สุลักษณ์ ศิวรักษ์ และ นายสาลี หมะประสิทธิ์
คณาอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนนำโดย อาจารย์
วันที่ 10 กรกฎาคม เวลา 09.30 น.คณะอาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนเดินทางถึงยังมหาวิทยาลัยชาวบ้านลานหอยเสียบ อ.จะนะ จ.สงขลา โดยมีชาวบ้านเครือข่ายคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย มาเลเซียถือธงสีแดงมายื่นตั้งแถวรอต้อนรับเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งตะโกนต้อนรับว่า "นายหัวเห้อ" และมีการขานรับติดต่อกัน บรรยายกาศเป็นไปด้วยความคึกคัก
จนกระทั่งเวลา 09.30 น.อาจารย์
ในปี พ.ศ. 2549 มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนมีมติให้เชิญตัวแทนของเครือข่ายคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง แสดงปาฐกถาประจำปี ด้วยตระหนักอย่างดีถึงความเสียสละ ความอดทน และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพี่น้องชาวจะนะ ในการร่วมคิดร่วมทำ เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของทรัพยากรชายฝั่งไว้ให้ลูกหลาน รวมทั้งการค้นหาการใช้ทรัพยากรดังกล่าวนี้อย่างเป็นธรรมและยั่งยืน
ในการต่อสู้กับการแย่งชิงทรัพยากรชายฝั่งไปบำเรอต่างชาติกรณีของจะนะนั้น อันที่จริงก็ไม่ต่างจากปาฐกถาเจริญ วัดอักษรที่แล้วมา คือการเผชิญหน้ากับทุนที่มีรัฐหนุนหลังทั้งสิ้น วิธีการต่อสู้ที่พี่น้องในเครือข่ายต่อต้านท่อก๊าซใช้ไม่แตกต่างจากวิธีการที่พี่น้องที่อื่นใช้ คือเป็นการต่อต้านโดยสันติวิธี อันเป็นพลังที่ทรงพลังที่สุด พี่น้องจะนะสามารถรวมกลุ่มและรักษากลุ่มให้ยืนยงได้อย่างไม่แตกสลาย แม้ว่าจะถูกอำนาจเงิน อำนาจรัฐ และอำนาจเถื่อนแทรกแซงข่มขู่เพื่อทำลายการรวมกลุ่มตลอดก็ตาม ทางมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจึงรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงแก่มหาวิทยาลัยที่พี่น้องเครือข่ายคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซียรับแสดงปาฐกถาประจำปีในปีนี้
หลังจากนั้น นาย
ตามหลักการศาสนาอิสลาม เราถือว่าโลกแห่งนี้เป็นโลกดุนยาหรือโลกนี้เป็นเพียงโลกสมมติ คือโลกชั่วครั้งชั่วคราว ฉะนั้นสิ่งที่อยู่บนโลกนี้คือสิ่งที่ไม่จริง และไม่เที่ยงแท้ ดุนยา เต็มไปด้วยสิ่งหลอกลวง ที่อัลลอฮสร้างไว้เพื่อทดสอบมนุษย์ ให้เราเลือกเดินไปทางไหนก็ได้ ให้เลือกว่าสิ่งใดชั่วสิ่งใดดี แต่เมื่อเราเลือกเดินไปในทางที่ถูกต้อง เลือกที่จะทำความดีตามที่อัลลอฮทรงให้ทางไว้ ก็เท่ากับเราสะสมเสบียงแห่งความดีงาม เพื่อนำชีวิตไปสู่เป้าหมายที่แท้จริงคือโลกหน้าหรืออาคิเราะฮ์นั่นเอง ฉะนั้นจงอย่าลุ่มหลงอยู่กับเงินทองผลประโยชน์ลาภยศ สรรเสริญ บนโลกนี้
