Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis



 


 


โดย ซาเสียวเอี้ย


 


 


ในโลกตะวันตก "งู" เป็นสัญลักษณ์แห่งความเจ้าเล่ห์ เพราะเจ้าสัตว์ชนิดนี้เปิดตัวแบบไม่สวยนักในพระคัมภีร์ไบเบิล เพราะมันคือผู้ที่ยุให้อดัมกับอีฟกินผลไม้ต้องห้ามในสวนอีเดน และเป็นสาเหตุที่ทำให้มนุษยชาติต้องมีบาปกำเนิดติดตัวมาจนทุกวันนี้


 


ยิ่งถ้าได้เพ่งพินิจดูรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดน่ากลัวและพิษร้ายของงูบางชนิด สัตว์เลื้อยคลานเลือดเย็นชนิดนี้ก็ไม่น่าจะถูกจริตคนทั่วไปสักเท่าไหร่ ก็เลยถือเป็นเรื่องเข้าใจได้ที่คนมากมายจะเกลียดและกลัวงูจนออกนอกหน้า


 


แต่ว่าสัญชาตญานของมนุษย์มักจะถูกดึงดูดโดยสิ่งที่เราเกลียดและกลัวเสมอ...


 


เพราะความเกลียดและกลัวคือปมชนิดหนึ่งซึ่งเราต้องการเอาชนะมันให้ได้ และความพยายามจะเอาชนะความกลัวนั้นก็กลายเป็นความเย้ายวนประการหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนอยากเอาตัวเข้าไปเสี่ยง


 


หนังฮอลลีวู้ดเอา "งู" และ "ความกลัว" มาเป็นจุดขายนักต่อนักแล้ว แต่สำหรับหนังโลภมากอย่าง Snakes on a Plane ไม่ได้หยุดแค่นั้น เพราะผู้กำกับหน้าใหม่อย่าง เดวิด อี.เอลลิส จับความกลัวงูมาใส่ไว้บนเครื่องบินเพื่อให้ตัวละครตกอยู่ในภาวะเหมือนติดกับดัก จากนั้นผู้กำกับเอลลิสก็เล่นกับความระทึกขวัญของคนดูด้วยการกระหน่ำงูเป็นร้อยๆ ตัวลงไปในสถานการณ์ตื่นเต้นเหินฟ้าที่มีชีวิตของตัวละครสำคัญๆ เป็นเดิมพัน


 


พล็อตเรื่องของ Snakes on a Plane จึงมีประเด็นสำคัญเพียงอย่างเดียวจริงๆ คือมันเป็นเรื่องของงูที่ดันอุตริไปอยู่บนเครื่องบิน...ก็เท่านั้น!


 


แต่ประเด็นที่ว่ามาแล้วนี่แหละที่ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ทั้งในฮอลลีวูดและในโลกไซเบอร์ เพราะความง่ายที่เดาได้ไม่ซับซ้อน พร้อมด้วยสูตรสำเร็จที่เล่นกับความรุนแรงซึ่งตอบสนองความดิบและด้านมืดในใจมนุษย์ได้อย่างไม่มีกั๊ก


 


ในความเป็นจริง Snakes on a Plane จะมีสูตรสำเร็จเช่นเดียวกับหนังคัลต์ (Cult) เรื่องอื่นๆ ที่มีฉากและอรรถรสเหมาะสมถูกใจผู้ชมบางประเภทเท่านั้น แต่หนังเรื่องนี้เหนือชั้นกว่าตรงที่ได้นักแสดงมือรางวัลอย่าง "ซามูเอล แอล. แจ๊กสัน" มารับบทนำ และเขาก็ทำให้ตัวละครที่แสนจะแบนไร้มิติดูเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อและมีความน่าเชื่อถือได้อย่างพอเหมาะพอดี


 


เรื่องนอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรมาก (และบางครั้งก็ฟังดูไร้เหตุผลอย่างไม่น่าเชื่อ) เพราะซามูเอลรับบทเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอชื่อเนวิลล์ ฟลินน์ ผู้ซึ่งกำลังติดตามตัว "เอ็ดดี้ คิม" อาชญากรเชื้อชาติเอเชียตัวเอ้มาลงโทษ


 


พอดีกับที่ "ฌอน โจนส์" (Nathan Phillips) นักเล่นเซิร์ฟรายหนึ่งไปเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เอ็ดดี้ คิมเป็นคนก่อ เอเจนต์ฟลินน์จึงต้องตามไปคุ้มกันไม่ให้ฌอนโดนสั่งเก็บ และเขาจะพาตัวฌอนขึ้นเครื่องบินไปให้การที่ศาลในแอลเอให้ได้-ในฐานะพยานคนสำคัญที่จะทำให้เอ็ดดี คิมติดตะรางหัวโต


