Skip to main content
sharethis

ประชาไท—29 ส.ค. 2549 ทนายความอาสา สภาทนายความซึ่งเข้าไปให้คำปรึกษา แก่ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ผู้ต้องหาคดีมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ระบุ ผู้ต้องหาเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย และไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธที่บรรจุอยู่ในรถ


 


ประชาไท สัมภาษณ์นายอภิสัณห์ เย็นบุญส่ง ทนายอาสา สภาทนายความซึ่งให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายในชั้นสอบสวนตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองผู้ต้องหา  แก่ ร.ท. ธวัชชัย กลิ่นชะนะซึ่งตกเป็นผู้ต้องหามีอาวุธสงครามอยู่ในครอบครอง ระบุว่า ได้พูดคุยกับผู้ต้องหาแล้วผู้ต้องหาแจ้งต่อทนายว่าไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับรถคันที่ก่อเหตุ โดยก่อนหน้าที่จะไปขับรถคันได้กล่าวได้รับการใช้วาน โดยผู้ใช้วานเสนอให้ค่าตอบแทนเล็กน้อย อย่างไรก็ตามฝ่ายผู้ต้องหาไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ใช้วาน และไม่ได้ระบุว่าเป็นคนในเครื่องแบบหรือไม่ แต่ผู้ต้องหายืนยันว่ารู้จักกับผู้ใช้วาน


 


ทั้งนี้ นายอภิสัณห์ ให้ข้อมูลกับประชาไทว่า ร.ท. ธวัชชัย ระบุว่าไม่ทราบจุดประสงค์ของการไปขับรถยนต์คันดังกล่าว


 


สำหรับกรณีที่มีการพาดพิงถึงความใกล้ชิดกับ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นั้น นายอภิสัณห์ระบุว่า รท. ธวัชชัย เคยเป็นรับราชการที่จังหวัดนครปฐม จากนั้นจึงมาเป็นผู้ทำหน้าที่ขับรถให้กับ พล.อ.พัลลภ และเคยลงไปอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ช่วงที่มีเหตุการณ์กรือเซะ เดือน เม.ย. 2547 จากนั้น เมื่อมีตำแหน่งว่างก็ย้ายมาอยู่ที่ กอ.รมน.


 


นายอภิสัณห์กล่าวด้วยว่า จากการพูดคุยกับ ร.ท. ธวัชชัย พบว่า รท. ธวัชชัย เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยตั้งแต่แรกก่อตั้งพรรค และมีบัตรสมาชิกพรรคไทยรักไทยด้วย


 


สำหรับกระบวรการสอบสวนที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงวันอาทิตย์ที่ 27 นั้น นายอภิสัณห์กล่าวว่า ได้ร่วมรับฟังการสอบสวนตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองผู้ต้องหาไว้ แต่คาดว่าพี่ชายของผู้ต้องหาจะแต่งตั้งทนายความมาเองในที่สุด ซึ่งก่อนที่จะมีทนายมาทำหน้าที่ต่อไปนั้น นายอภิสัณห์ได้ให้คำปรึกษาในเบื้องต้นไปก่อน พร้อมเตือนถึงผลทางกฎหมายในการให้ปากคำด้วย อย่างไรก็ตามนายอภิสัณห์ได้ยุติการทำหน้าที่เมื่อมีการแต่งตั้งทนายความจากทางญาติของจำเลย


 


"ในกระบวนการสอบสวน ผมอยู่ด้วยตลอดเวลา ในการสอบสวนส่วนที่เป็นบันทึกให้ลงปากคำไว้ ส่วนเขาจะสอบกันตอนอื่นอีกหรือไม่ ผมไม่ทราบ" นายอภิสัณห์กล่าวในที่สุด


 


สำหรับความคืบหน้าในคดีดังกล่าววานนี้ ได้มีการเรียกผู้ต้องหามาสอบถามเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น.  พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป) แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่าเป็นการถามความเป็นอยู่ธรรมดาไม่ใช่การสอบสวนจึงไม่ต้องมีทนายความ


 


อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง รอง ผบช.ก. และพล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. ร่วมกันแถลงถึงความคืบหน้าในคดีจับกลุ่ม ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ผู้ต้องหาครอบครองวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งตำรวจระบุภายหลังว่าเป็นการเตรียมการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี


 


โดย พล.ต.ท.อชิรวิทย์ แถลงว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนได้แสวงหาข้อเท็จจริงในคดีนี้แล้ว ขณะนี้สามารถต่อจิ๊กซอว์ของคดีทั้งหมดได้ชัดเจนมากขึ้น พร้อมกันนี้ ได้ให้สื่อมวลชนและประชาชนได้ชมภาพวิดีทัศน์บันทึกการสอบปากคำ ร.ท.ธวัชชัย ที่ได้บันทึกไว้ในการสอบปากคำในช่วงเช้า