หน้าที่ที่สำคัญอีกอย่างคือ มุสลิมทุกคนต้องปกป้องทรัพยากร สิ่งแวดล้อม เพราะผืนแผ่นดินและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดนี้อัลลอฮทรงประทานมาเพื่อให้มนุษย์ใช้ในการดำรงชีวิต ได้ทำมาหากินจากทรัพยากรทั้งหลายอย่างพอเพียง แต่ถ้ามีผู้หนึ่งผู้ใดเกิดความละโมบแย่งชิงทรัพยากรของผู้อื่นมาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ก็เท่ากับผู้นั้นทำลายผืนแผ่นดินแห่งนี้ เท่ากับผู้นั้นทรยศต่อองค์อัลลอฮ ฉะนั้นมุสลิมต้องถือเป็นหน้าที่ ต้องถือเป็นหลักปฏิบัติตามบทบัญญัติอัลกุรอานในการดำเนินชีวิตว่า เราต้องทำในสิ่งที่พระเจ้าใช้ให้ทำ และไม่ทำในสิ่งที่พระเจ้าห้าม
นี่คือวิถีมุสลิมที่เราถือปฏิบัติกันมายาวนาน ซึ่งจะขัดแย้งกับระบบทุนนิยมที่คนจะถือเอาเงินและอำนาจเป็นใหญ่มองข้ามการปกป้องทรัพยากร เอารัดเอาเปรียบผู้อื่นถือเอาผลประโยชน์ของตนและพวกพ้องเป็นตัวตั้ง และพยายามรื้อถอนวิถีดั้งเดิมของชุมชน โดยเฉพาะรัฐบาลที่นำโดยนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่มีนโยบายขัดแย้งกับวิถีการดำรงอยู่ของมุสลิม อันมีความหมายถึงชีวิตที่สงบ เรียบง่าย และสันติสุข แต่นายกฯกลับมองว่าเงินเท่านั้นที่เปรียบเสมือนกับคำตอบของทุกสิ่งทุกอย่าง ดังคำกล่าวของนายกฯที่ว่า "เราจะรวยกันชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า" นี่เป็นคำกล่าวของคนที่ไหลไปตามกระแสทุนนิยม ลุ่มหลงในอำนาจ และเงินตรา เสพสุขในโลกนี้ หลงลืมการสะสมความดีงามอันจะนำไปสู่เป้าหมายที่แท้จริงคือโลกหน้านั่นเอง
เมื่อคนหลงใหลระบบทุนนิยม นิยมเงินตราเข้ามามีอำนาจในบ้านเมือง ก็พยายามยัดเยียดความเจริญทางวัตถุให้กับชุมชนในรูปแบบต่างๆ ในคราบการพัฒนาจากรัฐ โดยไม่สนใจว่ามันจะส่งผลกระทบอะไรกับทรัพยากรหรือมันจะทำลายวิถีดั้งเดิมของชุมชนอย่างไร ดังเช่นชุมชนของเราที่การพัฒนาของรัฐเข้ามาในคราบของโครงการท่อส่งก๊าซ โรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
โครงการฯนี้ เข้ามาในชุมชนเปรียบเสมือนชัยฎอน หมายถึงปิศาจร้าย ที่เข้ามาพร้อมกับความละโมบของมนุษย์ เห็นผลประโยชน์ส่วนตัวสำคัญกว่าประเทศชาติ โดยรัฐพยายามผลักดันการก่อสร้างโครงการฯ ทั้งที่ประเทศชาติต้องสูญเสียผลประโยชน์ เห็นได้จากการที่รัฐบาลยอมทำสัญญาทั้งที่ประเทศไทยเสียเปรียบประเทศมาเลเซีย ก่อสร้างโครงการฯ ทั้งที่ประเทศไทยยังไม่มีความพร้อม และที่สำคัญไม่มีความจำเป็นอันสมเหตุสมผล ที่จะต้องวางแผนใช้ก๊าซธรรมชาติปริมาณมากในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ความผิดพลาดดังกล่าวถึงขั้นทำทุกวิถีทางเพื่อเร่งก่อสร้างโรงงานแล้วให้ประเทศมาเลเซียนำก๊าซไปใช้ก่อน
ปิศาจร้ายในคราบโครงการฯ นี้เข้ามาในชุมชนมุสลิม เพื่อทำลายวิถีชีวิตมุสลิมอันเรียบง่าย วิถีอันสงบสุขของเราถูกทำลายลงด้วยระบบอุตสาหกรรม เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงจากปล่องไฟของโรงแยกก๊าซ เหมือนเปลวไฟนรกที่กำลังเผาไหม้เข้าทำลายพี่น้องมุสลิมของเรา เพราะเพียงการเริ่มต้นโครงการฯ ก็ใช้เงินมาฟาดหัวพี่น้องประชาชน เอาผลประโยชน์เข้ามาในชุมชน ติดสินบนเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ เข้ามาพร้อมกับคำโกหกหลอกลวง พร้อมกับการปกปิดความจริง บอกเล่าความจริงไม่หมด พฤติกรรมดังกล่าวทำให้พี่น้องเราเกิดความเห็นที่แตกต่าง เกิดความแตกแยก บาดหมางกันในชุมชน
ดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ โดยปราศจากการมีส่วนร่วมของประชาชน ผิดรัฐธรรมนูญ จัดทำประชาพิจารณ์เพียงเพื่อให้รัฐบาลได้ความชอบธรรม โดยจัดทำภายหลังการตัดสินใจเดินหน้าโครงการฯไปแล้ว อนุมัติให้การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมผ่าน ทั้งที่ผู้ชำนาญการฯ มิได้เห็นชอบ และอีกหลายประเด็นที่โครงการฯนี้ดันทุรังมา ด้วยกระบวนการที่ผิดมาตลอด
จนกระทั่งปัจจุบัน ภายหลังการก่อสร้างโรงแยกก๊าซ เริ่มมีการปล่อยกลิ่นเหม็นปะปนมาในอากาศบริสุทธิ์ที่อัลลอฮประทานให้มนุษย์ มีการปล่อยน้ำเสียลงสู่ป่าพรุ ทำลายแหล่งอาหารที่อัลลอฮทรงประทานมา และต่อไปทะเลอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งอัลลอฮสร้างไว้จะถูกทำลายลงหากเราไม่ร่วมกันปกป้องระบบทุนนิยมที่ไม่เห็นถึงความศรัทธา และหลักการศาสนาอิสลามที่ให้มุสลีมีน และมุสลีมะห์ ปฏิบัติตนตามหลัก 5 ประการ คือ 1. การปฎิญาณตนต่อพระเจ้า 2.การละหมาดห้าเวลา 3.การถือศีลอดเพื่อให้ถ่อมตนและนึกถึงคนผู้อดอยาก ฝึกความอดทนกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องทั้งหลาย 4.การจ่ายซากาตหรือการบริจาคสำหรับคนที่มีทรัพย์สินมาก ต้องให้ทานกับผู้ไม่มีกิน หรือผู้ถูกทอดทิ้ง และ5. การประกอบพิธีฮัจญ์สำหรับคนมีความสามารถ และตามที่ฐานะอำนวย
แต่ระบบทุนนิยมในคราบของโครงการท่อก๊าซได้ทำลายหลักการมุสลิมทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง เริ่มตั้งแต่การปฎิญาณตนต่อพระเจ้า เพราะสิ่งที่เข้ามากับโครงการทำลายคนดี ทำให้คนฆ่าคน ฆ่าความคิด ทำให้คนหลงผิด ทำให้คนแตกแยกไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ
มุสลิมต้องละหมาด 5 เวลา เพื่อกราบไหว้และมีจิตใจที่แน่วแน่สู่อัลลอฮฺ อันเป็นการสร้างความดีงาม อยู่ในหลักศาสนา แต่เมื่อระบบทุนนิยมเข้ามา ทำให้เราละเลยการเข้าถึงพระเจ้า เอาเงิน และผลประโยชน์เป็นตัวตั้ง หนุ่มสาวต้องเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมที่ต้องแข่งกับเวลา ละเลยการละหมาด หายใจเข้า-ออกเป็นเงินตรา การแต่งกายที่เปลี่ยนไปตามที่ระบบทุนนิยมกำหนด หลงลืมการคลุมฮิญาบ ลืมการสวมหมวกกะปิเย๊าะลืมการแต่งกายที่ถูกต้องตามหลักการศาสนา
การบริจาค เมื่อโครงนี้เข้ามาในชุมชน มีการนำเงินเข้ามาแจกจ่ายเป็นจำนวนมากมีทั้งการบริจาคให้กับสถานที่สำคัญในชุมชน อย่างเช่น โรงเรียน มัสยิด และการจ่ายในรูปค่าชดเชยผลกระทบต่างๆ ที่เกิดความเสียหายจากการดำเนินโครงการฯ ซึ่งหลายคนให้ข้อสรุปว่ามันคือการติดสินบน หาใช่การบริจาคที่แท้จริงไม่ เมื่อเงินได้มาง่าย คนก็เอาไปใช้จ่ายในสิ่งที่นำตนไปสู่อบายมุข เที่ยวคาราโอเกะ ไปเที่ยวบาร์ ดื่มเหล้าเมายา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงเพลงคาราโอเกะที่ดังออกมาจากโรงแยกก๊าซหลายครั้งที่รบกวนเสียงอาซานชักชวนไปสู่การกราบไว้พระเจ้า ทำให้ลืมหลักการศาสนาที่ต้องให้บริจาค
