โดย  ศูนย์ข่าวประชาสังคม อุบลฯ

ผ.อ. ศูนย์ฝึกอบรม ฯ เขต 5 อุบลฯ แนะสังคมให้โอกาสเด็กและเยาวชนที่กลับคืนสู่ชุมชน ชี้ปัญหาใหญ่ยังมาจากครอบครัว

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2549 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 2 โรงแรมทอแสง จังหวัดอุบลราชธานี นายชาตรี ดิเรกศรี นายอำเภอเมืองอุบลราชธานี เป็นประธาน โครงการฝึกอบรมให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องสิทธิเด็กสำหรับเครือข่ายชุมชนเพื่อการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนกระทำผิด

สืบเนื่องจากองค์การสหประชาชาติซึ่งเป็นต้นกำเนิดสำคัญในการกำหนดมาตรฐานสากลด้านสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบที่เป็นกฎหมายระหว่างประเทศ โดยการกระทำผิดของเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่มีปัจจัย สาเหตุ สำคัญมาจากความบกพร่อง ของโครงสร้างพื้นฐานของสถาบันครอบครัว โดยมีเด็กและเยาวชนจำนวนไม่น้อยที่ตกเป็นผู้กระทำถูกกระทำ ตั้งแต่ก่อนกระทำผิด อาทิ การถูกทารุณกรรมจากสมาชิกในครอบครัว ครอบครัวไม่ได้อยู่ในสภาวะที่สามารถเลี้ยงดูได้ การปล่อยปละละเลย ไม่ได้ให้การเลี้ยงดูแลเอาใจใส่

นอกจากนี้การกระทำผิดยังมีสาเหตุมาจากปัจจัยด้านอื่นที่มาจาก ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน ปัญหาด้านการคบเพื่อน ปัญหาต่าง ๆ เสมือนเป็นแรงผลักดันทำให้เด็กและเยาวชนกระทำผิด ทั้งจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเกิดจากความตั้งใจที่จะกระทำความผิด

นางไพวรรณ รัตนบวร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กเยาวชน เขต 5 อุบลราชธานี กล่าวว่า เด็กและเยาวชนเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม กรมพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชน ในฐานะหน่วยงานของภาครัฐ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการบำบัด แก้ไขและฟื้นฟูเด็กเยาวชน เพื่อให้มีความพร้อมและสามารถดำรงตนอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข แต่ในขณะเดียวกันปัญหาความบกพร่องของพื้นฐานในสถาบันครอบครัวมิได้ถูกขจัดให้หมดไป เมื่อเด็กและเยาวชนได้รับการปล่อยตัว กลุ่มเด็กเหล่านั้นต้องกลับไปเผชิญกับปัญหาเดิมๆ ย่อมมีโอกาสในการกระทำผิดซ้ำ ในขณะที่ชุมชนและบุคลากรหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งเป็นสถาบันที่มีความใกล้ชิดกับเด็กและเยาวชนรองจากครอบครัว ควรเข้ามามีส่วนร่วมกับรับผิดชอบ ทำหน้าที่ในการดูแลเด็กและเยาวชนให้มีประสิทธิภาพ โดยเจ้าหน้าที่ภายในหน่วยงานดังกล่าว ต้องเกิดความรู้ความเข้าใจและตระหนักในแนวคิดพื้นฐานเรื่องสิทธิเด็ก เพื่อนำไปสู่การประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานคืนคนดีกลับสู่สังคม ขณะเดียวกันการให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องเด็กและเยาวชนถือเป็นการพัฒนาเครือข่ายชุมชนของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือเด็กเยาวชนที่กระทำผิด โดยเป็นการมุ่งให้เกิดประโยชน์แก่เด็กและเยาวชนให้มากที่สุด

ด้านนายอรศรี ศรีวนา หัวหน้ากลุ่มประสานงานกิจการเด็กและเยาวชน กรมพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวว่า ทางกรมจะเป็นผู้กำหนดนโยบายในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาในปัจจุบัน โดยเด็กที่อยู่ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนในจังหวัดต่าง ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเด็กที่ด้อยโอกาสและเด็กที่ถูกกระทำผิด มีอายุตั้งแต่ 7 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี เมื่อมาอยู่ในสถานพินิจฯ เด็กเหล่านั้นจะได้รับการดูแลในเบื้องต้นตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยสิทธิเด็ก 4 ประการ ได้แก่

สิทธิที่จะมีชีวิตอยู่รอดในสังคม ,สิทธิที่จะต้องได้รับการปกป้องคุ้มครอง , สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา และสิทธิที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม โดยสิทธิดังกล่าวเมื่อเด็กเข้าไปอยู่ในสถานพินิจฯ แล้วจะต้องได้รับการคุ้มครองจาก พรบ. ว่าด้วยเรื่องสิทธิเด็ก ในขณะเดียวกันการสร้างเครือข่ายในชุมชนเพื่อให้สอดส่องดูแลเด็กและเยาวชนนั้น ถือเป็นการทำงานผู้ทำงานจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดเด็กและเยาวชนมากที่สุด รวมทั้งสามารถทราบถึงปัญหาที่แท้จริงที่เกิดจากการกระทำของเด็กได้ นำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด

ทั้งนี้การสร้างกระบวนการยุติธรรมให้แก่เด็กและเยาวชนถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเด็กต้องเจริญเติบโตต่อไปข้างหน้า หากเด็กและเยาวชนมีการเจริญเติบโตไปในรูปแบบที่มีปัญหาเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะกลายเป็นปัญหาให้กับสังคม โดยเมื่อถึงเวลาที่เด็กและเยาวชนต้องก้าวออกไปจากสถานพินิจฯ จำเป็นต้องมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่รับช่วงต่อ ในกรณีที่เด็กและเยาวชนไม่มีผู้อุปการะเลี้ยงดูหน่วยงานที่เป็นผู้ส่งเสริมด้านอาชีพต้องเข้ามาดำเนินการจัดหาอาชีพให้แก่เด็กและเยาวชนเหล่านนั้น แต่หากเด็กและเยาวชนยังมีชุมชนที่ยังให้โอกาสกลับคืนสู่สังคม โอกาสที่เด็กและเยาวชนจะกลับมากระทำผิดซ้ำก็น้อยลง

การอบรมในครั้งนี้มีหน่วยงานที่เป็นเครือข่ายชุมชนเพื่อการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเด็กเข้าร่วมกว่า 30 หน่วยงาน ทั้งในจังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียง อาทิ สถานพินิจฯ จ. อำนาจเจริญ มุกดาหาร นครพนม ยโสธร และศรีษะเกษ