Uncensored
อุทัยวรรณ เจริญวัย แปล
จาก There Is No War On Terror โดยรอเบิร์ต ดรายฟัส (Robert Dreyfuss) 13 กันยายน 2006 จากเว็บ AxisofLogic
ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช รองประธานาธิบดีเชนีย์ และทีมวางแผนเลือกตั้งของรีพับลิกัน กำลังพยายามสุดฤทธิ์เพื่อที่จะทำให้ สิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "สงครามต่อต้านการก่อการร้าย" กลายเป็นเป้าสนใจของสาธารณะตลอด 7 สัปดาห์ข้างหน้านี้ ก็เหมือนกับการเลือกตั้งในปี 2002 และปี 2004 น่ะแหละ ความสำเร็จของพวกเขาขึ้นอยู่กับความสามารถที่จะหลอนคนอเมริกัน ให้ตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวอัล-ไคดาแบบไม่ลืมหูลืมตาให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ความเจ็บปวดสะเทือนใจต่อเหตุการณ์ 9/11 เริ่มจางลงไป และกลเม็ดการสร้างความหวาดกลัวต่างๆ นานาของทำเนียบขาวก็ชักจะไม่ขลังเท่าเมื่อก่อนแล้ว ปรากฎว่า ตลอด 5 ปีมานี้ บรรดาชาวคณะเดโมแครตซึ่งเป็นคู่แข่ง กลับตกอยู่ในสภาพไร้น้ำยา ไม่สามารถพัฒนากลยุทธเด็ดขาดอะไรมาโต้ตอบได้ ต่อไปนี้ จึงเป็นการนำเสนอ "ข้อเท็จจริงหลักๆ 10 ประการ" เกี่ยวกับการก่อการร้าย ที่ฝ่ายตรงข้ามกับบุชทั้งหลายควรจะได้ทำความเข้าใจเอาไว้
ข้อมูลส่วนหนึ่งที่จะได้อ่านกันต่อไปนี้ มาจากการสัมภาษณ์พูดคุยกับบุคคลจำนวน 20 กว่าคน (2 โหล) ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาของผม โดยเขาเหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับหัวแถวในองค์กรต่างๆ ที่ดูแลงานด้าน "ต่อต้านการก่อการร้าย" ของอเมริกาทั้งสิ้น และส่วนใหญ่มีตำแหน่งสำคัญระหว่างยุคที่บุชเข้ามาบริหารอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่ผมไปสอบถามจะมีความเห็นตรงกันไปซะทีเดียว รวมทั้งไม่ใช่ทุกคนที่ว่านี้จะเห็นด้วยกับข้อสรุปของผมไปซะหมด - ข้อสรุปตามที่ผมเคยเขียนไว้ในนิตยสารโรลลิง สโตน ฉบับ 21 กันยายน (ที่เราแปลไปแล้วเป็นชิ้นแรก) - แต่ที่แน่ๆ ก็คือ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นตัวจริงเสียงจริงอยู่แถวหน้าของสิ่งที่เรียกกันว่าสงครามต่อต้านการก่อการร้าย และถ้าความพยายามที่จะแก้ปัญหาการก่อการร้ายอยู่ในอำนาจของคนเหล่านี้ แทนที่จะอยู่ในอำนาจของบุชและเชนีย์แล้วละก็ สิ่งที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกับสิ่งที่เราเห็นในปัจจุบัน...เป็นคนละเรื่องไปเลย
1. ภัยคุกคามว่าด้วยการก่อการร้ายถูกขยายจนเว่อร์สุดๆ
จากบทความของนักวิชาการรัฐศาสตร์ จอห์น มูลเลอร์ (John Mueller) ในนิตยสาร Foreign Affairs ฉบับล่าสุด ได้แสดงถึงข้อโต้แย้งที่มีหลักฐานน่าเชื่อถือว่า ความน่ากลัวเหมือนปีศาจร้ายของอัล-ไคดาถูกใส่สีตีไข่จนเกินความจริงไปไกล มูลเลอร์และอีกหลายคนได้โต้ว่า เหตุผลที่อเมริกาไม่ถูกโจมตีอีกเลยหลังเหตุการณ์ 9/11 ก็เพราะผู้ก่อการร้ายไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือมีฤทธิ์เดชมากมายอย่างที่อ้างกัน
"ถ้าผู้ปฏิบัติการของอัล-ไคดามีความมุ่งมั่นตั้งใจหรือมีความสามารถในการคิดอะไรใหม่ๆ อย่างที่คาดกัน ป่านนี้พวกเขาจะต้องปรากฎตัวที่นี่แล้ว ถ้าพวกเขายังไม่โผล่มาที่นี่ ก็แสดงว่า พวกเขาไม่ได้ใช้ความพยายามเท่าไหร่ ไม่ได้มีความมุ่งมั่นเท่าไหร่ ไม่ได้มีความร้ายกาจเท่าไหร่ และไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าไหร่ ไม่ได้เป็นอะไรมากมายอย่างที่ภาพลักษณ์ทั่วๆ ไปของพวกเขาบ่งชี้" มูลเลอร์ได้เขียนอธิบายประเด็นนี้ไว้ ทำไมพวกเดโมแครตถึงไม่รู้จักหยิบเอาข้อโต้แย้งอันนี้ไปใช้?
