ประชาไท - 19 ต.ค.2549 สำนักข่าวบีบีซีจัดทำการสำรวจ พบว่า ประชาชนทั่วโลกเกือบ 1 ใน 3 (29%) สนับสนุนให้มีการใช้วิธีทรมานนักโทษในเรือนจำได้ในบางโอกาส และยอมรับต่อการใช้วิธีทรมานบางระดับเพื่อต่อสู้กับลัทธิก่อการร้าย แต่ก็มีผู้ต่อต้านเรื่องนี้อยู่ถึง 59%
ขณะเดียวกัน การสำรวจในสหรัฐอเมริกาพบว่า คนส่วนใหญ่ต่อต้านการทรมาน แต่ก็ยังน้อยกว่าในยุโรปและที่อื่นๆ โดยการสำรวจได้สอบถามประชาชนกว่า 27,000 คน ใน 25 ประเทศว่า การทรมานเป็นสิ่งที่ยอมรับได้หรือไม่ ถ้าแลกกับข้อมูลที่จะช่วยปกป้องชีวิตผู้บริสุทธิ์ ปรากฏว่าผู้ถูกสำรวจ 36% ในสหรัฐ เห็นว่ายอมรับได้ อีก 58% เห็นว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน และด้วยจำนวนของผู้ที่เห็นด้วยนี้ทำให้สหรัฐกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการยอมรับในเรื่องนี้สูงที่สุด
ผู้ถูกสำรวจของ บีบีซี เวิร์ลด์ เซอร์วิส ใน 19 ประเทศ จากทั้งหมด 25 ประเทศ เห็นด้วยว่า ควรคงไว้ซึ่งกฎเกณฑ์ห้ามการทรมานนักโทษในเรือนจำเพราะเห็นแก่หลักจริยธรรม ทั้งกลัวว่าจะทำให้มาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนอ่อนแอลง
รายงานระบุว่า ประชาชนในประเทศที่ถูกสำรวจครั้งนี้เป็นประเทศที่ร่วมลงนามในสนธิสัญญาเจนีวาซึ่งห้ามการทรมาน การทารุณกรรมและการทำลายเกียรติของนักโทษ แต่สำหรับประเทศที่กำลังเผชิญปัญหาความรุนแรงอยู่มีแนวโน้มยอมรับแนวคิดการอนุญาตให้มีการทรมานนักโทษเนื่องจากภัยคุกคามจากผู้ก่อการร้าย โดยเฉพาะอิสราเอล มีคนเห็นด้วยกับเรื่องนี้ถึง 43% ขณะที่คนต่อต้านก็มีอยู่ 48%
นอกจากนี้ยังมีประเทศอื่นๆ ที่มีระดับการยอมรับการทรมานนักโทษในระดับสูง เช่น อิรัก 42% ฟิลิปปินส์ 40% อินโดนีเซีย 40% รัสเซีย 37% และจีน 37%
ขณะเดียวกันสำนักข่าวเอเอฟพีก็รายงานว่า ประธานธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐ ยอมรับเป็นครั้งแรกว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอิรักอาจจะเทียบได้กับสงครามเวียดนาม ดังเช่นที่คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ ได้เปรียบเทียบไว้ก่อนหน้านี้ เพราะความรุนแรงในอิรักเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ และไม่เพียงแต่พยายามสังหารทหารอเมริกันเท่านั้น แต่ยังพยายามปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรงระหว่างคนต่างนิกายด้วย โดยมีความเชื่อว่าหากสร้างความวุ่นวายได้มาก ชาวอเมริกันจะรู้สึกเบื่อหน่ายกับความพยายามสร้างสันติภาพและความสงบสุขในอิรัก และส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐต้องถอนทหารและถอนตัวออกจากอิรัก
ด้านนายโทนี่ สโนว์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันพุธว่า การที่ยอดการสูญเสียทหารอเมริกันในอิรักทวีมากขึ้น รวมทั้งมีทหาร 11 นายถูกสังหารเมื่อวันพุธไม่ทำให้ต้องประเมินยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ในอิรักเสียใหม่ เพราะได้กำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่าสหรัฐฯ ต้องได้ชัยชนะ แต่จะชนะได้ก็ต้องมีการสูญเสีย อย่างไรก็ตาม หลายคนในพรรครีพับลิกันกำลังวิตกว่าสงครามอิรักอาจทำให้พรรคฯ เสียเสียงข้างมากในสภาคองเกรส จากการเลือกตั้งใน 7 พ.ย.นี้ จึงออกมาเรียกร้องเมื่อเร็วๆ นี้ ให้มีการเปลี่ยนแปลงด้านยุทธศาสตร์ในอิรัก