ส่วนการถือศีลอดของพี่น้องมุสลิม เมื่อโครงการเข้ามา คนในชุมชนเข้าไปทำงานในโรงแยกก๊าซ เข้าไปในระบบทุน ทำให้ขาดความอดทน ลืมอัลลอฮไม่ถือศีลอด เพราะถูกยั่วยุจากสิ่งชั่วร้ายมากขึ้น ไปทำตามจุดประสงค์ของชัยฎอน
สุดท้ายการประกอบพิธีฮัจญ์ บางคนเงินที่ได้มาจากการกระทำที่ไม่ถูกต้องเป็นเงินที่ได้มาจากการสร้างความเดือดร้อนให้กับชุมชน หรือเงินจากการติดสินบน การนำเงินไม่สะอาดดังกล่าวไปทำพิธีฮัจญ์จะถือว่าการทำฮัจญนั้นสมบูรณ์หรือไม่พี่น้องลองใคร่ครวญทบทวนดู
ต่อมานาง
และแม้ว่าจะมีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญเข้ามาตรวจสอบและได้ผลสรุปว่าโครงการฯ ทำผิดกฎหมาย ให้หยุดการกระทำดังกล่าว แล้วมาเริ่มต้นตรวจสอบกันก่อน แต่รัฐบาลกลับเพิกเฉยและไม่ดำเนินการต่อผู้กระทำผิดแต่อย่างใด
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นสำหรับพี่น้องมุสลิมเราแล้ว เส้นทางดังกล่าวหาใช่เป็นเพียงที่ดินสาธารณประโยชน์ตามกฎหมายเท่านั้น แต่เป็นทางวะกัฟ ซึ่งตามหลักการศาสนาเป็นที่ดินซึ่งอุทิศเพื่อพระผู้เป็นเจ้าให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
ที่ดินวะกัฟดังกล่าว เป็นการวะกัฟ ยารีย๊ะ หมายถึงการอุทิศโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น เจ้าของเดิมหรือผู้หนึ่งผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์ครอบครองอีกต่อไป อีกทั้งไม่สามารถซื้อขาย แลกเปลี่ยน โอน หรือเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้จนกว่าจะถึงวันสิ้นโลก แต่ทางบริษัทกลับบุกรุก ครอบครอง เพื่อก่อสร้างโรงแยกก๊าซ การกระทำของบริษัท ทรานส์ ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงเป็นการละเมิดหลักการศาสนาอิสลาม และละเมิดสิทธิชุมชน โดยไม่ไยดีต่อคำทักท้วงของชาวมุสลิม พวกเราจึงต้องลุกขึ้นมาปกป้องและทวงสิทธิที่รัฐไม่เคยพยายามทำความข้าใจ
และเรื่องราวการต่อสู้เพื่อปกป้องที่ดินวะกัฟจะยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจาก "หากมุสลิมรู้ว่ามีที่ดินวะกัฟแล้วนิ่งเฉยยอมให้ผู้อื่นเข้ามาครอบครอง ไม่ช่วยกันปกป้อง ไม่ช่วยกันยืนยัน และไม่เผยแพร่ความจริงแก่สาธารณะ ถือว่าบาป(ตกนรก) มุสลิมต้องรับผิดชอบ "วายิบ" เป็นสิ่งจำเป็นตามหลักการศาสนา ปฏิเสธไม่ได้"
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราอยากจะสื่อสารต่อท่านทั้งหลายว่าเราเจ็บปวดอย่างไร เพราะนอกจากสิ่งแวดล้อมที่กำลังเปลี่ยนไปแล้ว วิถีมุสลิมของเรากำลังโดนทำลายด้วย ลูกหลานเราจะมีชีวิตต่อไปอย่างไรในโลกที่ทุนนิยมเป็นใหญ่ โลกที่ทุกคนเอาเงินเป็นตัวตั้ง โลกที่ปราศจากการกระทำที่ดี ให้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะหากเอาดุนยามาเป็นตัวตั้ง ลุ่มหลงกับผลประโยชน์ในโลกนี้ ดังที่ผู้นำประเทศตั้งเป้าหมายให้ประชาชนเห็นเพียงความสำคัญของความร่ำรวย