ประธานาธิบดีฮิวโก ชาเวซ (ซ้าย)
ภาพจาก AP
ประชาไท2 มิ.ย. 2549 การประชุมตัวแทนประเทศสมาชิกองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือโอเปก (OPEC: Organization of the Petroleum Exporting Countries) จัดขึ้นในวันที่ 31 พฤษภาคม 2549 ณ กรุงคารากัส เวเนซุเอลา โดยสมาชิกทั้ง 11 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย อิหร่าน อิรัก คูเวต ลิเบีย ไนจีเรีย ซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเตส์ แอลจีเรีย และเวเนซุเอลา เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง
ประธานาธิบดีฮิวโก ชาเวซ เสนอแนวคิดเรื่องอธิปไตยด้านพลังงานในฐานะที่เป็นเจ้าภาพในการประชุมครั้งนี้ โดยเสนอว่าโอเปกควรจะลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง เพื่อให้มีการใช้พลังงานอย่างเต็มศักยภาพ พร้อมทั้งให้เหตุผลว่าปัจจุบันปริมาณน้ำมันในตลาดโลกมีมากเกินความจำเป็น และปริมาณน้ำมันสำรองอยู่ในระดับสูงสุดภายในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
ผู้นำเวเนซุเอลากล่าวว่าการผลิตน้ำมันออกมาจนล้นตลาด ทำให้เกิดการแข่งขันเพื่อเป็นเจ้าตลาดน้ำมัน และส่งผลกระทบไปยังการรักษาสมดุลด้านพลังงาน จึงควรมีการเพิ่มระดับราคาน้ำมันให้สูงขึ้น พร้อมทั้งขจัดปัญหาน้ำมันทั่วโลกด้วยการแทรกแซงตลาดน้ำมันให้น้อยที่สุด
นอกจากนี้ เอ็ดมันด์ ดาอุโกรู ประธานกลุ่มโอเปกยังได้กล่าวยืนยันก่อนร่วมการประชุมว่าปริมาณน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อความต้องการ สาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันทะยานตัวสูงขึ้นทั่วโลกจึงมาจากปัจจัยอื่น แต่มิได้เป็นเพราะปริมาณน้ำมันไม่เพียงพอ
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกทะยานตัวสูงขึ้นมีผลมาจากความตึงเครียดของสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศและการเก็งกำไรของผู้ค้าน้ำมัน ซึ่งประเทศที่ค้าน้ำมันมิได้มีแต่กลุ่มโอเปกอย่างเดียว แต่รวมถึงประเทศต่างๆ ในแต่ละทวีป เช่น บรูไน อาร์เซอร์ไบจัน เดนมาร์ก นอรเวย์ เม็กซิโก รัสเซีย แคนาดา สหรัฐอเมริกา โอมาน แองโกลา บราซิล โคลัมเบีย ติมอร์ตะวันออก ออสเตรเลีย เยเมน และคาซัคสถาน
อย่างไรก็ตาม สมาชิกส่วนใหญ่ของกลุ่มโอเปกต้องการให้คงเพดานการผลิตไว้เต็มกำลังเพื่อควบคุมราคาน้ำมัน และเสนอแนะว่าไม่ควรเปลี่ยนแปลงปริมาณการผลิต
ขณะเดียวกัน เวเนซุเอลาเรียกร้องให้ลดปริมาณการผลิตลงด้วยเหตุผลว่าปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกมีมากเกินความจำเป็น และราคาน้ำมันที่สูงถึง 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในขณะนี้ เป็นราคาที่ยุติธรรมแล้ว ผู้นำเวเนซุเอลายังให้คำแนะนำอีกด้วยว่าไม่ควรปล่อยให้ราคาน้ำมันลงต่ำกว่า 50 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล
แม้ประเทศสมาชิกส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของเวเนซุเอลา แต่ประธานาธิบดีชาเวซยังคงยืนยันว่าควรจะมีการบริหารและจัดสรรการใช้ทรัพยากรน้ำมันในโลกให้เหมาะสมกว่าที่เป็นอยู่ จึงมีการเข้าพบผู้นำประเทศเอกวาดอร์ เพื่อชักชวนให้เอกวาดอร์เข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มโอเปกอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เลิกเป็นสมาชิกไปเมื่อสิบสี่ปีก่อน
ทั้งนี้ ผู้นำเอกวาดอร์คนปัจจุบันมีแนวโน้มว่าจะเห็นด้วยกับความคิดเห็นของประธานาธิบดีชาเวซ ในขณะที่ประเทศกาบองซึ่งเป็นอดีตสมาชิกโอเปกเป็นรายต่อไปที่เวเนซุเอลาจะเข้าไปเจรจาเพื่อหาพันธมิตรเพิ่ม