Skip to main content
sharethis

นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่ไอทีวีได้ชี้แจงกรณีวันที่คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่จะมีผลบังคับใช้ และกรณีการคำนวณค่าปรับจากการดำเนินการผังรายการไม่เป็นไปตามที่ระบุไว้ในสัญญาเข้าร่วมงาน บริษัทขอแจ้งความคืบหน้าว่า บริษัทได้รับหนังสือจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2549 ซึ่งแจ้งว่าคำพิพากษาของศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขแดงที่ 584/2549 มีผลให้บริษัทต้องปฏิบัติตามสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ ฉบับลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2538 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยทันที นับแต่วันที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาดังกล่าว สปน. จึงได้ขอให้บริษัทชำระค่าตอบแทน (ส่วนต่าง) ตลอดจนค่าปรับและดำเนินการปรับผังรายการของบริษัทให้เป็นไปตามสัญญาเข้าร่วมงาน


 


บริษัทได้ส่งจดหมายลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2549 ชี้แจงตอบหนังสือของ สปน.ที่อ้างถึงในแต่ละประเด็น ดังต่อไปนี้


 


บริษัทขอเรียนชี้แจงว่า สปน. ตีความข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ เนื่องจากตามมาตรา 70 วรรค 2 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า "ในกรณีที่เป็นคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นให้รอการปฏิบัติตามบังคับไว้จนกว่าจะพ้นระยะเวลาอุทธรณ์ หรือในกรณีที่มีการอุทธรณ์ให้รอการบังคับคดีไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด" ซึ่งคดีนี้บริษัทได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2549 และศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งรับอุทธรณ์ของบริษัทไว้พิจารณาแล้ว คำพิพากษาของศาลปกครองกลางจึงยังไม่มีผลบังคับจนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษาเป็นที่สุด


 


และเมื่อคำสั่งของศาลปกครองกลางยังไม่มีผลบังคับ สปน. และบริษัทจึงมีหน้าที่และต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการจนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษาเป็นที่สุด ดังนั้น สปน. จึงไม่สามารถใช้สิทธิเรียกร้องให้บริษัทชำระค่าตอบแทน (ส่วนต่าง) และค่าปรับ รวมทั้งให้บริษัทดำเนินการปรับผังรายการให้เป็นไปตามสัญญา


 


2.กรณีที่ สปน. เรียกร้องให้บริษัทชำระเงินค่าตอบแทนขั้นต่ำปีที่ 9 (งวดที่ 7) ที่บริษัทค้างชำระอยู่จำนวน 670 ล้านบาท และเงินค่าตอบแทนขั้นต่ำปีที่ 10 (งวดที่ 8) ที่ค้างชำระอยู่จำนวน 770 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,440 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของเงินค่าตอบแทนที่บริษัทค้างชำระดังกล่าว และให้บริษัทดำเนินการปรับผังรายการให้เป็นไปตามสัญญาเข้าร่วมงาน ข้อ 11 วรรค 1 โดยทันที เนื่องจากในขณะนี้บริษัทได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด คำพิพากษาของศาลปกครองกลางจึงยังไม่มีผลบังคับ ดังนั้น กรณีนี้จึงต้องรอคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดต่อไป


 


3.กรณีที่ สปน. เรียกร้องให้บริษัทชำระค่าปรับตามข้อ 11 วรรค 2 ของสัญญาเข้าร่วมงาน ในกรณีที่บริษัทดำเนินการเรื่องผังรายการไม่เป็นไปตามสัญญาเข้าร่วมงาน ข้อ 11 วรรค 1 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 เป็นต้นมานั้น บริษัทขอเรียนว่าบริษัทยังมิได้กระทำผิดสัญญาตามข้อ 11 ของสัญญาเข้าร่วมงาน อันจะทำให้ สปน. มีสิทธิเรียกร้องค่าปรับได้ตามที่ สปน. กล่าวอ้าง เนื่องจากการดำเนินการของบริษัทเกี่ยวกับผังรายการที่ผ่านมานั้น บริษัทได้ดำเนินการตามข้อ 11 ของสัญญาเข้าร่วมงาน และตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 29/2545 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 4/2547 ที่วินิจฉัยให้บริษัทสามารถออกอากาศในช่วงเวลา Prime Time คือช่วงเวลาระหว่าง 19.00-21.30 น. ได้โดยไม่ถูกจำกัดเฉพาะรายการข่าว สารคดี และสาระประโยชน์ และบริษัทจะต้องเสนอรายการข่าว สารคดี และสาระประโยชน์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของเวลาออกอากาศทั้งหมด เพื่อให้บริษัทสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์รายการอื่น ๆ ได้อย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกัน ซึ่งคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการดังกล่าวมีผลผูกพัน สปน. และบริษัทให้ต้องปฏิบัติตาม ตั้งแต่วันที่สำเนาคำชี้ขาดไปถึงคู่พิพาท ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 และข้อ 30 วรรคท้าย แห่งข้อบังคับสำนักงานศาลยุติธรรมว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ สถาบันอนุญาโตตุลาการ ประกอบกับข้อ 15 วรรค 1 ตอนท้ายของสัญญาเข้าร่วมงาน ที่กำหนดให้คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเป็นที่สุดและผูกพันคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย ดังนั้น การดำเนินการของบริษัทเกี่ยวกับผังรายการที่ผ่านมา จึงเป็นการกระทำตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการโดยสุจริต ในขณะที่คำชี้ขาดดังกล่าวยังมิได้มีคำสั่งศาลถึงที่สุดให้เพิกถอนคำชี้ขาด จึงยังคงมีผลผูกพันคู่สัญญา กรณีจึงไม่อาจถือว่าบริษัทได้กระทำผิดสัญญาอันจะทำให้ สปน. มีสิทธิเรียกร้องค่าปรับจากบริษัท ตามข้อ 11 วรรค 2 ของสัญญาเข้าร่วมงานได้


