18 ต.ค.49 - เมื่อวันที่ 17 ต.ค.รัฐบาลเกาหลีเหนือแถลงว่า มาตรการคว่ำบาตรที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกมาเพื่อลงโทษที่เกาหลีเหนือทดลองนิวเคลียร์ ถือเป็นการประกาศสงคราม และเกาหลีเหนือจะตอบโต้อย่างสาสมหากอธิปไตยถูกละเมิด
การแถลงนี้เป็นครั้งแรกที่เกาหลีเหนือตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นที่ออกมาเมื่อวันเสาร์ที่ 14 ต.ค. มติดังกล่าวรวมถึงการห้ามจำหน่ายอาวุธให้เกาหลีเหนือ และให้มีการตรวจสอบสินค้าเข้า-ออกประเทศ ขณะสหรัฐพยายามผลักดันให้แผนคว่ำบาตรครอบคลุมการอายัดทรัพย์ภาคธุรกิจที่จัดหาสินค้าให้โครงการอาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ และอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
"มติคว่ำบาตรไม่อาจมองเป็นอย่างอื่น นอกจากเป็นการประกาศสงครามกับเกาหลีเหนือ" แถลงการณ์ของรัฐบาลเปียงยางระบุ พร้อมย้ำว่าจะไม่ยอมปฏิบัติตามแรงกดดันจากนานาชาติ
วันเดียวกัน นาย
คำเปิดเผยมีขึ้นหลังสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี นิวส์ รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า ดาวเทียมสอดแนมสหรัฐตรวจพบคนและรถบรรทุกใกล้ฐานที่เกาหลีเหนือใช้ทดลองนิวเคลียร์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ทำให้มองว่าอาจเป็นการเตรียมทดลองนิวเคลียร์รอบสอง
"หน่วยข่าวกรองสหรัฐไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมทดลองนิวเคลียร์อีกครั้ง" เจ้าหน้าที่สหรัฐระบุ
ด้านเจ้าหน้าที่ข่าวกรองเกาหลีใต้เผยว่า รัฐบาลรับทราบความเป็นไปได้เกี่ยวกับการเตรียมทดลองนิวเคลียร์รอบใหม่ของเกาหลีเหนือแล้ว และได้เตรียมพร้อมรับมือเหตุไม่แน่นอน รวมถึงเพิ่มความร่วมมือด้านข่าวกรองกับสหรัฐ
ขณะเดียวกัน นายโมฮาเหม็ด เอลบาราได ผู้อำนวยการทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) เปิดเผยว่า นอกจาก 9 ชาติที่เชื่อว่ามีอาวุธนิวเคลียร์แล้ว ยังมีอีก 30 ชาติทั่วโลก ที่อาจมีเทคโนโลยีพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ในอนาคตอันใกล้
"กลายเป็นแฟชั่นไปแล้วที่ประเทศต่างๆ จะพยายามป้องกันตนเองผ่านอาวุธนิวเคลียร์ คาดว่าอีก 20-30 ประเทศจะมีศักยภาพพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ในเวลาอันสั้นนี้" นายเอลบาราไดกล่าว
มีการคาดกันว่าประเทศที่ผู้นำไอเออีเอหมายถึงคือ อิหร่าน และชาติที่มีโครงการเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียม เช่น บราซิล นอกจากนั้น ออสเตรเลีย อาร์เจนตินา แอฟริกาใต้ กำลังพิจารณาพัฒนาโครงการเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียมเพื่อสันติ ส่วนชาติที่กำลังพิจารณาพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ ได้แก่ อียิปต์ บังกลาเทศ กานา อินโดนีเซีย จอร์แดน นามิเบีย มอลโดวา โปแลนด์ ตุรกี เวียดนาม เยเมน และไทย