 


ทั้งนี้ ภาพและเสียงในวีซีดีดังกล่าวมีลักษณะที่ไม่ชัดเจนเป็นบางช่วง โดยเฉพาะในช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามในประเด็นสำคัญ เช่น เมื่อพล.ต.ต.วินัย สอบถามว่าผู้ต้องหาทราบหรือไม่ว่าในรถดังกล่าวมีระเบิดอยู่ ปรากฏว่าเสียงของ ร.ท.ธวัชชัยขาดหายไป ฟังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ได้ยินชัดเจนนั้น จับใจความได้ว่าร.ท.ธวัชชัย ได้กล่าวว่า รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


 


ด้านนางสังวรณ์ กลิ่นชะนะ ภรรยาของ ร้อยโท ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ผู้ต้องหาขับรถยนต์ที่มีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมพี่สาว และทนายความ เดินทางมายังกองปราบปราม เพื่อนำเรื่องร้องเรียนถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยเนื้อหาระบุ ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีบันทึกการจับกุม ไม่ตรงกับการแถลงข่าว พร้อมขอให้สื่อมวลชนตรวจสอบกรณีนี้ร่วมด้วย


 


ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. จ.ส.อ.อิทธิพล กลิ่นชะนะ พี่ชายของ ร.ท.ธวัชชัย ได้เดินทางไปยื่นประกันตัวน้องชายพร้อมนายศิริชัย ภักดี ทนายความ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.ศาลทหารไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยระบุว่า คดีดังกล่าวเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคง เกี่ยวข้องกับผู้นำประเทศ และเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี


 


เว็บไซต์แนวหน้ารายงานคำสัมภาษณ์ พล.ต.สมาน เกษรอินทร์ นายทหารนอกราชการ ซึ่งถูกระบุว่าเป็นคนโทรศัพท์พูดคุยกับ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ผู้ต้องหาคดีมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ในวันที่ ร.ท.ธวัชชัย ถูกจับ กุม ได้ยืนยันว่า ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากต้องการไปให้ปากคำ เพราะเบอร์โทรศัพท์ของตนเป็นเบอร์ที่จดทะเบียนไว้ ถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้น และจะพูดไปตามข้อเท็จจริง เพราะมั่นใจว่าตำรวจเก่ง ถึงอย่างไรต้องสอบเบื้องหน้าเบื้องหลังได้ ทั้งนี้ยินดีให้ความร่วมมือ เนื่องจากเป็นอดีตข้าราชการ เข้าใจดีถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจพล.ต.สมาน ยังชี้แจงว่า ร.ท.ธวัชชัย ได้โทรศัพท์มาถึงตนในวันที่เกิดเหตุและบอกว่า รถถูกล็อก ขณะที่ตนมีบ้านอยู่ในเขตบางพลัดจึงเข้าใจว่า รถของ ร.ท.ธวัชชัย ถูกล็อกล้อ และต้องการให้ช่วยเหลือ จึงได้ขอพูดสายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตำรวจก็พูดแต่เพียงครับๆ ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง จึงบอกตำรวจไปว่า ร.ท.ธวัชชัยเป็นลูกน้องอยู่ที่ กอ.รมน. ขอให้ช่วยดูแล ซึ่งตำรวจพูดคำว่าครับ


 


พล.ต.สมาน กล่าวว่า ร.ท.ธวัชชัย ไม่ใช่ลูกน้องของตนโดยตรง แต่เป็นคนขับรถของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต รอง ผอ.รมน. สมัยที่มียศเป็นจ่า แต่มาเกี่ยวเนื่องกันเพราะตนเป็นพันเอกพิเศษในปี 2541 อยู่กับ พล.อ.วัฒนชัย วุฒิศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมสมัยนั้น และ พล.อ.พัลลภ เป็นเลขานุการของ พล.อ.วัฒนชัย จึงเท่ากับว่าอยู่ในสำนักงานเดียวกัน ตนจึงเคยดูแล ร.ท.ธวัชชัย และครอบครัว ในฐานะนายทหารชั้นผู้น้อย"ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะดูแล้วเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน น่าจะถูกหลอกมากกว่า เพราะคนเราถ้าจะทำงานใหญ่ขนาดนี้คงต้องหาทางหนีทีไล่ที่ดีกว่านี้" พล.ต.สมาน กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net