ภาคใต้—19 ก.ค. 2549 หมอกควันไฟป่าจากเกาะสุมาตรา ปกคลุม 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ทัศนวิสัยแย่ เตือนประชาชนระมัดระวังอุบัติเหตุจากการเดินทาง ทั้งทางบก - ทางเรือ สาธารณสุขออกโรงจี้ผู้ป่วยภูมิแพ้ งดกิจกรรมกลางแจ้ง

ควันไฟอินโดฯ คลุมภาคใต้ตอนล่าง

นายวันชัย ศักดิ์อุดมชัย หัวหน้ากลุ่มงานพยากรณ์อากาศ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ขณะนี้สภาพอากาศภาคใต้ตอนล่าง บริเวณจังหวัดสตูล ตรัง พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส มีหมอกควันจากไฟป่าบนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ปกคลุมหนาทึบ ลักษณะดังกล่าวขึ้นอยู่กับสถานการณ์ไฟป่าในอินโดนีเซีย และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนำพาหมอกควันเข้าสู่ประเทศไทย

นายวันชัย กล่าวว่า หมอกควันที่เกิดขึ้น ยังไม่ส่งกระทบต่อการสัญจรทางอากาศ เครื่องบินยังคงขึ้นลงได้ตามปกติ ทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ได้แจ้งข้อมูลให้สนามบินหาดใหญ่รับทราบทุกๆ ครึ่งชั่วโมง สำหรับปริมาณหมอกควันในขณะนี้ จะส่งผลกระทบเบื้องต้นทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นลดลง ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากการเดินทาง โดยเฉพาะการเดินเรือในฝั่งอันดามัน โดยศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ได้รายงานสภาพอากาศให้ส่วนราชการแต่ละจังหวัดรับทราบ เพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้ว

ทั้งนี้ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก จังหวัดสงขลา ได้รายงานสถานการณ์หมอกควันจากอินโดนีเซียว่า ยังคงปกคลุมจังหวัดภาคใต้ตอนล่างทั้งหมด โดยพื้นที่ที่มีปริมาณหมอกควันมากที่สุด คือ สตูล สงขลา ยะลา และนราธิวาส โดยจะปกคลุมต่อเนื่องไปอีก 2 - 3 วัน เนื่องจากเหตุไฟไหม้ป่าบนเกาะสุมาตรายังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับภาคใต้ตอนล่างฝนไม่ตก ต้องอาศัยลมพัดเอาหมอกควันออกไปเท่านั้น

ขณะเดียวกันสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 16 จังหวัดสงขลา ได้ตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ พบค่าฝุ่นขนาดเล็กที่มีอนุภาคเล็กกว่า 10 ไมครอน สูงขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่อยู่ที่ 114.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นค่าดัชนีคุณภาพอากาศเท่ากับ 96 ซึ่งจัดอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย สำหรับผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายนอกอาคาร ส่วนทัศนวิสัยในการมองเห็นในช่วงเช้าอยู่ที่ระยะ 2 กิโลเมตร ช่วงบ่ายอยู่ที่ 6 กิโลเมตร ได้แจ้งเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังในการคมนาคมแล้ว

สำหรับสถานการณ์ไฟไหม้บนเกาะสุมาตรา จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคมของทุกปี เนื่องจากเป็นช่วงฤดูแล้งของคาบสมุทรมาเลเซีย สิงคโปร์ สุมาตรา และกาลิมันตัน สำหรับปีนี้ ไฟเริ่มไหม้ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2549 จำนวน 177 จุด โดยวันที่ 5 กรกฎาคม 2549 เกิดไฟไหม้สูงสุด 388 จุด และระหว่างวันที่ 6 - 15 กรกฎาคม 2549 ปริมาณไฟไหม้ลดจำนวนลงเรื่อยๆ กระทั่ง วันที่ 16 กรกฎาคม 2549 ไฟไหม้บนเกาะสุมาตราเพิ่มเป็น 151 จุด

เตือนผู้ป่วยภูมิแพ้งดกิจกรรมกลางแจ้ง

ทางด้านจังหวัดสตูลว่า หมอกยังคงปกคลุมพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทัศนวิสัยมองเห็นได้เพียง 300 - 400 เมตร อุตุนิยามวิทยาจังหวัดสตูล ประกาศเตือนผู้ใช้ยวดยานพาหนะสัญจรไปมาในพื้นที่มีกลุ่มหมอกควันปกคลุม เพิ่มความระมัดระวังในการใช้เส้นทาง และการเดินเรือทะเล ส่วนชาวประมงขนาดเล็กให้หยุดเดินเรือชั่วคราว

ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสตูล ประกาศเตือนให้ประชาชนงดทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หากผู้ใดมีอาการหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก ให้พบแพทย์ทันที

ตรังเตือนคนขับรถ

นายธีระ เซ่งง่าย เจ้าหน้าที่สถานีอุตุนิยมวิทยาตรัง เปิดเผยว่า เกิดสภาพฟ้าหลัวและมีหมอกควันปกคลุมจังหวัดตรัง มาตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2549 ส่งผลให้ทัศนวิสัยการมองเห็น ซึ่งปกติอยู่ที่ระยะ 10 กิโลเมตร ลดลงเหลือเพียง 4 - 5 กิโลเมตร โดยเฉพาะช่วงเช้าจะเห็นกลุ่มหมอกควันชัดเจน ในช่วงสายกลุ่มหมอกควันจะเริ่มจางลง ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นอยู่ที่ระยะ 5 - 7 กิโลเมตร จึงให้ประชาชนระมัดระวังอันตราย ในการเดินทางด้วยยานพาหนะ

นายแพทย์วิฑูรย์ เหลืองดิลก ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง กล่าวว่า กลุ่มหมอกควันดังกล่าว อาจจะมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้มีอาการจาม คัดจมูก และเป็นภูมิแพ้ โดยเฉพาะบุคคลที่เป็นภูมิแพ้มากๆ อยู่แล้ว อาจมีอาการหอบหืด หรือมีโอกาสแพ้ได้ง่ายขึ้น จึงควรหลีกเลี่ยงด้วยการอยู่ภายบ้านหรืออาคาร หลบหลีกอากาศภายนอกอาคาร หรือในพื้นที่โปร่ง

ปัตตานีเตือนประชาชนดูแลสุขภาพ

ทางด้านจังหวัดปัตตานี ได้มีประกาศลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2549 แจ้งเตือนอันตรายจากหมอกควันไฟไหม้ป่าจากประเทศอินโดนีเซีย ที่พัดเข้าปกคลุมพื้นที่จังหวัดปัตตานี ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีความรุนแรงมากขึ้น โดยคาดว่าหมอกควันจะปกคลุมจังหวัดปัตตานีอีก 1 - 2 วันเป็นอย่างน้อย จึงแจ้งเตือนให้ประชาชนระวังรักษาสุขภาพ และระมัดระวังในการใช้ยานพาหนะสัญจรเดินทางทั้งทางบกและทางน้ำ เพราะหมอกควันส่งผลให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นอยู่ในระยะเพียง 2 - 4 กิโลเมตรเท่านั้น