2. อัล-ไคดา แทบจะไม่มีอะไรเหลือแล้ว ในฐานะภัยคุกคาม
องค์กรที่โจมตีอเมริกาเมื่อ 9/11 ถูกทำลายจนแตกเป็นเสี่ยงๆ และถูกไล่บี้จนใกล้จะสูญพันธุ์เต็มที ตรงกันข้ามกับที่กลุ่มผลประโยชน์ขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมต่อต้านการก่อการร้ายและกระบอกเสียงของพวกเขาในแวดวงนักข่าวได้พยายามกล่าวอ้าง จากที่ผมได้สัมภาษณ์ คาร์ล ฟอร์ด (Carl Ford) อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศในด้านข่าวกรอง เขาบอกผมว่า
"เราพูดเกินจริงในเรื่องศักยภาพของพวกเขา เราทำใจยอมรับไม่ได้ว่ามันไม่มีคำอธิบายอื่นอีกแล้วที่เราไม่ได้ถูกโจมตีอีกเลย มันไม่ได้มีผู้ก่อการร้ายมากมายนักหรอก-ข้างนอกนั่นน่ะ และคนพวกนั้นก็ไม่ได้สูงสิบฟุตซะด้วย......สมมุติฐานที่ฟังดูน่าเชื่อถือมีอยู่ว่า : พวกเขาได้รับความเสียหายหนักหนาสาหัสกว่าที่เรารู้"
เดโมแครตควรจะหยุดร่วมขบวนสร้างความแตกตื่นเกี่ยวกับอัล-ไคดาได้แล้ว พวกเขาควรจะสงบใจ หันมาอธิบายอย่างมีสติให้ประชาชนฟังว่า ภัยคุกคามเกี่ยวกับการก่อการร้ายซึ่งก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ถูกกำจัดรื้อถอนไปแทบจะสิ้นซากแล้วตั้งแต่ 9/11 เป็นต้นมา
3. ไม่มีการรวมตัวที่เรียกว่า Terrorist International
ประธานาธิบดีบุชพยายามอย่างยิ่งที่จะเหมารวมสิ่งต่อไปนี้ว่าเป็นพวกเดียวกัน : สมาชิกที่แตกพ่ายของอัล-ไคดา รัฐอย่างอิหร่านและซีเรีย ฝ่ายต่อต้านการยึดครองในอิรัก พรรคการเมืองที่มีกองกำลังติดอาวุธอย่างฮามาสและเฮซบอลเลาะห์ ตลอดจนกลุ่มอื่นๆ ที่แตกต่างหลากหลายออกไป - ทั้งหมดนี้คืออภิมหาศัตรูที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวและเขาเรียกมันว่า อิสลาโมแฟชิสต์ (Islamofascist)
ไม่มีอะไรจะบิดเบือนความจริงและจงใจให้ข้อมูลเท็จมากไปกว่านี้อีกแล้ว
"มันเป็นการทำให้วิธีดีลกับปัญหาการก่อการร้ายดูง่ายเกินไปและหยาบเกินไปอย่างมาก เพราะแทคติกนี้ (การก่อการร้าย) เป็นสิ่งที่ถูกใช้โดยคนหลายกลุ่ม ซึ่งต่างก็มีความคิดและอุดมการณ์แตกต่างกันไป" พอล อาร์ พิลลาร์ (Paul R. Pillar ) อดีตนักวิเคราะห์หัวแถวของซีไอเอ เจ้าของผลงานหนังสือที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในเรื่องการก่อการร้าย กล่าวกับวอชิงตันโพสต์เร็วๆ นี้
