Skip to main content
sharethis



ประชาไท - 8 ส.ค.2549  นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ รักษาการวุฒิสภากรุงเทพมหานคร ระบุว่า วันที่ 8 ส.ค.นี้ คณะกรรมการธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา หรือ วิปวุฒิสภา จะประชุมวางกรอบสำหรับการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติและความประพฤติของผู้ที่ผ่านการสรรหาเป็น กกต. ทั้งเรื่องจำนวนกรรมาธิการที่อาจมีการขอยกเว้นข้อบังคับการประชุม เพื่อให้มีจำนวนคณะกรรมาธิการตรวจประวัติฯ เพิ่มจากเดิม 11 คนเป็น 22 คน จากตัวแทนกรรมาธิการสามัญแต่ละคน รวมถึงหารือเรื่องระยะเวลาของกรรมาธิการ



 


พร้อมกันนั้นมีรายงานจากสำนักเลขาธิการวุฒิสภาระบุว่า นายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา จะส่งหนังสือไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญก่อนที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะส่งรายชื่อมาถึงวุฒิสภาในวันที่ 10 ส.ค.นี้ โดยให้เหตุผลว่า ที่ต้องยื่นหนังสือไปยังรัฐบาลล่วงหน้าก่อนรายชื่อจะส่งมาถึงนั้นเป็นการลดขั้นตอน ทำให้เรื่องรวดเร็วขึ้น เพราะกว่าครม.จะพิจารณาต้องใช้เวลาถึง 1 สัปดาห์


 


นอกจากจะเปิดประชุมสภาเพื่อตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติและความประพฤติของผู้ได้รับเสนอชื่อเป็น กกต. ชุดใหม่จำนวน 10 คนแล้ว ยังจะมีการลงมติเลือกผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จาก 18 คน เหลือ 9 คนด้วย


 


ขณะเดียวกันสื่อมวลชนได้รายงานคำวิจารณ์และข้อวิตกจากหลายฝ่ายว่า การนัดกินข้าวระหว่างนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และนายสุชน ชาลีเครือ รักษาการประธานวุฒิสภา อาจมีการบล็อกโหวต กกต.


 


"ไม่ทราบว่านายสุชนและนายสมศักดิ์ ไปพบกันอย่างนี้มีเลศนัยอย่างไร นายสุชนไปรับออเดอร์เร่งรัดให้วุฒิสภาเลือก กกต.หรือไม่ หรือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งตามความต้องการของคุณทักษิณ วันนี้ ส.ว.ยิ่งถูกต่อว่า ดูถูก ดูหมิ่นว่าไปรับใบสั่งจากคนในรัฐบาล ดังนั้นขอให้นายสุชน ซึ่งยังทำหน้าที่เป็นประธานวุฒิสภา ให้รักเกียรติศักดิ์ศรีของตนอย่าประพฤติเช่นนี้อีก เปิดประชุมสภาเมื่อไหร่จะสอบถามและตำหนินายสุชนทันที" นายทองใบ ทองเปาด์ รักษาการ ส.ว.มหาสารคาม กล่าว


 


ส่วนความเคลื่อนไหวของศาลฎีกานั้น เว็บไซด์คมชัดลึกรายงานว่า นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขานุการศาลฎีกา ได้ยืนยันว่า การสรรหา กกต. จะไม่มีการบล็อกโหวตทั้งในกระบวนการสรรหาของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาและในส่วนของวุฒิสภา เนื่องจากเชื่อมั่นว่าทุกคนจะทำเพื่อชาติ และย้ำความมั่นใจว่าอำนาจการเมืองไม่สามารถแทรกแซงการสรรหาของศาลฎีกาได้ เนื่องจากศาลไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง


 



เลขานุการศาลฎีกา ยังกล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการสรรหา กกต. ว่า ทุกฝ่ายมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้ แต่การวิพากษ์วิจารณ์นั้นต้องอยู่ในขอบเขตและเป็นไปในแง่ วิชาการ และข้อกฎหมาย เหมือนการจะวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาคดีของศาล


 



ส่วนความคืบหน้าการสรรหา กกต.นั้น นายวิรัช ระบุว่า ศาลฎีกาได้ติดประกาศรายชื่อบุคคลที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติทั้ง 42 คนแล้วเมื่อวันที่ 7 ส.ค. พร้อมกับได้จัดทำบัญชีรายชื่อส่งให้ผู้พิพากษาศาลฎีกาทั้ง 86 คนพิจารณารายละเอียดประวัติบุคคลและเกียรติคุณของทุกคน เพื่อเป็นข้อมูลใช้ประกอบการลงมติสรรหา กกต. ที่ศาลฎีกาจะนัดประชุมใหญ่ในวันที่ 10 ส.ค.นี้เพื่อลงมติสรรหาผู้สมควรเป็น กกต. จำนวน 10 คน โดยจะเริ่มประชุมในเวลา 09.00 น.


 



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคคล 42 คนซึ่งคาดว่ามีความเป็นได้ที่จะได้รับความไว้วางใจจากที่ประชุม ใหญ่ศาลฎีกา ลงมติเสนอชื่อ 10 คนเพื่อเป็น กกต.นั้น น่าจะมีกลุ่มผู้พิพากษาและอดีตผู้พิพากษา ได้รับการเสนอชื่อเกินครึ่งหนึ่ง


 


เช่น นายอุดม เฟื่องฟุ้ง อายุ 67 ปี อดีตประธานศาลอุทธรณ์ปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้, นายวิชา มหาคุณ อายุ 60 ปี ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวกลางในศาลฎีกา, นายอมรศักดิ์ นพรัมภา อายุ 61 ปีอดีตผู้พิพากษา ปัจจุบันเป็น รองกก.ผจก.ใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), นายนาม ยิ้มแย้มอายุ 70 ปี อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ปัจจุบันเป็นประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาคดีเลือกตั้ง ของ กกต. นอกจากนี้กลุ่มอดีต กกต. ที่น่าจะติดโผ 1 ใน 10 ด้วยนั้น คือ นายธีรศักดิ์ กรรณสูต อายุ 76 ปี อดีตประธานกกต. ชุดแรกปี 2540- 2544 และนายสวัสดิ์ โชติพานิช อายุ 75 ปี อดีตประธานศาลฎีกา และอดีต กกต. ชุดเดียวกับนายธีรศักดิ์ กรรณสูต


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net