อุดรธานี—16 ส.ค. 2549 วานนี้ (15 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ชาวบ้านในพื้นที่โครงการเหมืองแร่โปแตชแหล่งอุดรใต้ จ.อุดรธานี กว่า 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเป็นผู้หญิง ได้รวมตัวกันและตั้งกลุ่มว่า "กลุ่มสตรีเหล็ก" สวมเสื้อเขียวอย่างพร้อมเพรียงกันบุกเข้าไปพบฝ่ายมวลชนสัมพันธ์ของบริษัทอิตาเลี่ยนไทย ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด ถึงที่บ้านเช่า เลขที่ 40 หมู่ 4 บ้านหนองตะไก้ ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.อุดรธานี เนื่องจากบริษัทดังกล่าวเป็น ผู้ขอสัมปทานเพื่อดำเนินโครงการเหมืองแร่โปแตช จ.อุดรธานี โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ของบริษัทที่พบกับชาวบ้านประกอบด้วย นางสาวประพิมพรรณ สุดชูเกียรติ , นายทวี เรืองปราชญ์ , นายวรนาถ สุพันธนันท์

ก่อนหน้านี้ บริษัทอิตาเลี่ยนไทย ได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัท เอเชียแปซิกฟิก โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (เอพีพีซี) ทั้งหมด โดยคิดเป็นมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อขอสัมปทานประกอบการทำเหมืองแร่โปแตชต่อ ซึ่งปัจจุบันยังคงอยู่ในขั้นตอนการยื่นขออนุญาตประทานบัตร ยังมิได้ดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่า เมื่อกลุ่มชาวบ้านเดินเข้าไปถึงหน้าบ้านเช่าฝ่ายมวลชนสัมพันธ์ของบริษัทฯ ทั้ง 3 คนก็เดินออกมาหน้าถนนเพื่อพูดคุยกัน ในขณะเดียวกันพบว่ามีพนักงานของบริษัทฯ คนหนึ่ง ได้เดินออกมาบันทึกภาพกลุ่มชาวบ้านทำให้เกิดความไม่พอใจตะโกน ด่าทอกลับไป พร้อมขับไล่ไม่ให้มาเช่าบ้านพักในหมู่บ้าน

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ทั้ง 3 คนเพียงแต่ยืนนิ่งเฉยไม่มีการพูดจาโต้ตอบกลุ่มชาวบ้านแต่อย่างใด สักพักนางสาวประพิมพรรณ ก็เอยคำพูดว่า "ขอบคุณนะที่มาเยี่ยม" แล้วหันหลังเดินเข้าบริเวณบ้านเช่าไป จึงเหลือ 2 คนยืนอยู่รับหน้า จนกระทั่งเวลาล่วงเลยกว่า 1 ชั่วโมงเศษ กลุ่มชาวบ้านจึงเดินทางกลับไปพร้อมกับให้สัญญากันว่าจะกลับมาขับไล่บริษัทฯ อีกครั้ง และเรื่อยๆ จนกว่าจะยกเลิกโครงการฯ

นางจันทา สัตยาวัน ชาวบ้านหนองตะไก้ หมู่ 4 หนึ่งในแกนนำกลุ่มสตรีเหล็ก กล่าวว่า หลังจากที่บริษัทอิตาเลี่ยนไทยได้มีการซื้อหุ้นต่อจากบริษัทเอพีพีซี แล้วรูปแบบการทำงานก็เปลี่ยนไปพอสมควร โดยมีการแอบเข้าไปพบกับแกนนำชาวบ้านที่คัดค้านโครงการฯ เป็นรายบุคคลโดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ จนต่อมาเมื่อได้อ่านข่าวเจอในหน้าหนังสือพิมพ์มีเนื้อหาว่าชาวบ้านมีท่าทีที่เป็นมิตรกับบริษัทฯ และการคัดค้านก็อ่อนลง เห็นด้วยกับโครงการฯ จึงถึงบางอ้อว่าเป็นวิธีการที่จะทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดระแวงต่อกันเอง แตกแยกกัน ซึ่งเป็นวิธีการแยกสลายกลุ่มชาวบ้าน

"ชาวบ้านได้สืบทราบมาว่าฝ่ายมวลชนสัมพันธ์ของบริษัทฯ ชุดนี้เคยเป็นคนเดือนตุลา เข้าป่าไปอยู่กับพรรคคอมมิวนิสต์มาก่อนแล้ว จึงเอาวิธีการนี้มาใช้กับชาวบ้าน" นางจันทายังกล่าวและให้ข้อมูลต่อไปว่านางสาวประพิมพรรณก็เคยเข้าไปหาถึงที่บ้านเพื่อจะขอพูดคุยด้วยเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่นางจันทาก็ได้ขับไล่ออกไปไม่คุยด้วย และไม่ให้เข้าบ้าน หลังจากนั้นจึงนำความมาเล่าให้กับสมาชิกในกลุ่มฟังเพื่อหาแนวทางแก้ไขจนได้ข้อสรุปว่าจะต้องรวมตัวกันมาที่บ้านเช่าของเขาและบอกว่าไม่ต้องไปลักลอบเจอใครต่อใครหรอกมาหาถึงบ้านแล้ว พร้อมทั้งขับไล่ให้ออกไปเพราะชาวบ้านเชื่อแน่ว่าจะเป็นใครคนไทยหรือฝรั่งมาขุดดินก็ทรุดน้ำก็เค็มอยู่ดี นางจันทากล่าว

ด้านนายทวี เรืองปราชญ์ ผู้จัดการฝ่ายมวลชนสัมพันธ์ของบริษัทอิตาเลี่ยนไทย กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า จากประเด็นที่กลุ่มชาวบ้านมาพบถึงที่บ้านเช่านั้นตนพร้อมกับทีมฯ เห็นควรว่าจะได้นำเข้าที่ประชุมของบริษัทฯ เพื่อชี้แจงและหาแนวทางดำเนินการต่อไป นายทวีกล่าว