 


4.การคำนวณเงินค่าปรับในอัตราร้อยละ 10 ของค่าตอบแทนที่ สปน. จะได้รับในปีนั้น ๆ โดยคิดเป็นรายวัน ตามสัญญาเข้าร่วมงาน ข้อ 11 วรรค 2 ในกรณีที่บริษัทดำเนินการเรื่องผังรายการไม่เป็นไปตามสัญญาเข้าร่วมงาน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 จนถึงวันที่ 9 พฤษภาคม 2549 เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 75,960 ล้านบาท ตามที่บริษัทได้เรียนชี้แจงไว้ในข้อ 3 แล้วว่าบริษัทมิได้กระทำผิดสัญญาข้อ 11 ของสัญญาเข้าร่วมงาน อันจะทำให้ สปน. มีสิทธิเรียกร้องค่าปรับ ดังนั้น บริษัทจึงไม่มีความผูกพันใด ๆ ตามกฎหมายที่จะต้องเสียค่าปรับใด ๆ ให้แก่ สปน.อย่างไรก็ตาม การตีความและคิดคำนวณค่าปรับข้างต้นของ สปน. ดังกล่าวไม่ถูกต้อง เนื่องจากตามเจตนารมณ์ของสัญญาเข้าร่วมงาน ข้อ 11 วรรค 2 ได้กำหนดให้คำนวณค่าปรับในการผิดสัญญาดังกล่าวในอัตราร้อยละ 10 ของค่าสัมปทานในปีนั้น ๆ ดังนั้น หากค่าสัมปทานสูงสุดเป็นเงิน 1,000 ล้านบาท ค่าปรับสูงสุดต่อปีก็จะเป็นเงิน 100 ล้านบาทเท่านั้น หรือในกรณีที่ผิดสัญญาไม่ครบ 1 ปี ก็ให้คำนวณค่าปรับเป็นรายวัน ซึ่งจะเป็นเงินเท่ากับวันละ 274,000 บาท (100 ล้านบาท หารด้วย 365 วัน) มิใช่วันละ 100 ล้านบาท ดังที่ สปน. เข้าใจ ดังนั้น การคำนวณค่าปรับตั้งแต่ 1 เมษายน 2547 จนถึงวันที่ 9 พฤษภาคม 2549 เป็นเงินประมาณ 208 ล้านบาท มิใช่ 75,960 ล้านบาท ตามหนังสือที่อ้าง


 


5.บริษัทจะต้องชำระเงินค่าตอบแทนขั้นต่ำปีที่ 11 ตามสัญญาเข้าร่วมงาน ข้อ 5 วรรค 1 และข้อ 6 ให้แก่ สปน. ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2549 เป็นจำนวนเงินเท่าใดในการชำระค่าตอบแทนดังกล่าว บริษัทขอเรียนชี้แจงว่าทั้ง สปน. และบริษัทมีหน้าที่ผูกพันตามสัญญาเข้าร่วมงาน ข้อ 15 ที่จะต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการโดยยังคงต้องชำระค่าตอบแทนเป็นเงิน 230 ล้านบาท ตามที่คณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาด ทั้งนี้ เนื่องจากคำพิพากษาของศาลปกครองกลางยังไม่มีผลบังคับตามมาตรา 70 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองตามที่ได้เรียนชี้แจงมาแล้วในข้อ 1จากข้อเท็จจริงและเหตุผลที่ได้เรียนชี้แจงมาดังกล่าวข้างต้น บริษัทขอเรียนว่าบริษัทมีความประสงค์ที่จะดำเนินการตามสัญญาเข้าร่วมงานต่อไป และบริษัทมีความตั้งใจอย่างแท้จริงที่จะดำเนินการและให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามสัญญาเข้าร่วมงานอย่างดียิ่ง ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นธรรมกับคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net