โดย ตติกานต์ อุดกันทา
ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบได้ หนังเรื่อง Clean จึงถูกดองเอาไว้นานเป็นปี กว่าจะมีโอกาสฉายในเมืองไทย แต่ถึงจะทิ้งช่วงนานไปสักนิด หนังเรื่องนี้ก็ยังเป็นการยืนยันคำพูดที่ว่า "หนังดีสามารถดูได้ทุกเมื่อ"
การร่วมงานกันระหว่างอดีตสามีภรรยาอย่างผู้กำกับโอลิวิเยร์ อัสซายาส และนักแสดงสาวชาวฮ่องกงอย่างจางมั่นอวี้ (Maggie Cheung) ที่คนไทยคุ้นหน้าคุ้นตา ทิ้งร่องรอยความสัมพันธ์บางประการไว้ในหนังเรื่องนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นบทหนังที่ส่งให้จางมั่นอวี้แสดงความสามารถของตัวเองได้อย่างเต็มที่ (จนสามารถคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2004 มาครอง) และบรรยากาศในยุค 70s ที่เคยเป็นยุครุ่งเรืองด้านการแสดงของเธอ
...คงไม่ผิดความจริงนักถ้าจะบอกว่า Clean ของผู้กำกับอัสซายาส คือหนังที่อุทิศให้กับอดีตภรรยาของตัวเอง และจางมั่นอวี้ก็ไม่ทำให้ใครผิดหวังด้วยการรักษามาตรฐานการแสดงไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม...
ในหนังเรื่องนี้ จางมั่นอวี้รับบทเป็น "เอมิลี่ หวาง" ลูกหลานชาวจีนที่อพยพไปอยู่แคนาดา และเติบโตมากับวัฒนธรรมตะวันตก แต่ขณะเดียวกันก็ยังต้องรักษามาตรฐานและขนบธรรมเนียมของตะวันออกเอาไว้ด้วย
เอมิลี่พบรักกับ "เจมส์" นักร้อง-นักดนตรีร็อคที่เคยโด่งดัง (James Johnston) จนแต่งงานกัน แต่เส้นทางความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ เพราะนอกจากเอมิลี่จะถูกเพื่อนฝูงของสามีที่อยู่ในวงการดนตรีประชดประชันว่าเธอคือคู่เหมือนของ "โยโกะ โอโนะ" ที่แผ่อิทธิพลจนสามีไม่เป็นตัวของตัวเอง เธอยังต้องทำหน้าที่เป็นคนหายาเสพติดมาให้สามีอีกด้วย
ทั้งที่ในความเป็นจริง เอมิลี่เป็นคนเดียวที่เชื่อมั่นในตัวเจมส์อย่างจริงจัง และเป็นคนเดียวที่ไม่คิดจะทิ้งไปแม้ว่าชีวิตการเป็นนักร้องนักดนตรีผู้โด่งดังของเจมส์จะผ่านเลยไปนานแล้วก็ตาม
วันร้ายคืนร้าย สามีของเอมิลี่ตายเพราะเสพยาเกินขนาด เธอจึงพัวพันกับคดียาเสพติด และถูกตัดสินให้จำคุก 6 เดือน
ชีวิตที่หม่นมัวอยู่แล้วก็โคจรเข้าสู่ความมืดมิดทันที...
เมื่อออกจากคุกได้ เอมิลี่ติดต่อกลับไปหาพ่อแม่ฝ่ายสามีเพื่อขอพบกับ "เจย์" (James Dennis) ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับมาคือความเย็นชาและการกีดกันอย่างเห็นได้ชัดจาก "โรส" (Martha Henry) แม่สามีที่เชื่อว่าเธอคือต้นเหตุที่ทำให้เจมส์เสียชีวิต
เท่านั้นยังไม่พอ เพื่อนฝูงของสามียังปิดประตูแห่งโอกาสใส่หน้าเมื่อเธอบากบั่นไปของานทำ ทั้งที่คดียาเสพติดที่เธอพัวพันนั้นดูจะเป็นเรื่องธรรมดาเหลือเกินในแวดวงเพลงร็อคยุคเก่าที่ถูกตีตราว่าจะต้องเกี่ยวพันกับ "เซ็กซ์ เหล้า และความรุนแรง"
หนทางเดียวที่เอมิลี่จะกอบกู้ทุกอย่างคืนมาคือการพิสูจน์ให้ได้ว่าเธอกลับตัวกลับใจ ลดละเลิกยาเสพติดและความแหลกเหลวทุกอย่างจนสะอาดสะอ้านแล้วจริงๆ
กระบวนการซักฟอกชีวิตจึงถูกถ่ายทอดออกมาบนแผ่นฟิล์มอย่างช้าๆ และเรียบง่าย...
เอมิลี่เริ่มต้นการทำงานด้วยการเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารจีน แต่รากเหง้าวัฒนธรรมเดิมกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมในชีวิตของเธอไปเสียแล้ว เพราะก่อนหน้าที่จะกลายเป็นภรรยาของนักร้องเพลงร็อค เอมิลี่เคยเป็นพิธีกรรายการเพลงที่มีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง ชีวิตของเธอจึงดูเหมือนจะล่องลอยไปเรื่อยตามโน้ตดนตรีและแสงสีแสงไฟแห่งวงการบันเทิงมากกว่าจะต้องทำงานแบบใช้แรงงานทุ่มเทอย่างหนักและไม่สามารถปริปากบ่นได้
ความไม่คุ้นเคยกับงาน ทำให้เอมิลี่ถูกมองว่าจับจดและมีปัญหา ไม่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ และนั่นก็หมายความว่าหนทางที่เธอจะได้พบกับลูกชายซึ่งเป็นสายใยสุดท้ายของชีวิตยิ่งไกลห่างออกไปอีก..
