ประชาไท—13 ก.ค. 2549 น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค หนึ่งในแกนนำคัดค้านการเจรจาเอฟทีเอไทย-สหรัฐ กล่าวว่า จากกระแสข่าวว่าจะมีการเจรจานอกรอบเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรีกับทางสหรัฐนั้น คิดว่าทางสหรัฐไม่น่าจะทำเช่นนั้น เนื่องจากเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับเสถียรภาพของรัฐบาลประเทศคู่เจรจาอย่างมาก แต่รัฐบาลไทยขณะนี้ยังเป็นเพียงแค่รัฐบาลรักษาการเท่านั้น จึงเชื่อว่าการเจรจาหรือการหารือนอกรอบไม่น่าเกิดขึ้น

"ในฐานะรัฐบาลรักษาการ ก็ไม่มีความชอบธรรมในการทำข้อตกลง หากดำเนินการไปจะถือเป็นการทำผิดมรรยาทอย่างมาก เนื่องจากต้องเป็นอำนาจของรัฐบาล ถาวรเป็นผู้ดำเนินการ" น.ส.สารี กล่าว

นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่สังคมไทยควรหันมาคิดในเรื่องการเจรจาเอฟทีเอ คือ หากเราไม่ทำเอฟทีเอจะมีทาง เลือกทางการค้าอื่นหรือไม่ โดยนักวิชาการต้องออกมาช่วยกันระดมความเห็นว่าจะทำอย่าง ไร เพราะไม่ว่าอย่างไรการเจราจาการค้าย่อมเกิดขึ้นแน่นอน ดังนั้นต้องหาทางเลือกอื่น เช่น ประเทศโบลิเวียเลือกที่จะเจราจา การค้ากับเมืองลอนดอนโดยตรง โดยเลี่ยงจะเจรจากับรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งเป็นการทำข้อ ตกลงกับท้องถิ่นแทน

น.ส.สารี ยังแสดงความเป็นห่วงอีกกรณีหนึ่งคือ การเจรจาเอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่น ทราบว่ามีการตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการรอลงนามเท่านั้น อย่างไรก็ตามมีรัฐมนตรีไทยบางคนไปพบกับทางญี่ปุ่นและยืนยันการเซ็นสัญญาทั้งที่รัฐบาลกำลังหมดวาระทางการเมือง ถือเป็นการทำที่ผิดมารยาทอย่างแรง

ข้อตกลงการค้ากับทางประเทศญี่ปุ่นจะส่งผลกระทบต่อการดูแลสุขภาพคนไทย เนื่องจากเป็นการตกลงการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยรวมทั้งคนแก่ในญี่ปุ่นมารักษายังประเทศไทย กลุ่มที่ได้ประโยชน์คือโรงพยาบาลเอกชนซึ่ง ปัจจุบันได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ และผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็นคนภายในรัฐบาลเอง