Skip to main content
sharethis

แถลงการณ์ร่วมฮิวแมนไรท์วอทช์ และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล


25 ตุลาคม 2549


 


องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศจี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาตากใบ


สองปีหลังการสังหาร ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงถูกพิจารณาคดี


 


(ลอนดอน 24 ตุลาคม 2549) ในวาระครบรอบสองปีของการเสียชีวิตของชาวมุสลิมกว่า 80 คนในเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงที่ตากใบ ฮิวแมนไรท์วอทช์ และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องให้รัฐบาลใหม่ของประเทศไทยดำเนินการให้ผู้ที่มีส่วนทำให้เกิดการเสียชีวิต และการบาดเจ็บของผู้ชุมนุมประท้วง ทั้งในช่วงระหว่างและภายหลังจากที่มีการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น


 


ฮิวแมนไรท์วอทช์ และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยังแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการที่นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวมุสลิมที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการรณรงค์เรียกร้องความยุติธรรมให้กับเหยื่อของเหตุการณ์ตากใบถูกสังหารเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา


 


เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจากหน่วยต่างๆ ถูกระดมมาเพื่อสลายผู้ชุมนุมชาวมุสลิมที่มารวมตัวกันอยู่หน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ผู้ชุมนุมประท้วง 7 คนถูกยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ขณะที่ผู้ชุมนุมประท้วงอีก 78 คนขาดอากาศ หายใจ หรือถูกทับจนเสียชีวิตระหว่างที่ถูกขนย้ายไปยังสถานที่ควบคุมตัว การดูแลทางการแพทย์ที่ไม่เหมาะสมในช่วงเวลาหลายวันที่ผู้ชุมนุมประท้วงกว่า 1,200 คนอยู่ในความควบคุมของทหาร ทำให้มีผู้ประท้วงจำนวนมากมีอาการบาดเจ็บ รุนแรง และต้องถูกตัดแขน หรือขา


 


ปัจจุบันยังไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต้องแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ตากใบ แต่ผู้ชุมนุมประท้วงชาวมุสลิม 58 คนกลับถูกตั้งกล่าวหาว่า กระทำความผิดในทางอาญา


 


"ถึงแม้จะมีหลักฐานมากมาย แต่รัฐบาลทักษิณกลับปฏิเสธที่จะดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตและการบาดเจ็บที่ตากใบ รวมทั้งการจัดให้มีการชดเชย ที่เหมาะสมกับเหยื่อ" แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียของฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวและว่า"การจัดการกับประเด็น เหตุการณ์ตากใบจะเป็นเครื่องทดสอบ ถ้าหากรัฐบาลใหม่ของประเทศไทยต้องการที่จะแสดงให้เห็นว่าความยุติธรรมในภาคใต้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ"


 


ทั้งนี้คณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงที่รัฐบาลแต่งตั้งขึ้น โดยมีอดีตผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา พิเชต สุนทรพิพิธ เป็นประธาน สรุปเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2547 ว่า วิธีการสลายการชุมนุมที่ใช้กำลังติดอาวุธและใช้กระสุนจริง โดยเฉพาะใช้กำลังทหารเกณฑ์และทหารพรานซึ่งมีวุฒิภาวะไม่สูงพอเข้าร่วมในการเข้าสลายการชุมนุมนั้น เป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นไปตามแบบแผน และวิธีปฏิบัติที่ใช้กันตามหลักสากล


 


นอกจากนี้ คณะกรรมการดังกล่าว ยังพบว่า ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องละเลยไม่ควบคุม ดูแลการลำเลียง และเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมประท้วง ที่ถูกควบคุมตัวให้แล้วเสร็จ แต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหารระดับชั้นผู้น้อยที่มีข้อจำกัดด้านประสบการณ์ โดยแม่ทัพภาคที่ 4 รองแม่ทัพภาคที่ 4 (คนที่สอง) และผู้บัญชาการกองพลทหาราบที่ 5 ถูกระบุว่าปฏิบัติหน้าที่บกพร่องขาดความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา


 


ทางการไทยได้จัดเงินชดเชยให้กับเหยื่อของเหตุการณ์ตากใบบางส่วนและครอบครัว อย่างไรก็ตามฮิวแมนไรท์วอทช์และแอมเนสตีอินเตอร์เนชันแนลระบุว่าการชดเชยดังกล่าวยังไม่เพียงพอ


 


"การมอบเงินให้กับเหยื่อบางส่วนไม่ได้ทำให้ทางการไทยหลุดพ้นจากภาระความรับผิดชอบใน


การที่จะดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารที่ผิดกฏหมายซึ่งเกิดขึ้นที่ตากใบและการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นจากการถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายในระหว่างที่มีการเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมประท้วง" นาตาลี ฮิลล์ รองผู้อำนวยการโครงการเอเชีย-แปซิฟิก ของแอมเนสตีอินเตอร์เนชันแนล กล่าว "ขณะนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดควรจะพยายามตั้งข้อหากับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตและการบาดเจ็บ ทั้งที่เกิดขึ้นระหว่างและภายหลังการชุมนุมประท้วง"


