Skip to main content
sharethis

ชายแดนใต้ - เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2549 พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.  เปิดเผยหลังหารือกับนายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า มีความเห็นสอดคล้องกันที่จะยึดภารกิจเดิมของศูนย์อำนายการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต.เดิมไว้ แต่จำเป็นต้องปรับปรุงลักษณะการทำงานที่ให้ทันต่อเหตุการณ์ ภายใต้ชื่อ ศูนย์อำนวยการในการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอพ.จชต. โดยจะมีการยุบหน่วยงานต่างๆ เช่น กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภายใต้ หรือ กอ.สสส.จชต.


 


พล.อ.สนธิ เปิดเผยอีกว่า สำหรับภารกิจของ ศอพ.จชต. จะยึดความสามัคคีและความสมานฉันท์เป็นหลัก โดยจะใช้บุคลากรของกระทรวงมหาดไทยทำหน้าที่เป็นหัวหน้าศูนย์ และมีกรอบการทำงานในการดูแลรับผิดชอบพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงจังหวัดสงขลาและสตูลด้วย


 


พล.อ.สนธิ เปิดเผยอีกว่า โครงสร้างใหม่ของ ศอพ.จชต. จะมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับโครงสร้างของฝ่ายทหาร ที่จะมีการปรับเปลี่ยนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ให้เป็นกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในแห่งชาติ แต่ก็คาดว่าจะยังไม่สามารถนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในสัปดาห์นี้ เพราะต้องรอศึกษารายละเอียดในด้านต่างๆ ให้สมบูรณ์ก่อน


 


สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาความไม่สงบที่จะให้ครอบคลุมจังหวัดสงขลาและจังหวัดสตูลด้วยนั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ได้หารือกับทุกภาคส่วนแล้วเห็นว่า จังหวัดสตูลถือเป็นจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังมากเป็นพิเศษ แต่จะไม่ใช้อำนาจทางทหารเข้าไปแก้ไขปัญหา


 


"สุรยุทธ์" ถกผู้นำมาเลย์หาทางดับไฟใต้


 


เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2549 ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และคณะ จะเดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ โดยเครื่องบินของสายการบินไทย เที่ยวบินทีจี 415 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเวลา 09.00 น. วันพุธที่ 18 ตุลาคม 2549 โดยจะเข้าพบนายอับดุลเลาะห์ บิน อาห์หมัด บาดาวี นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย และ นายราจีฟ ราซัค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม ที่เมืองปุตราจายา


 


การเยือนมาเลเซียครั้งนี้ เป็นการเดินทางชี้แจงสถานการณ์ภายในของประเทศไทย รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและสร้างความร่วมมือในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย จากนั้นจะเดินกลับถึงประเทศไทยเวลา 21.00 น. วันเดียวกัน


 


"หมอแว"แนะตั้งศาลชารีอะห์-เขตปกครองพิเศษ


 


นายแพทย์แวมาฮาดี แวดาโอะ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในการทำหน้าที่สมาชิกสภานิติบัญญัติฯ ต้องการเสนอร่างกฎหมายเขตปกครองพิเศษเชิงวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยยึดแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ไม่เน้นอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ มุ่งสร้างสังคมที่ปลอดอบายมุข ไม่ให้มีการกระทำผิดประเวณี โดยกำหนดกฎระเบียบให้สอดคล้องกับวิธีชีวิตของคนในพื้นที่ เพื่อให้มีการสร้างสรรค์เชิงคุณธรรมมาแก้ไขปัญหา ที่เป็นบาดแผลจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร


           


นายแพทย์แวมะฮาดี เปิดเผยอีกว่า สิ่งแรกที่อยากจะสนับสนุน คือการตั้งศาลชารีอะห์ หรือ ศาลแพ่ง ที่เกี่ยวกับมุสลิม ซึ่งจะเป็นศาลที่มีกฎหมายแตกต่างจากกฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญาของประเทศไทย นอกจากนี้ ยังอยากจะเสนอให้มีศาลความมั่นคงเพื่อลดขั้นตอนและเวลาในการพิจารณาคดี โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และที่สำคัญ อยากให้มีการนิรโทษกรรมด้วย


 


นายแพทย์แวมาฮาดี ยังต้องการให้เร่งดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลพยายามแก้ปัญหาอย่างจริงจัง


ต่อคำถามที่ว่าการเปิดเจราจากับผู้ก่อความไม่สงบจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ นายแพทย์แวมาฮาดี กล่าวว่า ต้องการทำความเข้าใจว่า คนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ยินยอมที่จะอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาล กลุ่มที่ต่อมา คือ กลุ่มที่ไม่ยอม ใครจะมาแก้ไขปัญหาอย่างไรก็จะไม่ยอมและพร้อมที่จะสู้ต่อไป กลุ่มสุดท้าย คือคนกลุ่มใหญ่ เป็นกลุ่มที่คิดว่า จะดำเนินชีวิตอย่างไรให้อยู่อย่างเป็นสุข ดังนั้นวันนี้ ประชาชนจะไม่คำนึงถึงอะไร นอกจากความปลอดภัย


 


"สิ่งที่อยากให้พิจารณาคือ การเจรจากับกลุ่มที่มีปัญหาหรือไม่ หากใช่ ก็จะหาทางลงได้ แต่ถ้าเป็นคนละกลุ่ม ก็จะไม่ทำให้อะไรดีขึ้น เช่นเดียวกับการเชิญอิหม่ามที่ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุไปสัมมนา มันก็ไปคนละทาง" นายแพทย์แวมาฮาดี กล่าว