"และสิ่งนี้ก็นำไปสู่ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับเรื่องนโยบาย จริงๆ แล้ว เราจำเป็นจะต้องมีนโยบายต่อต้านการก่อการร้ายที่หลากหลายไม่เหมือนกันสำหรับแต่ละกลุ่ม แต่ละรัฐ ที่เราต้องรับมือด้วย...อย่างฮามาสนี่ก็เป็นองค์กรที่แตกต่างกับอัล-ไคดาอย่างสิ้นเชิง...จุดมุ่งหมายของพวกเขาก็แตกต่างกันอย่างมาก" และนี่ก็เป็นสิ่งที่พิลลาร์ให้สัมภาษณ์ผมไว้เหมือนๆ กัน
บุชอ้างว่า อัล-ไคดากับพันธมิตรก่อการร้ายของมัน ต้องการสร้าง "อาณาจักรที่แผ่ขยายจากสเปนไปถึงอินโดนีเซีย" เหลวไหลและเป็นไปไม่ได้ ทำไมเดโมแครตถึงไม่รู้จักเอามุขเขย่าขวัญแบบนี้ไปล้อเลียน?
4. อิรักไม่มีวันกลายเป็นพวกอัล-ไคดา (ไม่ยอมเป็นและไม่สามารถทำให้เป็น)
ฝ่ายต่อต้านในอิรักจำนวนมหาศาลประกอบด้วยชาวซุนนี อดีตสมาชิกพรรคบาธ อดีตทหารและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองซึ่งเป็นพวกชาตินิยม ผู้นำเผ่าต่างๆ ของซุนนี ตลอดจน "ชาวอิรักขี้โมโห" แก่ๆ ธรรมดาๆ - ไม่ใช่อัล-ไคดา
ตอนที่บุชบอกว่า ถ้าอเมริกาทิ้งอิรัก เท่ากับอเมริกายื่นอิรักใส่มือพวกอัล-ไคดา เขากำลังให้ข้อสรุปที่เป็นเท็จเหมือนอย่างที่เขาเคยทำเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเขาบอกเราว่า ซัดดัม ฮุสเซนให้ความสนับสนุนบิน ลาเดน ตอนนี้เขาบอกเราว่า อิรักที่โปร-ซัดดัม ฮุสเซนกำลังสนับสนุนผู้ก่อการร้ายที่โปร-บิน ลาเดนและอัล-ไคดา ตอนนั้นเขาโกหกเรา และตอนนี้เขาก็...หลอกรับประทานเราอีก
5. ทาลีบานไม่ใช่อัล-ไคดา
ในปี 2001 ทาลีบานกับอัล-ไคดา อาจจะมีการจับคู่กันเพราะผลประโยชน์เฉพาะหน้า แต่มันก็เหมือนกับการจับคู่แต่งงานส่วนใหญ่ ที่อยู่กันไปแบบไม่มีความสุขน่ะแหละ ตอนนั้น มุลลาห์ โอมาร์ (Mullah Omar) และกลุ่มผู้นำทาลีบานไม่ค่อยไว้ใจและไม่พอใจอัล-ไคดา ผู้นำทาลีบานบางคนถึงกับเป็นศัตรูกับบิน ลาเดนแบบออกนอกหน้าด้วยซ้ำ ตอนนี้ การฟื้นคืนอำนาจของทาลีบานในอัฟกานิสถาน เป็นสิ่งย้ำเตือนอันน่ารันทดว่า บุชล้มเหลวในอัฟกานิสถานด้วยเช่นกัน แต่ถึงกระนั้น นักรบทาลีบานก็เป็นพวกอิสลามิสต์ชาวอัฟกัน ไม่ใช่อาหรับหรือนักรบต่างชาติ พวกเขาไม่ใช่อัล-ไคดา และถ้าทาลีบานจะเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์อเมริกันขึ้นมา พวกเขาก็ไม่ใช่ภัยคุกคามเรื่องการก่อการร้าย
