ประชาไท - 1 ก.ย.2549 จากกรณีที่คณะกรรมการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีมติให้ใช้มาตรการบังคับใช้สิทธิในการผลิตยาเอฟฟาไวเรนซ์ (Efavirenz) สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่แพ้ยาจีพีโอร์เวียร์ ซึ่งมีอยู่ประมาณร้อยละ 10 ของผู้ใช้ยาทั้งหมด แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการพิจารณาจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ขณะที่ยาดังกล่าวอยู่ในภาวะขาดแคลนและมีราคาแพงจนต้องใช้วิธีแบ่งปันยากันในกลุ่มผู้ติดเชื้อ

เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า การบังคับใช้ยาเอฟฟาไวเรนซ์นั้น หากพิจารณาความสามารถขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) ในการผลิตยาคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะผลิตเองได้ เนื่องจากต้องทำวิจัยก่อน จึงอาจต้องนำเข้ายาจากประเทศอินเดียมาใช้แทน เพราะราคาถูกกว่ายาต้นแบบ อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้บริษัทผู้ผลิตยาเอฟฟาไวเรนซ์ได้ลดราคายาจากเดิมประมาณ 2,500 บาทต่อคนต่อเดือน เหลือ 2,000 บาทต่อคนต่อเดือน หรือลดลงร้อยละ 17-20 ซึ่งเป็นกลยุทธ์ปกติของบริษัทยาที่จะบีบให้ประเทศที่คิดจะใช้มาตรการนี้รู้สึกว่าไม่คุ้มทุน

"ในอนาคต ยาคาเลทรา (Kaletra) ซึ่งเป็นยาสูตร 2 ที่ใช้กับคนแพ้ยาสูตรแรก อาจจะต้องใช้มาตรการบังคับใช้สิทธิด้วย แต่องค์การเภสัชกรรมไม่มีศักยภาพในการผลิตยาตัวนี้ หากไทยจะใช้มาตรการนี้ในการผลิตจะต้องปรับแก้กฎหมาย เพื่อให้สามารถนำเข้ายาจากต่างประเทศได้ เพราะตามระเบียบขององค์การอนามัยโลก ในการเจรจารอบโดฮากำหนดให้สามารถใช้มาตรการบังคับใช้สิทธิได้ทั้งการนำเข้าและการผลิต แต่กฎหมายของไทยให้เฉพาะการผลิต" นายนิมิตร์กล่าว

ด้านพล.ท.นพ.มงคล จิวะสันติการ ผู้อำนวยการ อภ. กล่าวว่า อภ.มีแผนผลิตยาต้านไวรัสประเภทยาน้ำรสผลไม้ และอยู่ระหว่างการผลิตยาจีพีโอ เวียร์ สูตรค็อกเทลสำหรับเด็ก ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองทางคลีนิค ส่วนยาทีโนโฟเวียร์นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ตัวยาเพื่อผลิต และเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาต้านไวรัสเอดส์มากขึ้น อภ.จึงได้มีการบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตภายใน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลง รวมทั้งได้ติดต่อกับบริษัทเครือพันธมิตรที่ผลิตวัตถุดิบคุณภาพราคาถูก ทำให้ อภ.สามารถปรับลดราคายาต้านไวรัสเอดส์ได้ถึงร้อยละ 10 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป ได้แก่ ยา GPO-VIR S30 จาก 1,200 บาท ลด 1,080 บาท ยา GPO-VIR S40 เดิม 1,320 บาท ลด 1,180 บาท และ ยา Zilavir เดิม 1,500 บาท ลด 1,350 บาท ทั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับที่มียาต้านไวรัสตัวใหม่เข้ามาตีตลาด เพราะยาที่เข้ามาเป็นเพียงแค่ทางเลือกหนึ่งเท่านั้น

ที่มา: เว็บไซต์มติชน