 


สภาอุตฯถกตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ3จังหวัด


 


นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า วันที่ 17 ตุลาคม 2549 นายโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานต่างๆในกระทรวงฯ จะหารือร่วมกับสมาชิกส.อ.ท. เพื่อกำหนดนโยบายดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน


 


โดยส.อ.ท.จะเสนอขอความช่วยเหลือ ประกอบด้วย 1. การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษฉุกเฉินในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 2.การลดหย่อนเบี้ยประกันวินาศภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ซึ่งขณะนี้มีการปรับค่าเบี้ยประกันสูงขึ้นทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิตสินค้าที่สูงขึ้น 3.การแก้ไขปัญหาแรงงานที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหรกรมอาหารสิ่งทอ ที่ขาดแคลนแรงงานจนมีการใช้แรงงานต่างด้าว ซึ่งจำเป็นต้องมีการจัดระบบก่อนที่จะรับเข้าทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงเสนอแผนพัฒนาโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น


 


เตือนป่วนใต้ครั้งใหญ่ปลายเดือนถือศีลอด


 


หน่วยข่าวความมั่นคงจากกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) แจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระวังการโจมตีของแนวร่วมกลุ่มอาร์เคเค และกลุ่มเปอร์มูดอครั้งใหญ่ ระหว่างวันที่ 16-20 ตุลาคม 2549 โดยกลุ่มนี้ไม่เห็นด้วยกับการเจรจาเพื่อยุติการก่อการร้ายระหว่างตัวแทนของกองทัพบกกับตัวแทนกลุ่มพูโลเก่า พูโลใหม่ และมูจาฮีดินอิสลามปัตตานี ที่มีอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเชียเป็นประธาน


 


ดังนั้นนายเจ๊ะกูอาซัน ตอเย็บ เลขาธิการขบวนการบีอาร์เอ็นโคออดิเนต จึงได้สั่งการให้กลุ่มเยาวชนของอาร์เคเค เตรียมออกปฏิบัติการเพื่อตอบโต้และต้องการจะปฏิเสธว่า พวกเขาไม่ต้องการเจรจา


 


นอกจากนี้ มีการรายงานว่าหน่วยนักรบของขบวนการได้เคลื่อนไหวแล้วในพื้นที่ จังหวัดยะลา และนราธิวาส อย่างคึกคัก รวมทั้งใน 3 อำเภอของจังหวัดสงขลา โดยตรวจพบว่ามีกำลังของอาร์เคเค 10 คนเข้ามาหลบซ้อนอยู่ในบ้านเกาะเลหนัง ตำบลบางปาก อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกับ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี โดยมีแกนนำระดับผู้นำท้องถิ่นเป็นผู้ให้ที่พักพิงเพื่อเตรียมการก่อเหตุร้ายในช่วงระหว่างวันดังกล่าว


 


วันเดียวยิงดับ 5 ราย


 


ส่วนเหตุไม่สงบเกิดขึ้นต่อเนื่อง เริ่มจากเวลา 07.10 น. เกิดเหตุคนร้ายยิงนางอำนวย มณีบุตร อายุ 58 ปี และนายสวน มณีบุตร อายุ 60 ที่บ้านป่าหวังใน หมู่ที่ 1 ตำบลบันนังสตา อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา เสียชีวิตทั้งคู่ ตำรวจสันนิษฐานว่า เป็นการก่อความไม่สงบ


 


เวลา 08.20 น. เกิดเหตุคนร้ายนายธีรพัฒน์ ผลิฟ้า อายุ 42 ปี ตำแหน่งหัวหน้าพนักงานฝ่ายช่าง สำนักงานไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 เสียชีวิต  ขณะขับรถยนต์ของการไฟฟ้าฯ 6 ล้อ สีเหลือง หน้าสำนักงานการไฟฟ้า อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลบันนังสตา หลังได้รับแจ้งเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบแต่รอยเลือด ส่วนคนตายถูกนำส่ง รพ.บันนังสตา ทราบชื่อ ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ถูกยิงที่บริเวณหน้าออก 2 นัด เสียชีวิตคาที่


 


เวลาไล่เลี่ยกัน คนร้ายยิงนายวีรชาติ แซ่หว่อง อายุ 30 ปี อดีต อาสาสมัครรักษาดินแดน(อส.) อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ภายในสวนยาง บ้านจาเราะปีแซคละ หมู่ที่ 8 ตำบลตลิ่งชั่น อำเภอบันนังสตา ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการก่อความไม่สงบ รวมคนร้ายก่อเหตุในอำเภอบันนังสตา 3 จุด มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ


ส่วนที่จังหวัดนราธิวาส คนร้ายใช้เครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 ยิงถล่มสถานีอนามัยบ้านไม้ฝาด หมู่ที่ 8 ตำบลกายูคละ อำเภอแว้ง แล้วก่อนจะหลบหนีไป โดยโปรยตะปูเรือใบเพื่อสกัดกั้นการติดตามด้วย สาเหตุสันนิษฐานว่าคนร้ายต้องการยิงถล่มตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง ที่กำลังตั้งด่านตรวจแต่พลาดเป้า


 


เวลา 10.20 น.วันเดียวกัน เกิดเหตุคนร้ายยิงนายพนม ชูมณี รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลวัด อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เสียชีวิต บนถนนสายปิตูมูดี - วัด หมู่ที่ 1 ตำบลวัด ตำรวจยังไม่สามารถระบุประเด็นการสังหารได้


 


เรียบเรียงจาก : ผู้จัดการออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net