับโครงการขนาดใหญ่ เช่น เขื่อนแก่งเสือเต้น นั้นจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์มากเพียงใด"
นาย
ด้าน นายก้องไมตรี เทพสูงเนิน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ 5 จากอุทยานแห่งชาติแม่ยม กล่าวว่า ได้ทำงานร่วมกับชาวบ้านมา 6 ปี จึงรู้และเข้าใจว่า ชุมชนแห่งนี้อยู่กลางป่ากลางบ้าน เป็นแอ่งสะเอียบ อยู่กันมาเป็นร้อยๆ ปี และทุกคนได้เห็นความสำคัญของป่า มีการสร้างกติกาหมู่บ้าน ซึ่งยอมรับว่า ชุมชนมีความเข็มแข็งกันมาก ไม่ว่าในเรื่องการอนุรักษ์ การห้ามตัดไม้ ห้ามคนภายนอกเข้ามาตัดไม้ ขนไม้ มีการจัดการอย่างยั่งยืน
"เชื่อว่าต่อไป คนสะเอียบจะเป็นเมืองน่าอยู่ ไม่ต้องอพยพออกไปทำงานข้างนอกเหมือนทางภาคอีสาน และถือว่างานวิจัยจาวบ้านครั้งนี้ คือการค้นหาตัวตน"
ในขณะที่ นาย
"เมื่อรัฐเข้ามาจัดการ ความใกล้ชิดของชาวบ้านเริ่มถ่างห่างไกลออกไป จากความสัมพันธ์ วัฒนธรรมในอดีตเริ่มหายไปจากทรัพยากรหน้าหมู่ ชาวบ้านไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วม ซึ่งการรายงานวิจัยจาวบ้านในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ขณะนี้การจัดการโดยชุมชนได้ใช้องค์ความรู้เป็นเครื่องต่อสู้ เป็นเกราะป้องกันชุมชนแทนการใช้มีดใช้ดาบมาต่อสู้เหมือนในอดีต ซึ่งปัจจุบัน องค์ความรู้ของชุมชนเท่านั้นที่จะต่อสู้กับคนภายนอกได้"
นายนิวัฒน์ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า งานวิจัยจาวบ้านแม่น้ำยม ป่าสักทอง วิถีชีวิตของคนสะเอียบ ครั้งนี้
จึงถือว่าเป็นการรุกโดยภาคประชาชน เพื่อให้รัฐรู้และเข้าใจว่า ปัญหาต่างๆ ทีเกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะชาวบ้าน แต่มาจากรัฐ โดยเฉพาะกรณีที่รัฐคิดจะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ซึ่งชาวบ้านได้ต่อสู้กันมายาวนาน
อย่างไรก็ตาม นายวาด เทือกฉิมพลี นักวิจัยจาวบ้านสะเอียบ กล่าวว่า งานวิจัยนี้ถือว่าเป็นเพียงการเริ่มต้น และเราจะยังทำกันต่อไป ถึงแม้ กรมชลประทานได้ออกมาประกาศว่าให้ยุติเรื่องเขื่อนแก่งเสือเต้น
เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมาก็ตาม แต่ทุกคนก็ไม่นิ่งนอนใจว่า รัฐจะยุติจริงหรือไม่ ซึ่งชาวบ้านจะนำงานวิจัยชิ้นนี้เสนอให้รัฐนำไปศึกษาให้ชัดว่า การสร้างโครงการใหญ่ๆ ของรัฐนั้นจะส่งผลกระทบต่อทรัพยากรและวิถีของคนท้องถิ่นอย่างหนัก
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)