การดิ้นรนเพื่อกอบกู้ชีวิตที่ล่มสลายของเอมิลี่คือตัวอย่างชั้นดีที่ทำให้เรามองโครงสร้างทางสังคมของโลกในวันนี้ได้อย่างชัดเจน
แม้การชี้นิ้วไปยังระบบทุนนิยมและระบุว่านี่คือตัวการสำคัญที่ทำให้ธุรกิจดนตรีและเสียงเพลงเติบโตอย่างรวดเร็วจนเกิดการแข่งขันอย่างเลือดเย็นในแวดวงเดียวกัน ดูจะเป็นการกล่าวโทษที่ซ้ำซากเกินไป แต่เราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จำต้องพูดว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริง และส่งผลกระทบกับผู้คนที่เป็นส่วนหนึ่งในระบบจริงๆ เช่นเดียวกัน
การช่วยเหลือเกื้อกูลกันกลายเป็นเรื่องที่ต้องนำผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องทุกครั้ง หลักประกันใดๆ สำหรับนักร้องตกกระป๋องอย่างเจมส์จึงไม่เคยมี แม้เขาจะเคยเป็นตัวทำเงินให้บริษัทหรือค่ายเพลงมาก่อนก็ตาม และถึงจะมีผลงานเก่าๆ ที่เอามาขายได้บ้าง เอมิลี่ก็ไม่มีสิทธิ์อะไรในผลกำไรเหล่านั้น ด้วยประกาศิตที่ชื่อว่า "ลิขสิทธิ์" เพียงอย่างเดียว
แต่ถ้ามองในทางตรงข้าม เมื่อครั้งที่เจมส์ยังโด่งดังและมีรายได้เหลือเฟือ เขาก็ไม่เคยเผื่อแผ่ผลประโยชน์ไปให้ใคร
เช่นเดียวกับชีวิตลุ่มๆ ดอนๆ ที่ดำเนินไปหลังการตายของเจมส์ก็ทำให้เอมิลี่เรียนรู้ที่จะอดทนและยอมรับการอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ
ซึ่งถ้าเป็นสมัยที่เฟื่องฟู เธอคงไม่ชายตามาดูคนพวกนี้เหมือนกัน...
ภาพชีวิตประจำวันที่เอมิลี่ต้องไปทำงาน รับผิดชอบตัวเอง และเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง มีส่วนมากที่ทำให้ "อัลเบรคท์" (Nick Nolte) พ่อสามีของเธอยอมรับว่าการกลับมาครั้งนี้มีสิ่งที่เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เขาจึงพยายามโน้มน้าวให้โรสยอมรับเอมิลี่สักครั้ง และเขายังเปิดโอกาสให้เจย์ได้พบกับเอมิลี่อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม...การทำให้ลูกชายตัวเองยอมรับก็เป็นเรื่องยากเย็นไม่แพ้กัน เพราะเจย์ถูกผู้เป็นย่าพูดย้ำอยู่ทุกบ่อยว่าเอมิลี่เป็นผู้หญิงที่ไม่มีความรับผิดชอบ และเป็นสาเหตุให้เจมส์ต้องตาย
ตลอดเวลาที่เอมิลี่ทุ่มเทเวลาให้กับการไล่ตามเงาแห่งความสำเร็จในอดีตของสามี เธอก็ละเลยหน้าที่ของความเป็นแม่อย่างที่โรสค่อนขอดจริงๆ แต่สิ่งที่โรสไม่เคยยอมรับเลยก็คือความจริงที่ว่าเจมส์-ลูกชายสุดที่รักของเธอ มีส่วนทำให้เรื่องทุกอย่างต้องลงเอยอย่างที่เป็นอยู่
ครั้งหนึ่ง โรสเคยตั้งข้อสงสัยกับอัลเบรคท์ว่าเพราะเหตุใดผู้คนจึงจดจำเจมส์ได้เฉพาะภาพที่เขากลายเป็นนักร้องเพลงร็อคที่กราดเกรี้ยวรุนแรง ในเมื่อภาพเจมส์ที่เธอประทับใจคือเด็กชายเจมส์ผู้มีจิตใจอ่อนโยนที่ร้องไห้ออกมาด้วยความสงสารเมื่อเจอนกบาดเจ็บ
แน่นอนว่าภาพของเจมส์ที่ฝังอยู่ในใจโรสย่อมไม่ต่างจากภาพของเอมิลี่ที่เธอมองว่าเป็นเพียงสาวเอเชียที่ทะเยอทะยาน แต่ไร้ความรับผิดชอบและแข็งกระด้างเกินกว่าจะเป็นแม่คน...
การ "ขอโอกาส" กับการ "ให้โอกาส" จึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเย็นทั้งคู่
หากสิ่งที่ยากเย็นกว่านั้นคือการรักษาโอกาสให้คงอยู่และใช้มันอย่างมีคุณค่าที่สุดเท่าที่จะทำได้
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในชีวิตจึงไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แต่การหาหนทางให้เจอว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อกอบกู้ชีวิตที่หม่นมัวให้กลับคืนมาดีดังเดิมต่างหากที่ยากเย็นกว่ากันหลายเท่า
และสิ่งที่ต้องลบล้างให้หมดจดเพื่อเปิดโอกาสให้ชีวิตได้ตั้งต้นใหม่ก็คืออคติมากมายที่บังตาเราอยู่...
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)