ประชาไท - 18 ต.ค.2549 อดีตสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่ที่ผ่านการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2549 แต่ถูกยุบเนื่องจากการรัฐประหาร แถลงข่าวการตั้งกลุ่ม "ส.ว.นอกสภาเพื่อประชาธิปไตย" เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล สภานิติบัญญัติ และนำเสนอความเห็นต่อการปฏิรูปการเมืองสังคมในช่วง 1 ปี โดยสมาชิกเครือข่ายประกอบด้วย นายขวัญสรวง อติโพธิ อดีต ส.ว.กทม. นายสิริวัฒน์ ไกรสิน อดีต ส.ว.นครศรีธรรมราช นายไพบูลย์ ซำศิริพงษ์ อดีต ส.ว.ปทุมธานี นายประมวล เอมเปีย อดีต ส.ว.ชลบุรี นางมานวิกา อินทรทัต อดีต ส.ว.กทม. เป็นต้น
นายไพบูลย์ กล่าวว่า จุดยืน ส.ว.นอกสภาเพื่อประชาธิปไตยไม่ได้ต้องการก่อหวอดเพื่อสร้างความร้าวฉาน แต่เรามายึดหลักสมานฉันท์ สันติวิธี อาสาเข้ามาทำงานเพื่อประชาชน ไม่มีผลประโยชน์ซ่อนเร้น เราต้องการผลักดันการปฏิรูปการเมือง และจะเรียนรู้กลไกภาคพลเมือง ภาคสังคมเพื่อยกคุณภาพจากปัญหาวิกฤต เราถือว่า ประชาชนมอบความไว้วางใจให้เราแล้ว
นายขวัญสรวง กล่าวว่า การทำงานภาคพลเมืองไม่ต้องการผู้วิเศษ หรือเป็นเทวดาที่ไหน และเครือข่ายนี้จะเป็นพื้นที่สาธารณะให้กับประชาชนที่รักบ้านเมือง แม้จะซ้อนทับกันแต่ก็สามารถทำอะไรได้ ครั้งนี้จึงเป็นกฐินการเมืองในยุคปฏิวัติที่ต้องการสาธุชนพลเมืองมาร่วมงาน
สำหรับกรอบการทำงานนั้น นายขวัญสรวงระบุว่า 1. ขอให้เลิกกฎอัยการศึกโดยเร็วที่สุด เพราะกระทบสิทธิเสรีภาพคุณค่าของมนุษย์ 2. การปฏิรูปการเมืองและสังคม โดยในการร่างรัฐธรรมนูญ ส.ว. นอกสภานี้จะเป็นส่วนหนึ่งของความหลากหลาย จะช่วยใคร่ครวญว่าประเทศชาติควรเดินไปอย่างไร อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียวแก้ปัญหาไม่ได้ แต่สื่อต้องช่วยกันสร้างพื้นที่สื่อให้มากขึ้นในช่วง 1 ปีนี้ 3. ความสมานฉันท์ สันติภาพ โดยเฉพาะกรณีความมั่นคงใน 3 จังหวัดภาคใต้ 4. เน้นการแก้ปัญหาสำคัญในช่วงนี้ เช่น ปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ปฏิรูปการสร้างคน การศึกษา การปกครองส่วนท้องถิ่น หรือสิ่งที่เป็นวาระของชาติที่หนักๆ
"ภารกิจแรกที่กลุ่มเราจะทำคือนำนโยบายที่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จะแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 27 ตุลาคมนี้มาชำแหละให้เห็นจุดอ่อนจุดแข็งทั้งหมดทุกด้าน ทั้งการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เพราะกลุ่มเรามีผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ถ้าไม่พอจะผนึกกับผู้รู้ทั้งหลายในสังคมร่วมกันทำเป็นการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของพลเมือง"อดีตส.ว.กทม.กล่าว
เขาระบุด้วยว่า เมื่อเกิดการปฏิวัติแล้ว ภายใน 1 ปีนี้ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำภาคสาธารณะเข้มแข็ง ซึ่งสื่อมวลชนมีความสำคัญอย่างมาก ในส่วนของอดีต ส.ว.นอกสภานั้น หากลมหายใจประชาธิปไตยกลับมา มีการเลือกตั้งใหม่ เครือข่ายนี้ก็จะหายไปโดยปริยาย