Skip to main content
sharethis

 


       


  นางละเอียด อ่อนสะอาด แม่ลูกอ่อนแฝดสอง,  บรรยากาศในการเข้ามอบตัวกับพนักงานอัยการ


 


 


ประชาไท—3 ส.ค. 2549 พนักงานสวบสวนส่งสำนวนแจ้งจับแกนนำต้านเหมืองโปแตชให้อัยการ ชาวบ้านวิ่งเต้นระดมทุนทรัพย์หลักล้านช่วยเหลือประกันตัวผู้ต้องหา แห่ให้กำลังใจล้นสำนักงานอัยการเดินทัพ รุกจี้ผู้ว่าฯ ยกเลิกผลการรังวัดมิชอบ ย้ำสู้ยิบตายกเลิกเหมืองโปแตช


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้ (2 ส.ค.) เวลาประมาณ 10.00 น. พนักงานสอบสวน สภอ.เมืองอุดรธานีได้นำส่งสำสวนคดีและจะนำตัวผู้ต้องหา แกนนำกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี 5 คนเข้ามอบตัวกับอัยการ


 


โดยผู้ต้องหาทั้ง 5 คนถูกบริษัทเอเซียแปซิฟิคโปแตช คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด แจ้งความดำเนินคดีข้อหา "บุกรุกและทำลายทรัพย์สิน" จากการเข้าไปขัดขวางการรังวัดปักหมุดเขตเหมืองแร่และโรงแต่งแร่ของบริษัทเอเซียแปซิฟิกโปแตชคอร์เปอร์เรชั่น เพราะไม่มีการชี้แจงกับชาวบ้านก่อน


 


จากนั้น อัยการจังหวัดอุดรธานีจะได้พิจารณาให้ประกันตัวโดยใช้ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านและ อบต. เป็นนายประกันตัวผู้ต้องหา 5 คนใช้นายประกัน 19 คนรวมหลักทรัพย์ 1,140,000 บาท โดยจะนัดฟังผลการพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ทีหลัง


 


สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2549 ที่ผ่านมา นายภาณุสิทธิ์ บุญนาค ผจก.ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บ.เอเชีย แปซิกฟิก โปแตส คอร์เปอร์เรชั่น จก. หรือเอพีพีซี. รับมอบอำนาจจาก บ.ลาซาน จก. และ บ.เอพีพีซี. ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ 5 แกนนำกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีได้แก่นางละเอียด อ่อนสะอาด อายุ 39 ปี (แม่ลูกอ่อนแฝด 2) และนายบัณฑิต อ่อนสะอาด อายุ 44 ปีสามี , น.ส.เนาวรัตน์ ดาวเรือน อายุ 27 ปี นายปัญญา คำลาภ อายุ 31 ปี และนายบุญเลิศ เหล็กเขียว อายุ 55 ปี ว่าบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของ บ.ลาซาน จก. และทำลายหมุดแนวเขตที่ดินของ บ.เอพีพีซี.จก.เสียหาย


 


เวลาประมาณ 15.00 น.ผู้ต้องหาทั้ง 5 พร้อมด้วยกลุ่มชาวบ้านประมาณ 200 คนเดินรณรงค์จากสำนักงานอัยการไปพบและยื่นหนังสือขอทราบความคืบหน้าการพิจารณายกเลิกผลการรังวัดปักหมุดเหมืองแร่ต่อนายจากรึก ปริญญาผล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี


 


นางละเอียด อ่อนสะอาด แม่ลูกอ่อนแฝดสอง พร้อมนายบัณฑิต อ่อนสะอาดสามี แกนนำกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ที่ตกเป็นผู้ต้องหาเปิดเผยว่าเคยถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุก โดยครั้งนั้นอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง ครั้งนี้ก็ตกเป็นผู้ต้องหาอีกเพราะได้ไปร่วมชุมนุมกับชาวบ้านแต่ยืนยันว่าตนยืนอยู่เฉย ๆ เพราะกำลังท้องแก่สามีจึงมาด้วยเพื่อดูแลก็โดนแจ้งความดำเนินคดีเช่นกัน ตอนนี้เพิ่งคลอดลูกสาวแฝดเมื่อเดือนที่ผ่านมาจึงพาลูกน้อยมาด้วยเพราะไม่มีใครดูแล


