จตุรงค์ ราษฎร์อาศัย
เบญจพร พิทยชินโชติ
ณัฐวุฒิ จิตต์อาจหาญ
ณัฐินี คงสนิท
ผมมีโอกาสอ่านการศึกษาเรื่อง "ทิศทางการนำเสนอเนื้อหาทางการเมืองที่อิงกับขั้วอำนาจ ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ มติชน และกรุงเทพธุรกิจ" ของนักศึกษาธรรมศาสตร์กลุ่มหนึ่ง ทำให้เห็นภาพของสื่อมวลชนอย่างหนังสือพิมพ์ได้ชัดเจนมากขึ้น จึงอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง
การศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาตั้งข้อสมมติฐาน จากการที่หนังสือพิมพ์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าช่วง พ.ต.ท.
แต่ผลการศึกษาครั้งนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น!
การศึกษาเรื่องนี้ ศึกษาหนังสือพิมพ์ช่วงวันที่ 20-26 กันยายน 2549 ซึ่งเป็นช่วงหลังการทำรัฐประหารของ คปค. เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (20-26 กันยายน 2548) ผลการศึกษาพบว่าในปี 2548 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐให้พื้นที่รวมการนำเสนอข่าวและบทความทางการเมืองในทิศทางบวกกับขั้วอำนาจ อย่างรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณมากที่สุดร้อยละ 54.02
ในขณะที่หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและมติชน เน้นการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล โดยเสนอข่าวและบทความในทิศทางลบมากที่สุดร้อยละ 47.25 และ 44.73 ตามลำดับ
แต่พอ คปค. เข้ามาเป็นขั้วอำนาจ การเสนอเนื้อหาทางการเมืองของหนังสือพิมพ์ก็มีการเปลี่ยนแปลง
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐยังคงมีจุดยืนที่มั่นคง นำเสนอเนื้อหาทางการเมืองในทิศทางบวกอิงกับขั้วอำนาจอย่าง คปค. มากที่สุด เข้าตำราปลอดภัยไว้ก่อน เป็นทิศทางบวกร้อยละ 58.06 ส่วนหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและมติชน ก็ลดบทบาทการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของขั้วอำนาจลง หันมานำเสนอเนื้อหาในทิศทางกลางมากที่สุดร้อยละ 39.56 และ 36.56 ตามลำดับ
เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของหนังสือพิมพ์ครั้งนี้ชัดเจนขึ้น จึงขอยืนยันด้วยผลการศึกษาเกี่ยวกับภาพรวมการนำเสนอเนื้อหาทางการเมืองที่อิงกับขั้วอำนาจ โดยคิดพื้นที่รวมการนำเสนอข่าวและบทความของหนังสือพิมพ์ทั้ง 3 ชื่อฉบับ พบว่าปี 2548 หนังสือพิมพ์นำเสนอแง่ลบมากที่สุดร้อยละ 36.63 แต่พอปี 2549 หนังสือพิมพ์หันมาเสนอเนื้อหาแง่บวกมากที่สุดร้อยละ 48.57 ทำให้ผู้ศึกษาต้องตั้งข้อสังเกตต่างๆ ขึ้นมา
ผู้ศึกษามองว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจเกิดขึ้นจาก 2 สาเหตุคือ หนังสือพิมพ์ชื่นชมการทำรัฐประหาร และต้องการส่งเสริมนโยบายของ คปค.จริง หรือเป็นเพราะ คปค.ขอความร่วมมือให้สื่อเสนอข่าวสาร เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีในสังคม สื่อจึงต้องเปลี่ยนแปลงการนำเสนอข่าวในสอดคล้องตามนั้น
ถ้าเป็นอย่างแรกก็คงพอเข้าใจได้ว่าสื่อยังเชื่อถือได้ แต่หากเป็นเพราะ คปค. ขอความร่วมมือแล้วทำให้สื่อต้องแกล้งเพิกเฉย ไม่วิพากษ์วิจารณ์ คปค.ในแง่ลบ แม้จะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ คปค. ก็ถือว่าน่าเป็นห่วง เพราะหากอนาคตขั้วอำนาจเปลี่ยนแปลงอีก และสื่อต้องเปลี่ยนแปลงตามก็คงไม่ใช่เรื่องดี
เมื่อสื่อยังเปลี่ยนแปลงบ่อยเช่นนี้ และยังไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิงของประชาชน โดยการเสนอข่าวสารต่างๆ อย่างรอบด้านและเป็นกลางที่สุดได้ เราในฐานะผู้บริโภคข่าวสารคงต้องดูแลตัวเองให้ดี ต้องไตร่ตรองข้อมูลที่ได้รับก่อนปักใจเชื่อ เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงของสื่อแต่ละครั้ง ไม่สามารถทำร้ายประชาชนอย่างเราได้นั่นเอง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)