 


อาชญากรสุดเหี้ยม (แต่ฉลาดน้อย) อย่างเอ็ดดี้ก็เลยส่งงูพิษเป็นร้อยๆ ชนิดใส่กล่องขึ้นไปบนเครื่อง โดยหวังว่างูพิษเหล่านั้นจะอาละวาดจนทำให้เครื่องบินตก และตัวเองจะได้ปิดปากพยานสำคัญให้เหมือนว่าเหตุการณ์นั้นคืออุบัติเหตุ (คิดได้ไงเนี่ย!)


 


เมื่องูพิษที่บ้าคลั่งเพราะถูกจับรมยาออกมาเพ่นพ่านยั้วเยี้ยในเครื่องบิน เหล่าผู้โดยสารก็เลยตกเป็นเหยื่อสังเวยแก่งูเหล่านั้น และมหกรรมการ "เลื้อย-ฉก-ระทึก" ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนานบนเที่ยวบินแปซิฟิก 121 โดยที่ผู้โดยสารและเอเจนต์ฟลินน์จะต้องช่วยกันต่อสู้กับงูเมายาให้ตัวเองอยู่รอดไปจนถึงพื้นดิน


 


แน่นอนว่ากว่าเครื่องบินจะแตะพื้นได้อย่างปลอดภัยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะผู้โดยสารมากมายไม่มีโอกาสรอดชีวิตไปสูดลมหายใจนอกเครื่องบิน


 


ความบันเทิงที่ถูกผลิตซ้ำบนความรุนแรงทำให้ผู้ชมหลายคนต้องปิดตา ในขณะเดียวกันก็อดอุทานออกมาไม่ได้ว่า "เฮ้ย! มันเล่นมุกนี้เลยเหรอ" และความดิบเถื่อนที่ผู้กำกับเอลลิสจงใจทำออกมาก็กลายเป็นแรงกระตุ้นให้คนดูพลอยรู้สึกรู้สาและมีอารมณ์ลุ้นร่วมไปกับเนื้อหาของหนังอย่างไม่มีโอกาสพักหายใจหายคอ (และไม่ทันคิดถึงเหตุผลอื่นๆ เช่นว่า เอ็ดดีรวบรวมงูร้อยๆ ตัวได้ยังไงภายในเวลานิดเดียว หรือทำไมระบบสแกนของสนามบินถึงตรวจไม่พบความผิดปกติของกล่องใส่งู)


 


สิ่งที่รู้อยู่แล้วว่าจะได้เจอในหนังเรื่องนี้ก็เลยกลายเป็นเรื่องไม่ธรรมดา เมื่อได้เห็นกรรมวิธีการฉกไม่เลือกที่ของงูบนเครื่องบินที่ทั้งโหดและรวดเร็ว เชื่อได้เลยว่าคนที่ดูเรื่องนี้จะรู้สึกหลอนและกลัวงูไปอีกนาน เพราะที่ผ่านๆ มาหนังฮอลลีวูดที่เล่นกับงูนั้นมีการพูดถึงแบบเกรงใจ กบว.อยู่มิใช่น้อย (เช่น อนาคอนดา) เราจึงไม่ค่อยได้เห็นฉากการกัดและสังหารของงูบนแผ่นฟิล์ม จนมาได้เห็นกันจะจะใน Snakes on a Plane นี่เอง


 


อาจเรียกได้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวเลยสำหรับผู้กำกับหน้าใหม่ที่มีใจรักในหนังเกรดบี และถือเป็นการประกาศจุดยืนที่ชัดเจนอย่างยิ่ง


 


เพราะถึงแม้ว่าหลายคนจะเบ้หน้าเมื่อได้ยินคำว่าหนังเกรดบี แต่เดวิด อี. เอลลิส สามารถทำให้คนดูตื่นเต้นและสร้างอารมณ์ต่อเนื่องให้คนดูลุ้นไปกับตัวละครได้ตลอดเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง เพราะเขาเล่นกับความดิบเถื่อนของมนุษย์ได้อย่างสะใจ


 


และนี่คงเป็นอีกหนทางหนึ่งที่เปิดโอกาสให้เราได้ตรวจสอบว่า "งูพิษ" ในจิตใจของแต่ละคนเสพติดความรุนแรงไปมากน้อยเพียงไรแล้ว...

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net