Skip to main content
sharethis

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง


 


คุณสัก กอแสงเรือง รักษาการ ส.ว. กรุงเทพมหานคร บอกกับผมในการสนทนาผ่านรายการ "รู้ทันประเทศไทย" ทางสถานีโทรทัศน์ช่องเอเอสทีวี1 เกี่ยวกับคุณสมบัติของ กกต.ในฝันว่า จะต้องมีเป็นผู้ "รู้ทัน" อย่างน้อย 3 ประการ


 


ประการแรก "ทันคน"


ประการที่สอง "ทันกลโกง"


และประการที่สาม "ทันควัน"


 


ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่า กกต.ชุดใหม่ จะต้องมีคุณสมบัติทั้ง 3 ประการนี้ และขออนุญาตให้เหตุผลส่วนตัวประกอบ ดังนี้


 


1. รู้ทันคน


การจัดการเลือกตั้ง ส.ส. กกต. 5 คน จะต้องทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งจำนวน 1, 2 0 0, 0 0 0 คน ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น กกต.ระดับจังหวัด กกต.ระดับเขตเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่นับคะแนน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน กกต. โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวนการกระทำผิดในการเลือกตั้ง


 


นอกจากจะต้องร่วมงานกับ "คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้ง" เองแล้ว ยังจะต้องทำงานกับ "คนอื่นๆ" ได้แก่ นักการเมือง ผู้สมัคร พรรคการเมือง และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีกกว่า 4 0 ล้านคน


 


การทำงานของ กกต. จึงเป็นการทำงานกับ "คน" โดยแท้


กกต.ใหม่ จึงจำเป็นต้อง "รู้ทันคน"


 


"คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้ง" ก็ต้องรู้ทันว่า กกต. ระดับจังหวัดและระดับเขต คนไหนเป็นอย่างไร เป็นคนของใคร จะได้ไม่ถูกหลอก จะต้องปรับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสม มิเช่นนั้นแล้วการเลือกตั้งที่ "บริสุทธิ์ยุติธรรมและเรียบร้อย" ก็คงเกิดขึ้นไม่ได้


 


"คนอื่นๆ" ก็ต้องรู้ทัน เพื่อมิให้ตกเป็นเครื่องมือ มิให้ตกเป็นตรายางประทับรับรองความถูกต้องให้กับนักการเมืองที่ต้องการใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องฟอกตัวเพื่อคงอยู่ในอำนาจ


 


 2. รู้ทันกลโกง


การเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และไม่ยุติธรรมที่เป็นปัญหามานั้น สาเหตุใหญ่ก็เพราะ "กลโกงการเลือกตั้ง" ของพรรคการเมืองใหญ่ๆ ร่วมกับผู้มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งนั่นเอง


 


กกต.ใหม่ จะต้องรู้ทันสิ่งเหล่านี้ เพราะในสนามเลือกตั้งไม่มีหมู มีแต่บรรดาเสือสิงห์กระทิงแรด ทั้งนั้น


 


การโกงการเลือกตั้งสมัยใหม่ ไม่ได้เอาเงินส่วนตัวไปจ่ายให้เจ้าหน้าที่ กกต. หรือไปซื้อเสียงกันในคืนหมาหอนเท่านั้น แต่มีการใช้เงินของประชาชนไปซื้อเสียงกันล่วงหน้า และใช้อำนาจรัฐในการข่มขู่ กดดันเจ้าหน้าที่ให้เอื้อประโยชน์แก่พรรคพวกตนเอง สารพัดรูปแบบและวิธีการ


 


แนะนำให้ไปอ่านในหนังสือ "เปิดโปงกลโกงเลือกตั้ง" คนเขียนชื่อ "รพล เอกอรรถพร" จะได้เห็นว่า การโกงการเลือกตั้งสมัยคิดใหม่ทำใหม่ เห็นรูปธรรมรายละเอียดชัดๆ ว่าเขาไปไกลแค่ไหนแล้ว


 


จะได้ไม่หลงกลพวกที่ชอบอ้างว่า "ทำตามกติกา" หรือ "รักษากติกา"


 


 3. ทันควัน


หมายความว่า รวดเร็ว ทันเหตุการณ์ ตัดสินใจและดำเนินการอย่างทันทีทันควัน


กกต.ชุดก่อนเคยทำให้เกิดวัฒนธรรมการเมืองการเลือกตั้งแบบใหม่ คือ เอาชนะเลือกตั้งให้ได้ก่อน จะโกงก็โกง ค่อยไปวิ่งเต้นเอากับ กกต.ส่วนกลางในภายหลัง


 


มีการแขวนการประกาศผลการเลือกตั้งไว้เป็นเวลานาน เอื้อให้เกิดการวิ่งเต้น ฝ่ายที่ชนะก็พยายามวิ่งเต้นให้ได้การรับรอง ฝ่ายแพ้ก็วิ่งเต้นเพื่อให้เลือกตั้งใหม่


 


ถึงขนาดว่า มีภาษาเฉพาะในการวิ่งเต้นว่า เรียกเงิน 1 กิโล แปลว่า เงินจำนวน 1 ล้านบาท โดยมีที่มาจากธนบัตรใบละพัน มูลค่า 1 ล้านบาทจะมีน้ำหนัก 1 กิโลกรัม


 


กกต. ชุดใหม่ จะต้องล้างบางวัฒนธรรมดังกล่าวให้ได้ โดยทำความเด็ดขาด ถูกต้อง เที่ยงธรรม ให้เป็นที่ประจักษ์ ไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม หรือหน้าเหลี่ยมที่ไหน ถ้าสอบสวนพบ เชื่อได้ว่าทุจริตหรือกระทำผิด หรือทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ก็ต้องเล่นงานตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด


 


จะรีรอไม่ได้ เพราะการรีรอนอกจากจะทำให้สังคมเสียเวลา เลือกตั้งแล้วเลือกตั้งอีก ยังเปิดช่องให้มีการวิ่งเต้นอีกด้วย


 


จากคุณสมบัติ 3 ประการ และได้รับฟังการแสดงวิสัยทัศน์ของว่าที่ กกต. ทั้ง 1 0 คน ก็เห็นว่า มีว่าที่ กกต. บางคนที่แสดงวิสัยทัศน์สอดคล้องกับคุณสมบัติที่พึงประสงค์


 


ที่พูดอย่างนี้ เพราะต้องการจะชี้ว่า วุฒิสภามีตัวเลือก ไม่ใช่ไม่มีตัวเลือก ดังนั้น ถ้าวุฒิสภาเลือกไปแล้ว กกต.ชุดใหม่ทำการเลือกตั้งให้ "สุจริตยุติธรรมและเรียบร้อย" ไม่ได้จริงๆ ก็ต้องโทษวุฒิสภา


 


ยกตัวอย่างเช่น


 


นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ แสดงวิสัยทัศน์ให้เห็นว่า เป็นคนตรงไปตรงมา กล้าพูด และจะไม่มีเรื่องบุญคุณผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องกับการทำงาน ซึ่งเป็นคุณสมบัติจำเป็นสำหรับ กกต. เพราะจะต้องทำงานกับ "คน" จำนวนมาก


 


ที่สำคัญ ยังรู้ทันกลโกงการเลือกตั้งด้วยว่า ที่ผ่านมา กกต.มีพฤติกรรม "จับคนเรียกค่าไถ่" เป็นอย่างไร ซึ่งก็คือการให้วิ่งเต้นเสนอเงินเพื่อแลกกับการรับรองผลการเลือกตั้งนั่นเอง


 


นายวิชา มหาคุณ แสดงวิสัยทัศน์ให้เห็นว่า รู้ทันปัญหา ว่าการเมืองเข้ามาแทรกแซงกับระบบเลือกตั้งเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย ปัจจุบัน การเลือกตั้งกลายเป็นเครื่องมือของการได้มาซึ่งอำนาจรัฐ


 


ที่สำคัญ ยังรู้ทันปัญหาในองค์กร กกต.เองว่า การบริหารงานภายในจะต้องได้รับการแก้ไข ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งก็จะยุ่งเหยิงเหมือนเดิม การแบ่งให้ กกต.ดูแลรับผิดชอบกันเป็นรายภาค ไม่ถูกต้อง และยัง "ทันควัน" โดยบอกว่า การให้ใบเหลืองและใบแดงนั้นจะต้องมีข้อมูลที่แน่นหนาเพียงพอ และต้องแจกทันทีเพื่อจะให้เกิดความรู้สึกเกรงกลัว


 


นายแก้วสรร อติโพธิ แสดงวิสัยทัศน์ให้เห็นว่า รู้ทันวิกฤติของบ้านเมือง บ้านเมืองวิกฤตเพราะกลไก (กกต.) บกพร่อง รู้ทันว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมามีการใช้เงินเปลี่ยนใบแดงใบเหลืองเป็นใบขาว ปัญหาบ้านเมืองขณะนี้ อยู่ที่ความชอบธรรมกับความชอบด้วยกฎหมายถูกแยกออกจากกัน การเลือกตั้งก็มีการใช้งบประมาณของรัฐไปหาเสียง กกต.จะต้องไม่ให้มีการเอาเปรียบในการใช้อำนาจรัฐหาเสียงเลือกตั้ง


 


ที่สำคัญ ท่านผู้นี้ ประกาศ "ทันควัน" ว่า หากมีการใช้อำนาจรัฐเอาเปรียบ จะให้ใบแดงกลางอากาศ แม้จะอยู่ก่อนการเลือกตั้งก็ตาม สะท้อนความเด็ดขาด เอาจริง


 


นายนาม ยิ้มแย้ม แสดงวิสัยทัศน์ให้เห็นว่า เป็นคนไม่ยอมให้ใครมาครอบงำ ชี้นำได้ ซึ่งเป็นคุณลักษณะอันจำเป็นสำหรับการทำงานกับ "คน" และ "คนที่มีอำนาจ" นอกจากนี้ ยังรู้ทันในส่วนของการให้ใบเหลืองและใบแดง ยืนยันว่า การพิจารณาคดีของคดี กกต.แตกต่างจากคดีอาญา เพียงเชื่อได้ว่าก็เล่นงานผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้แล้ว สะท้อนความเด็ดขาด ที่จะทำการเลือกตั้งให้ "เรียบร้อยยุติธรรม" ฯลฯ


 


ทั้งหมด ชี้ให้เห็นว่า ยังพอมีโอกาสที่การเลือกตั้งครั้งนี้จะ "บริสุทธิ์ยุติธรรมและเรียบร้อย" เพราะในบรรดาว่าที่ กกต. 1 0 คน มีคนมีคุณสมบัติและวิสัยทัศน์ที่ "พร้อม" สำหรับงานใหญ่และสำคัญอยู่


 


เพียงแต่ว่า วุฒิสภาจะเลือกคนให้เข้าไปทำงาน "กู้วิกฤติชาติ" หรือ "กู้วิกฤติส่วนตัวของนักการเมืองบางคน"


วุฒิสภา จะฝากผลงาน หรือฝากบาดแผล ไว้กับสังคม ?

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net