ประชาไท - 1 ก.ย. 2549 เมื่อวันที่ 31 ส.ค. เวลา 10.30 น. น.ส.
โดยผู้ฟ้องทั้งห้า ขอให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกเลิกและเพิกถอนพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดอำนาจสิทธิและประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2544 และ พ.ร.ฎ.กำหนดเงื่อนไขเวลาการยกเลิกกฎหมายว่าด้วยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2544
ในคำฟ้องระบุว่า ผู้ฟ้องเป็นผู้ใช้น้ำมันและก๊าซของ ปตท. ซึ่งเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องทั้งสามได้ดำเนินการยกเลิกและแปรสภาพกิจการ ปตท. ที่เคยเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้กำกับดูแลของ กระทรวงพลังงาน ไปเป็น บมจ.ปตท. ซึ่งกระบวนการแปรรูป ปตท. ขัดกับ พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542
เนื่องจากการแต่งตั้งคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้ง บมจ.ปตท. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะองค์ประกอบคณะกรรมการดังกล่าวไม่ครบถ้วนซึ่งตาม มาตรา 16 แห่ง พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจฯ ให้คณะกรรมการฯ ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน 3 คนต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและบัญชี และให้มีคนในกิจการของรัฐวิสาหกิจที่แปรรูปอย่างน้อยด้านละ 1 คน แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าคณะกรรมการ ฯ ดังกล่าวมีผู้ทรงคุณวุฒิเพียงคนเดียวคือ นาย
นอกจากนี้ ยังพบว่า นาย
ในส่วนการตรา พรฎ. ทั้ง 2 ฉบับ ปรากฏด้วยว่าคณะกรรมการจัดทำการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้ง บมจ.ปตท. ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นประชาชนโดยไม่เปิดเผยและไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางตามระเบียบคณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2543 และการกระทำดังกล่าวยังขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 59 ที่ได้รับรองให้บุคคลมีสิทธิได้รับข้อมูล คำชี้แจง เหตุผลของหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ ก่อนดำเนินโครงการที่อาจมีผลกระทบต่อตนเอง
ทั้งยังปรากฏด้วยว่าในการตรา พรฎ.กำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ฯ มีเจตนาไม่สุจริตที่ส่งผลให้ บมจ.ปตท. มีอำนาจมหาชนของรัฐในการเวนคืนที่ดิน การประกาศเขต และรอนสิทธิเหนือพื้นดินของเอกชน มีผลทำให้มีการนำทรัพย์สินบางอย่างอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินที่ไม่สามารถซื้อขายได้ไปอยู่ในการถือครองเอกชนที่แสวงหากำไร
นอกจากนี้ การกำหนดสิทธิประโยชน์ ยังส่งผลให้ บมจ.ปตท. มีอำนาจผูกขาดขายน้ำมันราชการ ผูกขาดการซื้อ-ขายก๊าซธรรมชาติ สิทธิการยกเว้นการเสียภาษีป้าย รวมทั้งสิทธิการวางหนังสือค้ำประกันธนาคารต่อกรมศุลกากร และอื่น ๆ นอกจากนี้ในการจัดสรรและกระจายหุ้นยังพบว่า ไม่ได้ดำเนินการอย่างเป็นธรรม คือ ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนคนไทยมีสิทธิเข้าถึงการเป็นเจ้าของ บมจ.ปตท. ซึ่งขัดกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของ ปตท.ก่อนการแปรรูป ที่ว่า แปรรูปเพื่อให้คนไทยทุกคนมีโอกาสเป็นเจ้าของ บมจ.ปตท.
ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุด รับคำฟ้องไว้พิจารณาเป็นคดีดำหมายเลข ฟ.47/2549 เพื่อมีคำสั่งต่อไปว่า คดีอยู่ในเขตอำนาจศาลปกครองสูงสุดที่จะมีคำพิพากษาได้หรือไม่ต่อไป
เอกสารประกอบ