 


อย่างไรก็ตามนางละเอียดเชื่อมั่นว่ากลุ่มอนุรักษ์ที่ไปรวมตัวกันวันเกิดเหตุเป็นการใช้สิทธิรักษาทรัพยากรธรรมชาติท้องถิ่น และชาวบ้านก็เคยตกลงกับผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ท้องที่ว่าหากจะรังวัดต้องทำประชาคมชี้แจงขั้นตอนกับชาวบ้านทุกหมู่บ้านก่อนมิใช่ทำโดยพลการอย่างที่เป็นเหตุให้ชาว บ้านถูกแจ้งความเพราะไม่มีการชี้แจงใด ๆ


 


ด้านนายธีรวัฒน์ พืชผักหวาน รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยสามพาด หนึ่งในนายประกันกล่าวว่า คดีนี้แม้บริษัทจะต้องการการกลั่นแกล้งให้ชาวบ้านเทียวขึ้นโรงขึ้นศาล แต่ก็ทำให้ชาวบ้านได้เรียนรู้มากขึ้น และการที่บริษัทเอพีพีซี ซึ่งขณะนี้ได้ถูกบริษัทอิตาเลี่ยนไทยซื้อกิจการไปแล้วจะใช้กฎหมายมาบังคับชาวบ้านให้ยอมรับโครงการเหมืองแร่ ยิ่งจะทำให้แรงต้านเข้มแข็งมากขึ้น เห็นได้จากวันนี้ชาวบ้านได้ดิ้นรนช่วยเหลือกันโดยมีผู้ใหญ่บ้าน 4 หมู่บ้านและ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลอีก 13 คนใช้ตำแหน่งหน้าที่ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดซึ่งต้องใช้หลักทรัพย์เป็นล้านในการประกันตัว


 


"กลุ่มชาวบ้านที่พร้อมให้ความช่วยเหลือกัน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเอพีพีซีหรือบริษัทสินแร่เมืองไทยที่เพิ่งเข้ามาซื้อกิจการโครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานี ชาวบ้านยืนยันว่าต้องดำเนินอย่างตรงไปตรงมา จะมาวิ่งเต้นจ่ายซื้อตัว เจาะยางเข้าหาแกนนำ หรือทำให้มีการลัดขั้นตอนเหมือนเดิมเป็นวิธีเก่า ๆ ซึ่งจะไม่ช่วยให้สถานการณ์คลี่คลาย แต่จะสร้างความขัดแย้งมากขึ้น


 


"เรื่องการรังวัดปักหมุดพื้นที่ทำเหมือง และขอบเขตโรงแต่งแร่ที่ผ่านมานั้นไม่ถูกต้องตามข้อตกลง และขั้นตอนของกฎหมายหลายอย่างจึงได้เข้าร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งที่ผ่านมาอ้างว่าไม่มีอำนาจในการยกเลิกผลการรังวัด กลุ่มอนุรักษ์ฯ จึงเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ซึ่งมีหนังสือระบุว่าผู้ว่าฯ มีอำนาจเต็มในการพิจารณายกเลิกได้ แต่ก็มีความพยายามหลบเลี่ยงไม่ยกเลิกเสียที ในวันนี้กลุ่มฯ จึงได้ถือโอกาสเขาพบยื่นหนังสือผู้ว่าราชการจังหวัดถามความจริงใจในการยกเลิกผลการรังวัดปักหมุดไม่ชอบที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นบริษัทไหนจะมาสวมรอยความไม่ถูกต้องเช่นนี้เรายืนยันชัดเจนว่าต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและเคารพสิทธิชุมชน เมื่อโครงการนี้ไม่ถูกต้องชอบธรรมแต่ต้นเราก็จะสู้ทุกทางให้มันยกเลิกไป" นายธีรวัฒน์กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net