Skip to main content
sharethis


นายพชร ยุติธรรมดำรง


 


ประชาไท—27 มิ.ย. 2549 นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด เปิดใจกรณียุบพรรคการเมืองใหญ่ อาจไม่ชี้มูลความผิด หากเห็นว่าความเห็นของกรรมการสอบสวนไม่ถูก ทั้งระบุด้วยว่ากระบวนการยื่นสำนวนสู่ศาลรัฐธรรมนูญยังอีกยาว และจะไม่ทำตามใจกระแสโดยไม่คำนึงถึงการเลือกตั้งวันที่ 15 ต.ค.


 


หลังจากที่วานนี้(26 มิ.ย. ) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เรียกนายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เข้าพบ เพื่อกำชับการดำเนินคดีใน 3 จังหวัดชายแดน ให้เป็นไปตามหลักของกฎหมาย ผู้สื่อข่าวต่างให้ความสนใจกรณีที่นายพชร เข้าร่วมการหารือด้วย เนื่องจากวันนี้ (27 มิ.ย.) จะเป็นวันที่สำนักงานอัยการสูงสุด จะพิจารณาสรุปสำนวนการสอบสวน กรณีพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็ก ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่กกต.ได้ชี้มูลความผิดมาเรียบร้อยแล้ว และจะลงมติว่าจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยยุบพรรคหรือไม่


 


นายพชรได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวในประเด็นที่เป็นข้อกังขา ว่าในการเข้าพบครั้งนี้ไม่มีการหารือเรื่องการยุบพรรคไทยรักไทย ส่วนการพิจารณาการยุบพรรคไทยรักไทยนั้น ได้มอบหมายให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่มีผู้ร้องเรียนเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุด ดำเนินการตามความในมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 ชี้มูลความผิดพรรคไทยรักไทย กระทำผิด พ.ร.บ. พรรคการเมือง พ.ศ.2541 มาตรา 66 (1) และ (3) จ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง ที่มีนายชัยเกษม นิติสิริ รองอัยการสูงสุด เป็นประธานฯ พิจารณาสำนวนสอบสวนทั้งหมด เพื่อหารือในที่ประชุมอัยการสูงสุดวันนี้อีกครั้ง


 


ทั้งนี้ นายพชรกล่าวว่าไม่รู้สึกหนักใจที่ต้องมาทำคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใหญ่ และไม่รู้สึกกดดันเพราะยึดหลักความสามัคคี ทำในสิ่งที่ถูกต้อง และแม้ว่าพรรคไทยรักไทยจะเป็นพรรคการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อตั้งขึ้นซึ่งขณะนี้เป็นรัฐบาลรักษาการ แต่หากจะมีการพิจารณาการยุบพรรคทั้งสองพรรค คือพรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์ การพิจารณาของอัยการที่ดูแลนั้น ก็เหมือนกันทั้งคู่ ไม่ได้มองว่าพรรคนี้ใหญ่ พรรคนี้เล็ก พรรคนี้เก่าแก่ พรรคนี้ตั้งใหม่ โดยยึดหลักฐานว่ามีอยู่เพียงใด


 


อย่างไรก็ตาม นายพชรกล่าวว่าโดยส่วนตัวแล้วยังมีความเห็นว่าบางประเด็นเป็นปัญหาอยู่แต่ก็เป็นความเห็นส่วนตัว ทั้งนี้กรรมการที่รับอำนาจให้สอบสวนเรื่องนี้ ก็ต้องทำตามหน้าที่ ส่วนกระบวนการชี้มูลนั้น หากกรรมการเสนอว่า การสอบสวนครบถ้วนแล้ว และเหมาะสมที่จะชี้มูลก็ทำไป


 


"แต่ถ้าผมเห็นว่าความเห็นไม่ถูก ก็จะไม่ชี้มูล และจะกลับไปถามกรรมการ ว่าสิ่งที่พิจารณานั้นเป็นอย่างไร ส่วนจะใช้เวลาพียงใด ก่อนส่งสำนวนให้ศาลรัฐธรรมนูญ ผมตอบไม่ได้ หากจะทำตามใจบางอย่างนั้น มันเหมือนทำตามกระแส และไม่ได้คำนึงถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 15 ต.ค. ผมไม่ได้สนใจตรงนั้น สมมติว่าจะยื่นหรือไม่ยื่นนั้น กระบวนการมันอีกยาวนาน เพราะต้องมีการสู้คดี หลักฐานมันอยู่ในขั้นตอนการสืบพยาน ผมคิดว่าหากมีการยืดวัน หรือตั้งคณะกรรมการร่วม กระบวนการก็ต้องใช้เวลาอีก ไม่ใช่ว่ากล่าวหาแล้วรับสารภาพ และยุบพรรคได้ทันที ขออย่างเดียว บ้านเมืองสงบสุข ทุกพรรคหันมาลงเลือกตั้งพร้อมๆกัน ให้เกิดความเป็นธรรม ผมอยากให้บ้านเมืองเดินไปด้วยกัน ผมคิดว่าพรรคการเมืองเลิกทะเลาะกันจะดีที่สุด" นายพชร กล่าว


 


นายพชรอธิบายว่า พรบ.พรรคการเมือง มาตรา 67 ระบุว่า กรณีที่ต้องพิจารณาว่า คดีมีหลักฐานเพียงพอส่งศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการสั่งได้ หากมองแล้วหลักฐานไม่ถึง ก็อาจตั้งกรรมการสอบสวนร่วม หากความเห็นของกรรมการขัดแย้งกัน ผลสุดท้าย กกต.จะเป็นผู้ชี้ขาด ว่าจะยื่นหรือไม่


 


ทั้งนี้ สำหรับผลการสอบสวนของอนุกรรมการสอบสวนกกต. ชุดที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธานนั้น นายพชรกล่าวว่า ตามความเห็นส่วนตัวแล้ว ควรที่จะตรวจสอบในบางขั้นตอน เมื่อถามว่า การประชุมในวันนี้ (27 มิ.ย. ) จะได้ข้อสรุปเด็ดขาดเลยหรือไม่ นายพชรกล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะกรรมการสอบสวนกำลังพิจารณาอยู่ และจะไม่ไปก้าวล่วง


 


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณมั่นใจว่าพรรคไทยรักไทยไม่โดนยุบ จะเกิดความอึดอัดในการทำงานหรือไม่ นายพชรกล่าวว่า "ไม่อึดอัด เพราะมันเป็นความเห็นของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งความเห็นนี้อาจเหมือนความเห็นของผมก็ได้"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net