ประชาไท19 ต.ค. 2549 ชาวบ้านไทยถิ่นพลัด ซึ่งเป็นคนไทยที่ไม่มีบัตรประชาชน จากจังหวัดระนอง ชุมพร ประจวบฯ เดินทางเข้ามาร่วมงานสมัชชาสังคมไทยวันที่ 21-23 ต.ค. 2549 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดกั้นในระหว่างการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ
ทั้งนี้ชาวบ้านไทยพลัดถิ่นทั้งหมดได้เตรียมจดหมายเพื่อยื่นต่อเจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยให้แสดงความรับผิดชอบต่อการทำให้คนไทยจำนวนไม่นอยกว่า 30,000 คน ต้องเสียสัญชาติไทยไปจากการแบ่งเขตแดนระหว่างไทยและพม่าในช่วงที่อังกฤษเข้าปกครองตั้งแต่ปี 1898 (พ.ศ. 2341)
คนไทยทั้งหมดไม่ได้รับการดูแลที่จากรัฐพม่าและถูกปฏิบัติในฐานะที่เป็นคนไทยพร้อมทั้งไม่สมัครใจที่จะเป็นพลเมืองพม่า แต่ในทางกลับกันพวกเขาก็สูญเสียสัญชาติไทยไปจากการแบ่งเขตแดนไทยพม่าในครั้งนั้น
ในจดหมายฉบับเดียวกัน ชาวบ้านระบุว่าพวกเขาตกเป็นเหยื่อของการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากว่า 100 ปี และยืนยันว่าพวกเขาเป็นคนไทย เรียนเขียนอ่านพูดภาษาไทย แต่กลับถูกปฏิเสธสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอันควรจะได้รับในฐานะที่เป็นพลเมืองไทย นั่นคือ สิทธิที่จะได้รับการรับรองสถานภาพการเกิด สิทธิในการศึกษา สิทธิในการได้รับการดูแลด้านสุขภาพ สิทธิในการเดินทาง สิทธิในการครอบครองทรัพย์สิน และสิทธิอื่นๆ อันพึงได้รับในฐานะที่เป็นพลเมืองไทย
สำหรับการเดินทางที่ถูกสกัดกั้นในครั้งนี้ ชาวบ้านเดินทางทั้งหมด 9 คันรถบัส โดยรถบัสคันแรก ถูกตำรวจสายตรวจสองคนเข้าขอตรวจค้นบริเวณ โรงเรียนวัดโดนไทรทอง อ.บางสะพาน จงประจวบคีรีขันธ์ โดยอ้างว่ามีคนแจ้งว่าพม่าจะเข้ากรุงเทพ เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าไม่สามารถตรวจสอบเอกสารชาวบ้านได้ จึงพาชาวบ้านทั้งหมดไปโรงพัก สภอ. บางสะพาน และตำรวจได้เชิญปลัดอาวุโส ร่วมพูดคุยกับตัวแทนของชาวบ้าน
รถบัสคันที่สอง ตำรวจดักรอ บริเวณหน้าโรงพักบางสะพาน และคุมตัวคนและรถไปรวมที่โรงพัก สภอ. บางสะพาน
รถบัสคันที่สามและคันที่สี่ ถูกควบคุมในบริเวณปั้มบางจาก และย้ายชาวบ้านสองคันรถบัสไปอยู่ที่ สภอ. ทับสะแก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าชาวบ้านไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ โดยพื้นที่นี้ตำรวจกดดันชาวบ้านให้กลับบ้าน และสุดท้ายควบคุมชาวบ้านและส่งกลับ
รถบัสอีกห้าคันที่เดินทางมาจากจ.ระนอง ถูกตำรวจนอกเครื่องแบบสกัดจับกุมบริเวณ จุดพักรถ อำเภอกระบุรี จ.ระนอง และถูกควบคุมตัวไปที่ อบต. จ.ป.ร ปากจั่น มีราชการหลายหน่วยงานที่เข้าตรวจสอบชาวบ้าน ได้แก่ ตำรวจตะเวนชายแดน ทหารประจำด่านปากจั่นของแม่ทัพภาคสี่ ตำรวจ สภอ. กระบุรี และเจ้าหน้าที่ราชการท้องถิ่น โดยตรวจสอบและแยกประเภทชาวบ้านเป็นกลุ่มที่มีบัตรและไม่มีบัตร มีการทดสอบชาวบ้านให้เขียนหนังสือ ให้พูดภาษาไทย
โดยพื้นที่นี่เจ้าหน้าที่ระบุว่าต้องรอคำสั่งอนุญาตการเดินทางจากแม่ทัพภาคสี่