บทความใน "มุมคิดจากนักเรียนน้อย" เป็นผลการศึกษาจากงานวิจัยเกี่
นางสาว
นาย
นางสาว
นางสาววริษา ลัคนาศิโรรัตน์
ช่วงรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรถือเป็นช่วงที่ได้รับการวิพากษ์อย่างหนักว่าเป็นช่วงที่สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนถูกลิดรอน ถูกแทรกแซงหรือแม้แต่ถูกปิดกั้น ทั้งจากการควบคุมโดยรัฐและผ่านการควบคุมด้านเศรษฐกิจ ดังเช่น กรณีการซื้อกิจการสถานีโทรทัศน์ไอทีวี เมื่อสื่อไม่มีเสรีภาพเต็มที่ การนำเสนอข่าวสารต่างๆ ที่เป็นไปในทางวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลก็ดูจะมีพื้นที่น้อยลง สื่อไม่สามารถทำหน้าที่ "หมาเฝ้าบ้าน" ได้อย่างที่ควรเป็น
อย่างไรก็ตาม ยังมีคอลัมน์หนึ่งในสื่อหนังสือพิมพ์ที่ดูเหมือนจะยังคง "เสรีภาพ" ในการนำเสนอความคิดเห็น กล้าวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอย่างไม่เกรงกลัว และแนบเนียน เสมือนดังกับเด็กที่ไม่รับรู้ถึงความตึงเครียด หรือแรงกดดันใดๆ ยังคงพูดในสิ่งที่คิด นั่นก็คือ คอลัมน์ "การ์ตูนล้อการเมือง" นั่นเอง
ข้อสนับสนุนที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่หากวิเคราะห์เนื้อหาทั้งหมดแล้วจะเห็นได้ชัดเจนว่าแทบไม่มีพื้นที่ที่เสนอข่าวในด้านลบ หรือในทิศทางตรงข้ามกับรัฐบาลเลย แต่คอลัมน์การ์ตูนล้อการเมือง "ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน" ของชัย ราชวัตรกลับกล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในแง่ตำหนิ เสียดสี เหน็บแนมอย่างชัดเจน
การ์ตูนล้อการเมืองจึงดูเหมือนเป็น "ช่องทาง" ในการทำหน้าที่ "หมาเฝ้าบ้าน" ที่เหลืออยู่ และเมื่อลองศึกษา วิเคราะห์คอลัมน์การ์ตูนล้อการเมืองของหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นๆ ได้แก่ หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน คอลัมน์ "การ์ตูน"ศล" และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน คอลัมน์ "ตูน"ณาการ" ก็พบว่าคอลัมน์การ์ตูนล้อการเมืองของทั้งสองหนังสือพิมพ์นี้ก็ยังคงวิพากษ์วิจารณ์ เสียดสี ตำหนิการทำงานของรัฐบาล พ.ต.ท.
ทว่า สิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในยุคของรัฐบาล พ.ต.ท.
หลังจาก คปค.ทำรัฐประหารแล้ว ก็ได้ประกาศของความร่วมมือให้สื่อมวลชนเสนอข่าวที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปการเมือง ให้ระวังการเผยแพร่ความคิดเห็นในทางตรงข้ามกับ คปค. ดังที่ปรากฏกรณีการปิดห้องราชดำเนิน ในเว็บไซต์พันทิพย์ดอทคอม หรือการขอให้เว็บไซต์ประชาไท คัดกรองความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสมต่อ คปค.ออกไป ซึ่งถือว่าเป็นการปิดกั้นสื่อที่ชัดเจนและรุนแรงกว่าในช่วงรัฐบาล พ.ต.ท.
หลายๆ คนอาจสงสัยว่าการ์ตูนล้อการเมืองจะยังคงสภาพเป็นพื้นที่ในการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล หรือขั้วอำนาจอยู่หรือไม่?
สิ่งที่พบหลังการปฏิรูปการเมืองของ คปค. คือ ไม่มีการแสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้งต่อ คปค.ในคอลัมน์การ์ตูนล้อการเมืองของหนังสือพิมพ์ทั้ง 3 ฉบับที่เคยสังเกตและวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ ในช่วงของรัฐบาลพ.ต.ท.
เราไม่อาจรู้ หรืออนุมานได้ว่าการ์ตูนนิสต์ของหนังสือพิมพ์ทั้ง 3 ฉบับมีความเห็นที่สอดคล้องกับ คปค. หรือไม่ อย่างไร แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ ในยุคของคปค. สื่อยังคงถูกแทรกแซงและมีทีท่าว่าจะถูกแทรกแซงอย่างเข้มข้นมากกว่าเดิม และในภาวะเช่นนี้การที่คอลัมน์การ์ตูนล้อการเมืองไม่ปรากฏมีการล้อเลียน วิพากษ์วิจารณ์ หรือเหน็บแนมขั้วอำนาจปัจจุบันให้เห็น คงจะพอบอกเราได้ว่าเมื่อถึงภาวะบีบคั้นอย่างรุนแรง สื่อถูกกดดันอย่างชัดเจน การ์ตูนล้อการเมืองก็อาจไม่ใช่ทางออกที่แนบเนียนในการเสนอความคิดเห็นที่แตกต่างจากผู้นำประเทศ
บางทีสิ่งที่แย่ที่สุดในขณะนี้อาจไม่ใช่การที่การ์ตูนล้อการเมืองไม่สามารถเป็นช่องทางวิพากษ์รัฐบาลหรือขั้วอำนาจ แต่เป็นการที่ต่อไปนี้เราอาจจะ "ขำไม่ออก" เวลาอ่านการ์ตูนล้อการเมืองแล้วต่างหาก.