สืบเนื่องจากกรณีบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ วอชิงตัน โพสต์ ฉบับวันที่ 21 กันยายน 2549 กล่าวโจมตีเหตุการณ์ปฏิรูปการปกครองในประเทศไทยโดยกลุ่มทหารอย่างรุนแรง โดยกล่าวว่าข้ออ้างของกลุ่มนายทหารที่ว่าจำเป็นต้องทำ เพื่อยุติการคอรัปชั่นและยุติความขัดแย้งทางการเมืองนั้น ไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริง และว่าประเทศไทยเคยมีประวัติเรื่องการทำปฏิวัติรัฐประหารมาก่อน แต่ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนทหารจะเรียนรู้ว่าการเข้าแทรกแซงการเมืองนั้น ทำให้เหตุการณ์เลวร้ายลงมากกว่า และว่าถึงแม้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะไม่ใช่ผู้นำที่ดี และทำให้ประชาธิปไตยอ่อนแอโดยการพยายามควบคุมสื่อมวลชน สนับสนุนวิธีรุนแรงในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและปัญหามุสลิมแบ่งแยกดินแดน แต่เห็นชัดว่าพรรคการเมืองของเขาได้รับการสนับสนุนจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน และอาจชนะการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงปลายปี

"พลเอกสนธิ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า การเลือกตั้งใหญ่จะยืดออกไปหนึ่งปี ขณะที่รัฐธรรมนูญ ซึ่งเขาสั่งระงับใช้นั้น กำลังร่างขึ้นมาใหม่ วัตถุประสงค์อาจจะต้องสนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรค ที่สมาชิกพยายามมาเป็นเวลานานนับปีในการผลักดันนายกฯ ทักษิณออกจากอำนาจ ผ่านวิธีที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เช่นชุมนุมแสดงพลังริมถนน รัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังปรับปรุง อาจจะมีเป้าหมายในการป้องกันนายกรัฐมนตรีจากอำนาจผูกขาด อย่างที่นายกฯ ทักษิณพยายามทำ แต่การปรับปรุงดังกล่าวควรจะผ่านระบบที่เป็นประชาธิปไตย บัดนี้ มันถูกควบคุมโดยนายทหาร หรือนักการเมืองที่ไม่ชนะ หรือไม่มีทางชนะการเลือกตั้ง" บทบรรณาธิการของวอชิงตันโพสต์ระบุ

นอกจากนี้ บทความยังระบุด้วยว่า ผู้รักประชาธิปไตยไม่ควรยอมรับการแตกแยกเหล่านี้ และว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยอมรับประเทศไทยเป็นพันธมิตรหลักนอกกลุ่มนาโต้ เพราะความร่วมมือระหว่างกันในการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย แต่บัดนี้ สัมพันธ์ดังกล่าวสมควรได้รับการทบทวนใหม่ และร่วมกับพันธมิตรชาติอื่น เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ที่ยืนยันว่าการขัดขวางระบอบประชาธิปไตยโดยทหารไทย เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

"ทำเนียบขาวเริ่มต้นโดยการยุติการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีแล้ว แต่ควรจะทำยิ่งกว่านั้น เช่น ปฏิเสธความสัมพันธ์กับหน่วยงานของรัฐบาลที่แต่งตั้งโดยทหารไทย และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และไทยควรถูก "แช่แข็ง" จนกว่าการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรมจะมีขึ้น" บทบรรณาธิการของวอชิงตันโพสต์ระบุ

หลังจากที่วอชิงตันโพสต์ได้เผยแพร่บทความดังกล่าว ได้มีผู้อ่านแสดงความคิดเห็นขัดแย้งมากมาย เช่นผู้ที่ใช้ชื่อว่า มานูเอล บริสกิน จากเมืองอาร์ลิงตัน ส่งจดหมายถึงบรรณาธิการ ซึ่งต่อมาได้รับการตีพิมพ์ในหน้า เอ20 ของฉบับวันที่ 29 กันยายน โดยแสดงความไม่เห็นด้วยกับข้อความในบทบรรณาธิการที่ว่า พรรคการเมืองพยายามผลักดัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้หลุดพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี "ผ่านวิธีที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เช่นชุมนุมแสดงพลังริมถนน"