6. ทั้งอิหร่านและซีเรีย ไม่ได้เป็นสปอนเซอร์ให้การก่อการร้ายที่ต่อต้านอเมริกา
อัล-ไคดาได้รับความช่วยเหลือ = 0 จากอิหร่านและซีเรีย ผู้นำซีเรียหรือระบอบปกครองซีเรีย เป็นศัตรูขั้นดุเดือดกับพวกอิสลามิสต์แนวคิดสุดขั้วแบบอัล-ไคดา ในอิหร่าน ระบอบปกครองโดยผู้นำทางศาสนาซึ่งเป็นชีอะต์ ก็ชิงชังไม่ชอบหน้าพวกซุนนีฟันดะเมนทัลลิสต์และอัล-ไคดาเช่นกัน แม้ว่าในทางแทคติกแล้ว ทั้งสองประเทศจะสนับสนุนฮามาส (ซุนนี) และเฮซบอลเลาะห์ (ชีอะต์) ในการต่อต้านอิสราเอลก็ตาม และแม้ว่าอิหร่านจะนิยมลอบสังหารผู้นำฝ่ายค้านที่อยู่ในต่างแดนก็ตาม แต่ทั้งสองประเทศก็ไม่ได้โจมตีอเมริกาเป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว ผู้นำอัล-ไคดาไม่กี่คน - รวมทั้งลูกชายของโอซามา บิน ลาเดน - ซึ่งมีรายงานว่าอยู่ในอิหร่านนั้น ก็ถูกกักบริเวณ และไม่ได้เป็นผู้นำในปฏิบัติการใดๆ สำหรับพวกอัล-ไคดาที่แตกพ่ายไปอีกแล้ว
แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งเจ้าหน้าที่ของบุช อาทิ นิโคลัส เบิร์นส์ (Nicholas Burns) แห่งกระทรวงต่างประเทศ จากการกล่าวหาอิหร่านได้ พวกเขากล่าวหาว่าอิหร่านรับอุปถัมภ์ "ให้ที่พักพิง" แก่อัล-ไคดา ไร้สาระสุดๆ
7. มันไม่ใช่ "สงคราม"
แม้ว่าเพนตากอนจะเป็นฝ่ายที่ได้งาบงบประมาณจากสิ่งที่เรียกกันว่าสงครามต่อต้านการก่อการร้ายถึง 90% และแม้จะเป็นที่เข้าใจกันว่าหน่วยบัญชาการของเพนตากอนเป็นผู้รับผิดชอบ "สงคราม" นี้ก็ตาม - แต่นี่ไม่ใช่สงคราม
การก่อการร้ายไม่ใช่สิ่งที่สามารถต่อสู้ได้ด้วยรถถัง เครื่องบิน และมิสเซิล กระทรวงกลาโหมไม่สามารถบุกเข้าไปยึดชานเมืองลอนดอน มัสยิดในฮัมบวร์ก หรือเมืองที่ผู้คนพลุกพล่านในปากีสถาน เซลของมุสลิมผู้มีความโกรธแค้นจะเข้ามาร่วมกันตามธรรมชาติ เพื่อหาทางแก้แค้นให้กับสิ่งที่เป็นความผิดจริงหรือสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าผิดในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า นี่คือปัญหาสำหรับซีไอเอ เอฟบีไอ ตลอดจนสำนักงานข่าวกรองและตำรวจที่ดูแลด้านต่างประเทศโดยเฉพาะ ไม่ใช่กองกำลังของโดนัลด์ รัมสเฟลด์
"ผมล่ะเกลียดจริงๆ คำว่า...สงครามต่อต้านการก่อการร้ายโลก" จอห์น โอ เบรนแนน (John O. Brennan) อดีตผู้อำนวยการของ
8. ไม่เคยมีเซลก่อการร้ายของอัล-ไคดา เตรียมก่อการอยู่ในอเมริกา