วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2006
ณรรธราวุธ เมืองสุข, ตูแวดานียา มือรีงิง
ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
หลังจากยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงคณะกรรมการอิสระเพื่อความอำนวยความยุติธรรมและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอยส.) เรื่องการจัดการแก้ไขปัญหากรณีคนหายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
คณะทำงานปกป้องนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน,มูลนิธิผสานวัฒนธรรม,เครือข่ายเยาวชนเพื่อสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้,สมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย และ นาง
การนำครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีบุคคลสูญหายมาพบปะและปรึกษาหารือกับทนายความเพื่อให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายและการติดตามความคืบหน้าของคดีเมื่อบ่ายวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา มีครอบครัวของครอบครัวผู้สูญหายมาร่วมทั้งสิ้น 18 ครอบครัว จากทั้งหมด 23 ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งมีภูมิลำเนาจากหลากที่หลายถิ่นใน 3 จังหวัด ทั้งหมดได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนผู้ประสบชะตากรรมเดียวกัน ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบซึ่งกันและกัน บางคนถึงกับน้ำตาเอ่อซึมเมื่อรับทราบความทุกข์อันหนักหนาสาหัสของเพื่อนจากครอบครัวอื่น ซึ่งประสบกับความทุกข์ยากลำบากกว่าตนหลายเท่าหลังจากผู้นำครอบครัวต้องหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ส่วนทางด้านคณะทำงานเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ได้มาให้ความช่วยเหลือเช่นเดียวกัน โดยทำการสำรวจครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเพื่อดำเนินการช่วยเหลือต่อไปในด้านต่างๆ อาทิ ทุนการศึกษาของบุตรผู้สูญหาย เป็นต้น หลังจากนั้นก็เป็นการแบ่งกลุ่มครอบครัวต่างๆพูดคุยให้ข้อมูลกับทนายความ ซึ่งจะนำข้อมูลไปดำเนินการด้านการติดตามความคืบหน้าของคดีต่อไป
คณะทนายความในคณะทำงานศูนย์นิติธรรมสมานฉันท์ที่มารับเรื่องราวจากครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบประกอบด้วย นาย
"เราจะให้คำแนะนำเรื่องกฎหมาย เรื่องการจัดการทรัพย์สินของผู้สูญหายว่าจะทำอย่างไรต่อไป การช่วยเหลือจะสรุปได้เป็น 2 ประเด็น คือ 1.ความผิดพลาดในการทำงานของเจ้าหน้าที่ และ 2.ความเดือดร้อนหรือสิ่งที่เขาควรได้รับการชดเชย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของญาติพี่น้อง หรือครอบครัวผู้สูญเสีย เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจ ควรจะได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนที่สุด" รองประธานศูนย์นิติธรรมสมานฉันท์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กล่าว
ด้าน นาย
ทนายความจากชมรมนักกฎหมายมุสลิมยังกล่าวอีกว่า "อีกเรื่องคือเรื่องการติดตามผู้สูญหาย วันนี้เราจึงมาขอข้อมูลเพื่อไปติดตามความคืบหน้ากับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป"
นอกจากนี้ ยังมีนาย
"หลังเปิดสภา จะนำเรื่องเข้าสู่กรรมาธิการยุติธรรม เพราะเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งไม่ควรมองข้าม ทุกสิ่งทุกอย่างรัฐต้องตอบประชาชนได้ รัฐต้องดูแลและบอกประชาชนได้แม้ว่าเวลาจะผ่านไปยาวนานเพียงใดก็ตาม ส่วนประชาชนก็สามารถทวงถามสิทธิที่พึงจะได้รับจากรัฐ" นายนิมุคตาร์ วาบา ว่าที่ ส.ว.ปัตตานีกล่าวเป็นนัยยะถึงคำสัญญาที่สำคัญกับครอบครัวผู้สูญเสีย
เขากล่าวอีกว่า "ประเด็นเรื่องยุติธรรมเป็นเรื่องที่นักการเมืองดูจะไม่ค่อยให้ความสนใจมากนัก จริงๆไม่ใช่เฉพาะเรื่องคนหายใน 3 จังหวัดเท่านั้น แต่ทั่วประเทศก็มีกรณีประชาชนไม่ได้รับความยุติธรรมค่อนข้างมาก ความเหลื่อมล้ำทางสังคมยังมีอยู่สูง เพราะฉะนั้นจะต้องดูแลให้เป็นวาระพิเศษ เรื่องบุคคลสูญหายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นี้ ผมจะนำไปบอกกล่าวให้ดังทั่วประเทศ คนไทยทุกคนต้องได้รับรู้ และ ทุกคนจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เรื่องที่เป็นความทุกข์อย่างหนักหนาสาหัสของครอบครัวผู้ที่สูญหาย"
เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.
"ถ้ากรณีคนในครอบครัวถูกจับ จะต้องส่งฟ้องศาลและแจ้งให้กับครอบครัวได้รับทราบ หากไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนดังกล่าวจะถือว่าเจ้าหน้าที่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มีความผิดขั้นรุนแรง ตำรวจต้องแจ้งให้เราทราบว่าเขาจับทำไม มีข้อหาอะไร จับไว้ที่ไหน ทุกอย่างต้องให้ครอบครัวเขารับรู้ เพื่อที่จะได้เตรียมการเรื่องการประกันตัวผู้ต้องหา หรือ ได้ดำเนินการเรื่องการติดต่อทนายความต่อไป บางรายหายไปเป็นอาทิตย์แล้ว เจ้าหน้าที่เพิ่งมาบอกให้ครอบครัวรู้ ชาวบ้านเขาก็ไม่รู้เรื่องข้อกฎหมาย ซึ่งความจริงสามารถเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ แต่ชาวบ้านไม่ทราบจึงรอดตัวไป"
นาง
การนำครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบมาพบปะและให้ข้อมูลกับทนายความครั้งนี้ นางอังคนาจึงเป็นตัวตั้งตัวตีที่สำคัญ เธอบอกว่า "ความยุติธรรมเป็นเรื่องใหญ่ ประชาชนทุกคนต้องได้รับความเป็นธรรมเสมอเหมือนกันทุกกรณี ทุกวันนี้เราถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้รักษากฎหมายมามากพอแล้ว"
ในเรื่องการให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบนั้น นางอังคนากล่าวว่า "นาย
นี่จึงเป็นอีกความเคลื่อนไหวหนึ่งของกลุ่มผู้ทำงานเรื่องบุคคลสูญหายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลากหลายเสียงสะท้อนจากชาวบ้านที่มาร่วมพบปะพูดคุยกัน บอกกล่าวคล้ายคลึงกันว่า "เจ็บปวดอยู่เสมอแม้เวลาจะผ่านมานานสักเท่าไหร่ก็ตาม" บางรายคือผู้เป็นพ่อของผู้สูญหาย เมื่อเข้าไปสอบถามความรู้สึก เขาถึงกับหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายอย่างไม่อายใคร ก่อนจะบอกว่าเขายังรอคอยการกลับมาของลูกชายผู้เป็นที่รักอยู่เสมอ
"หวังว่าวันหนึ่งเขาจะกลับมา ไม่ว่าเงินช่วยเหลือที่จะได้รับมากมายสักเท่าไหร่ ก็ทดแทนชีวิตลูกชายของผมไม่ได้ คนไม่เคยพบกับความสูญเสียอย่างที่ผมได้รับ ไม่มีวันเข้าใจความเจ็บปวดของผมหรอก...."