"คุณไม่เคยได้ยินคำว่าเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และเสรีภาพในการชุมนุมหรอกหรือ และคุณรู้สึกอย่างไรกับการแสดงพลังริมถนนที่เกิดขึ้นระหว่างการปฏิวัติสีส้มในยูเครน หรือที่อื่นในกลุ่มประเทศที่เคยเป็นโซเวียต หรือที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน" นายมานูเอล ระบุและว่า การชุมนุมโดยสงบ ไม่ใช่วิธีที่ "ไม่เป็นประชาธิปไตย"

ขณะเดียวกันก็มีคนไทยใช้ชื่อว่าแท็ต และจารุณี จันทราปานิก (Tat and Jarunee Chantraparnik) เขียนข้อความส่งถึงวอชิงตันโพสต์เช่นกัน โดยระบุว่า บทบรรณาธิการของวอชิงตันโพสต์ฉบับวันที่ 21 กันยายน เป็นบทความที่ดูถูก ปราศจากการคิดให้รอบคอบ หยาบคาย และไร้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยในช่วงหกปีที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด เป็นเครื่องชี้ให้เห็นถึงความถดถอยของหนังสือพิมพ์ที่ยิ่งใหญ่

บทความดังกล่าวระบุต่อไปว่า การทำรัฐประหารที่เกิดขึ้นคือสิ่งที่ประเทศไทยต้องการ เพื่อกำจัด พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคพวก ซึ่งทำความเสียหายให้ประเทศมากกว่าที่ใครเคยทำรวมกัน โดยผู้เขียนได้สรุปความผิดของอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นหกข้อ ดังนี้

1 ก้าวก่ายองค์กรอิสระ ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลนักการเมือง ข่มขู่เจ้าหน้าที่ขององค์กรอิสระ รวมถึงจ่ายเงินซื้อเสียงของบุคคลเหล่านั้น

2 ทำลายรัฐธรรมนูญ โดยแก้ไขเพื่อให้รัฐธรรมนูญเอื้อประโยชน์แก่ตน

3 ควบคุมสื่อมวลชนให้เสนอข่าวที่เป็นประโยชน์กับตนเอง

4 บังคับข้าราชการ โดยใช้เงินหรืออำนาจ เพื่อให้ "โปร-ทักษิณ"

5 คนชนบทส่วนใหญ่ยากจนและไม่มีการศึกษา จึงถูกซื้อเสียงได้ง่าย

6 เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ถูกควบคุมในประเทศไทย เพราะหากมีผู้ใดแสดงความเห็นต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกรังแกหรือทำร้าย

นอกจากนั้นยังระบุถึงการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม ที่บทบรรณาธิการของวอชิงตันโพสต์กล่าวถึงด้วยว่า เกิดขึ้นจากการซื้อเสียง มีการอ้างถึงกรณีที่ อดีต กกต. สามคนถูกศาลตัดสินจำคุกฐานใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิดด้วย

"นี่คือประชาธิปไตยของคุณหรือ แน่นอน อำนาจเงินย่อมนำชัยชนะมาสู่ทักษิณในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้น" เจ้าของชื่อ แท็ตและจารุณี ระบุพร้อมปิดท้ายว่า "แม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการก้าวถอยหลัง แต่ก็แน่ใจว่าประชาธิปไตยจะเกิดขึ้น การเลือกตั้งที่สะอาดและยุติธรรมจะเกิดขึ้น การทำรัฐประหารคือการตัดสินใจที่ฉลาดและมีผลดี เพราะหากปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำหน้าที่ต่อไป ประเทศไทยและคนไทยจะทุกข์ทนอย่างมากมายและไม่มีวันจบสิ้น" 

ที่มา  : ไทยทาวน์ยูเอสเอนิวส์