ไม่มีศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ตามหลักศาสนาแล้วมุสลิมผู้นั้นจะตกศาสนา ที่หลงใหลเพียงโลกนี้ ไม่เอาโลกหน้า จิตใจของมุสลิมคือพระเจ้า เชื่อในความดี ความชั่ว เชื่อในโลกอาคิเราะฮ์อันหมายถึงโลกหน้าการคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซ และโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย จึงไม่ใช่เป็นเพียงการหยุดการก่อสร้างโครงการฯ เท่านั้นแต่เป็นการดำเนินชีวิตตามหลักศาสนา แม้จะมีการใช้กลไกอำนาจรัฐ การใช้อิทธิพลเถื่อน การข่มขู่คุกคาม ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพี่น้องมุสลีมีน และมุสลีมะห์ ได้ เพราะพวกเรานั้นได้สะบีลิ้ลละห์อันหรือเป็นการอุทิศร่างกายนี้ให้อัลลอฮแล้ว และเพื่อปกป้องศาสนา ตามบทบัญญัติแห่งอัลลอฮ
พร้อมกับการกระทำดังกล่าวซึ่งเราเชื่อมั่นว่าเป็นสิ่งดีงามเราได้ขอดุอาจากอัลลอฮ การขอดุอา เป็นส่วนหนึ่งของหลักศรัทธาในศาสนาอิสลาม แต่อัลลอฮ ได้ประทานความคิดมาในหัวสมอง สร้างมือสร้างตีน มาให้เราต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้องดีงาม มิใช่เพียงนั่งงอมืองอเท้าแล้วรอพรจากพระองค์ ดังนั้น พร้อมๆ กับการขอดุอาเราต้องอุตสาหะ เพียรพยายามให้เต็มความสามารถ
การบอกสิ่งดีถือว่าเป็นการให้ทาน เราจึงต้องบอกความจริงกับสาธารณชนว่า โครงการฯนี้ หมกเม็ด ฉ้อฉล ทำลายผลประโยชน์ของประเทศชาติ ทำลายทรัพยากร สิ่งแวดล้อม และทำลายชุมชน หากไม่บอกทั้งที่รู้แล้วกลับนิ่งเฉย ถือว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นบาป เราต้องลงมือกระทำ และต้องใช้วาจาบอกกล่าว และแม้ว่าเราจะบอกกล่าวแล้วยังไม่สามารถหยุดยั้งได้ บทบัญญัติกล่าวว่าเรายังคงต้องใช้จิตใจบอกกล่าวต่อไปด้วยความมุ่งมั่น
การหยุดยั้งปิศาจร้ายหรือชัยฏอนที่มากับโครงการฯ นี้ จะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวหาได้ดูที่การก่อสร้างโครงการว่ารุดหน้าไปถึงไหนแล้วไม่ หากแต่ตัวชี้วัดอยู่ที่ จิตใจของเรายังคงต่อสู้เพื่อสิ่งดีงาม สิ่งที่ถูกต้องตามหลักการศาสนาหรือไม่ หากเราท้อถอย จิตใจอ่อนแอ เราหยุด ปราศจากการต่อสู้ นั่นหมายถึงว่าเราล้มเหลว แต่หากจิตใจเรายังมั่นคงที่จะต่อสู้ กล้าหาญที่จะหยุดความเลวร้ายที่เข้ามา และตอบอัลลอฮได้ในวันสิ้นโลกถึงการใช้ชีวิตของเรา นั่นต่างหากคือเราประสบความสำเร็จเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์
หลังจากที่ปาฐกถาแล้วทางอาจารย์
หลังจากนั้นอาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ได้ทำพิธีมอบเหรียญเจริญ วัดอักษรให้กับตัวแทนเครือข่ายคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซฯไทย มาเลเซีย จากนั้นได้ร่วมกันรับประทานอาหารกลางวันก่อน โดยทางชาวบ้านได้นำอาหารมาเลี้ยงต้อนรับคณะเป็นจำนวนมาก ก่อนที่คณะมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะเดินทางกลับในเวลา 13.30 น.
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)