ประชาไท—30 มิ.ย. 2549 เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย มีการเจรจาระหว่างตัวแทนชุมชนริมทางรถไฟคลองตันซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างระบบขนส่งทางรถไฟ (รถไฟฟ้า) เชื่อมต่ออากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง ตั้งแต่สถานีพญาไท-สถานีลาดกระบัง

โดยมีนายยุทธนา ทัพเจริญ รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) และเครือข่ายสลัม 4 ภาค หารือกันเกี่ยวกับการรื้อย้ายชุมชนริมทางรถไฟคลองตันออกจากแนวการก่อสร้างไปยังที่ดินแห่งใหม่บริเวณสถานีรถไฟหัวหมาก ซึ่งเป็นที่ดินที่การรถไฟจัดหาไว้รองรับ

นายยุทธนา กล่าวในที่ประชุมว่า ขณะที่ทางการรถไฟได้ปรับที่ดิน เพื่อเตรียมรองรับชุมชนไว้แล้ว แต่ยังไม่สามารถย้ายชุมชนออกไปได้ เนื่องจากชุมชนเรียกร้องขอค่าขนย้าย รวมเป็นเงินกว่า 7 ล้านบาท ซึ่งการรถไฟไม่มีงบประมาณดังกล่าวมาก่อน ส่วนชุมชนเพชรพระรามที่การรถไฟจ่ายค่าเสียหายให้นั้น เพราะเป็นชุมชนที่ขอเช่าที่ดินจากการรถไฟถูกต้อง และการรถไฟผิดสัญญาจึงต้องจ่ายค่าเสียหายให้ ส่วนชุมชนดังกล่าวเป็นชุมชนบุกรุกในที่ดินการรถไฟ

ทั้งนี้การเจรจาดังกล่าว ไม่สามารถเจรจาเกี่ยวกับค่าขนย้ายได้โดยชุมชนต้องการให้การรถไฟ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนเป็นผู้ประสานงานไปยังบริษัทชิโนไทย ซึ่งเป็นเอกชนผู้ก่อสร้างเส้นทางดังกล่าวช่วยเหลือชุมชนเกี่ยวกับค่าขนย้าย โดยชุมชนดังกล่าวมีสมาชิก 131 ครัวเรือนประสงค์จะย้ายไปที่ดินที่การรถไฟจัดให้ 83 ครัวเรือน นอกนั้นประสงค์ย้ายกลับไปอยู่ภูมิลำเนาเดิม

นอกจากนี้ ชุมชนยังเห็นว่าพื้นที่ใหม่ที่จะรองรับชุมชนที่ต้องย้ายไปนั้น การรถไฟยังถมที่ดินต่ำเกินไป และต้องการถมให้สูงอีก 40 เซนติเมตร อีกทั้งยังต่อไฟฟ้าประปายังไม่เรียบร้อย โดยการรถไฟจะเร่งแก้ปัญหาของชุมชนให้สามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้โดยเร็ว

นายรอย รัถยาอนันต์ หัวหน้างานที่ดินละกฎหมาย สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กล่าวว่าหลักเกณฑ์การช่วยเหลือชุมชนที่ประสบปัญหาไล่รื้อนั้น มีงบช่วยเหลือการก่อสร้างบ้านพักชั่วคราวหลังละไม่เกิน 18,000 บาท แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อชุมชน ขณะเดียวกันการย้ายไปสร้างชุมชนแห่งใหม่ก็สามารถขอสนับสนุนงบประมาณจากโครงการบ้านมั่นคง เพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคในที่ดินแห่งใหม่ได้ครัวเรือนละ 25,000 บาท แต่ต้องดำเนินการภายใต้ระบบกลุ่มหรือองค์กรชุมชน