นายทศพร นุชอนงค์ ผู้อำนวยการกองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี กล่าวถึงกรณีการเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้งในบริเวณประเทศไทยในช่วงนี้ ซึ่งล่าสุด เกิดขึ้นที่ จ.เชียงราย ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เกิดจากการขยับตัวของรอยเลื่อน ซึ่งอยู่ในฝั่ง สปป.ลาว ใกล้ชายแดนประเทศไทย แต่เป็นรอยเลื่อนขนาดเล็ก ไม่มีผลกระทบอะไรมาก

นายทศพร กล่าวอีกว่า ในเชิงวิชาการการเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็ก เกิดจากการปรับตัวของเปลือกโลกที่มาจากการสะสมพลังงานความร้อนที่อยู่ใต้เปลือกโลก เมื่อพลังงานถูกปลดปล่อยออกมาก็จะออกมาตามรอยแตกและรอยเลื่อนที่มีอยู่แล้ว ซึ่งบริเวณประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า สปป.ลาว จะมีรอยเลื่อนขนาดเล็ก โดยเฉพาะประเทศไทยจะมีรอยเลื่อนตั้งแต่ภาคเหนือฝั่งตะวันตกไล่ลงมาถึงภาคใต้ คาดว่าคงจะมีเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นเป็นระยะๆ

สำหรับรอยแตกของเปลือกโลกขนาดเล็กในประเทศไทย จากการสำรวจมีอยู่ 16 กลุ่มกระจายอยู่ทั่วไป ส่วนใหญ่จะอยู่ทางภาคตะวันตก ภาคเหนือ และภาคใต้

"ส่วนรอยแตกขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ประเทศไทยที่สุดก็อยู่ห่างไป 400-500 กิโลเมตร คือบริเวณหมู่เกาะอันดามัน หมู่เกาะนิโคบาร์ ที่เคยเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ ทำให้เกิดสึนามิเมื่อปลายปี 2547 ส่วนที่ว่ารอยแตกที่อินโดนีเซียจะต่อเนื่องหรือมีความสัมพันธ์กับรอยเลื่อนในไทยหรือไม่นั้น เท่าที่มีข้อมูลทางวิชาการชี้ว่าไม่มีการเชื่อมโยง และยังไม่มีข้อมูลที่แสดงชัดเจนว่าเชื่อมโยงกันหรือจะเกิดผลกระทบต่อกันอย่างไร"

ผู้อำนวยการกองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ขณะนี้ กรมฯ อยู่ระหว่างสำรวจความเคลื่อนไหวของรอยเลื่อนในประเทศไทย เพื่อปรับปรุงข้อมูลรอยเลื่อนต่างๆ แล้วนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการกำหนดพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหว รวมถึงให้หน่วยงานอื่นๆ ใช้งาน เช่น กรมโยธาธิการและผังเมืองปรับปรุงการกำหนดการก่อสร้างอาคาร

ทั้งนี้ นายทศพร ได้แนะนำประชาชนในพื้นที่เสี่ยงถึงวิธีเตรียมตัวและปฏิบัติตนหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้น รวมถึงปรับความเป็นอยู่ให้เหมาะสม เช่น เมื่อเกิดแผ่นดินไหวให้ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก จนเกิดโกลาหลและบาดเจ็บ คำนึงถึงการปิดวาล์วถังแก๊สป้องกันอันตรายจากอัคคีภัยแทรกซ้อน และทางที่ดีไม่ควรวางสิ่งของหนักบนที่สูง ป้องกันการหล่นลงมาเป็นอันตราย