 


ความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องมีความยุติธรรมในภาคใต้ถูกชี้ชัดเมื่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวมุสลิมที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการรณรงค์ทางกฏหมายเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมจากทางการไทยให้กับเหยื่อของเหตุการณ์ตากใบถูกสังหาร โดยเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2549 มูฮัมหมัด ดือไน ตันยีโน อายุ 40 ปีผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านจาเราะ ตำบลไพรวัน อำเภอตากใบจังหวัดนราธิวาส ถูกยิงเสียชีวิตใกล้บริเวณบ้านที่พักอาศัย ผู้มีบทบาทหน้าที่ในการช่วยเหลือชาวบ้านที่ตกเป็นผู้ต้องหาและญาติผู้เสียชีวิตกรณีตากใบมาโดยตลอด ทั้งนี้ มีรายงานว่า มูฮัมหมัด ดือไนถูกสังหารภายหลังจากที่เขาพยายามนำตัวเหยื่อเหตุการณ์ตากใบและครอบครัว เข้าพบกับแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง


 


ฮิวแมนไรท์วอทช์ และแอมเนสตีอินเตอร์เนชันแนลมีความกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์สังหารนี้และเรียกร้องให้ทางการไทยริเริ่มดำเนินการสอบสวนที่รวดเร็ว เที่ยงตรง โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ


 


สำหรับประชากรชาวมุสลิมในภาคใต้ของประเทศไทย การเสียชีวิตของมูฮัมหมัด ดือไน ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการทางกฏหมาย และความยุติธรรม ซึ่งเดิมก็มีสถานะเสื่อมถอยอยู่แล้ว


 


การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ยังคงเกิดขึ้น และบรรยากาศของการไม่ต้องรับผิดได้ทำให้การสร้างความสมานฉันท์เป็นไปได้ยาก และยังทำให้การละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยกลุ่มติดอาวุธเกิดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล และพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายร้อยคนจากการถูกวางระเบิด ถูกยิง และถูกตัดศีรษะ ขณะเดียวกัน ความรู้สึกไม่พอใจต่อทางการไทยที่ได้กลายเป็นแรงสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย ฮิวแมนไรท์วอทช์และแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องให้กลุ่มติดอาวุธยุติการโจมตีทั้งหมดที่กระทำต่อพลเรือนรวมทั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ในทันที


 


ประชาชนภาคใต้ รวมทั้งผู้สังเกตการณ์ในประเทศไทย และในต่างประเทศได้แนะนำให้ทางการไทยว่า องค์ประกอบสำคัญของการฟื้นฟูความเชื่อมั่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตน อย่างไรก็ตาม ตามที่ปรากฏให้เห็นในเหตุการณ์ตากใบ ระบบยุติธรรมประสบความล้มเหลวในการที่จะทำให้ผู้ที่ต้องสงสัยว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนต้องรับผิดชอบ


 


ในเรื่องนี้ ฮิวแมนไรท์วอทช์ และแอมเนสตีอินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้มีการยกเลิกพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งรัฐบาลนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรประกาศเป็นกฏหมายเมื่อเดือนกรกฎาคม 2548 และการบังคับใช้ในภาคใต้เพิ่งได้รับการต่ออายุอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2549 มาตรา 17 ได้มอบภูมิคุ้มกันที่ไม่จำเป็นต่อการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใช้อำนาจตามกฏหมายฉบับนี้ ซึ่งจะไม่ต้องรับผิดในทางอาญา ทางแพ่ง และทางวินัย ขณะที่ผู้ที่จะร้องเรียนกลับต้องมีภาระในการพิสูจน์ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่เหล่านั้นมิได้กระทำการไปโดยสุจริต ไม่เลือกปฏิบัติและไม่เกินสมควรแก่เหตุหรือไม่เกินกว่ากรณีจำเป็น


 


ในการแถลงข่าวภายหลังจากที่เข้ารับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ระบุว่า ปัญหาในจังหวัดภาคใต้นั้นมีต้นตอมาจากการขาดความยุติธรรม


 


"เรายินดีที่รัฐบาลยอมรับปัญหานี้" ฮิลล์กล่าว "ตอนนี้รัฐบาลรักษาการและฝ่ายทหารจะต้องดำเนินมาตรการที่ชัดเจนเพื่อยุติวัฒนธรรมการไม่ต้องรับผิดที่เกิดขึ้นในภาคใต้ของประเทศไทย"


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net