Skip to main content
sharethis

7 ต.ค. 2549 ความคืบหน้าล่าสุดในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าการจัดโผ ครม.เรียบร้อยแล้ว และได้ให้เจ้าหน้าที่นำรายชื่อ ครม.ไปมอบให้กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีแล้ว เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยหน้าซองได้ประทับตราว่า ลับมาก



มีรายงานข่าวว่า ครม.ชุดนี้มีทั้งหมด 26 คน โดยจะมีรองนายกฯ 2 คนและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ 2 คน


 



ตำแหน่ง รมต.ที่มีความชัดเจนแล้วได้แก่ ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ อดีตประธานศาลฎีกา จะเป็นรองนายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบเก้าอี้ รมว.คลัง นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม ขณะที่นายเกริกไกร จีระแพทย์ อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ นั่งในตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ นายนิตย์ พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ


 



ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยยังไม่มีความชัดเจนว่าใครจะดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการ เนื่องจากขณะนี้มีความต้องการให้ทหารเข้ามาคุมกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีความชัดเจนแล้วว่า ไม่ใช่นายอารีย์ วงศ์อารยะ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากนายอารีย์ไม่เป็นที่พอใจของ พล.อ.เปรม และขณะนี้ยังมีชื่อของ พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี รองปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ถูกคาดหมายก่อนหน้านี้ว่าจะได้นั่งเป็น มท.1 และก่อนหน้านี้ พล.อ.เปรมเองเคยต้องการให้ พล.อ.อ.ธเรศ นั่งเป็น ผบ.ทอ. แต่ก็ไม่ได้รับการแต่งตั้ง



 


ทั้งนี้ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหมและอดีตเลขาธิการ สมช. ที่เป็นคนแรกที่ถูกคาดหมายว่าจะได้เป็น มท.1 แต่ พล.อ.วินัยปฏิเสธ และขอนั่งเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมแทน แต่หลังเกิดปัญหาความไม่ลงตัวในตำแหน่งนี้ ทำให้มีการตัดสินที่จะขอให้ พล.อ.วินัยกลับมานั่งเป็น มท.1 อีกครั้ง ซึ่งอาจจะมีการแลกตำแหน่งกันระหว่าง พล.อ.วินัยและ พล.อ.อ.ธเรศ โดยจะให้ พล.อ.วินัยไปนั่งเป็น รมว.มหาดไทย และให้ พล.อ.อ.ธเรศ ไปนั่งเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม แต่ทั้งนี้กำลังรอให้ พล.อ.วินัยตัดสินใจ



 


ส่วน พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีตรองผู้บัญชาการ จะเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) โดยทั้งหมดจะเข้ามาแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และการแก้ไขปัญหาความยากจน



สำหรับกระทรวงกลาโหม ทางด้าน พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ อดีตเสนาธิการทหารบก ออกมายอมรับถูกทาบทามให้ไปช่วยงานในกระทรวงกลาโหม โดยให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมา นายกฯ ได้พูดคุยทาบทามให้มาช่วยงานในกระทรวงกลาโหมจริง ส่วนจะเป็นตำแหน่งใดนั้นไม่ทราบ


 



ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า พล.อ.สุรยุทธ์ทาบทามให้นั่ง รมว.กลาโหมใช่หรือไม่ พล.อ.บุญรอดตอบว่า ท่านเพียงบอกแค่ว่าต้องการให้มาช่วยงานในกระทรวงกลาโหม แต่คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น


 



"ผมมีความพร้อมอยู่แล้ว เพราะชีวิตรับราชการทหารมาตลอด ทำให้มีความรู้ความเข้าใจในความเป็นทหารความเป็นกองทัพอย่างดี อย่างไรก็ตามขณะนี้ผมยังไม่อยากพูดอะไรมาก คงต้องรอให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เข้ารับตำแหน่งเป็นทางการเสียก่อน" ว่าที่ รมว.กลาโหมกล่าว


 



ส่วนนายแล ดิลกวิทยรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาแรงงานและสวัสดิการสังคม คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะมานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน


 



กระทรวงคมนาคม นายทวี บุตรสุนทร อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมฯ จะมานั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการ ขณะที่นายไพรัช ธัชยพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ จะมานั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร


 



อีกตำแหน่งที่ชัดเจนแล้วคือ เก้าอี้ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ ที่ปรึกษาและนักวิจัยอาวุโส สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งตอบรับการทาบทามโดยตรงผ่านทางโทรศัพท์จาก พล.อ.สุรยุทธ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อ 2-3 วันก่อน


 



"ผมกับท่านนายกฯ รู้จักกันเป็นการส่วนตัวมานานแล้ว เพราะเรียนโรงเรียนเซนต์คาเบรียลรุ่นเดียวกัน ท่านได้ให้เหตุผลของการทาบทามว่า ได้ยินกิตติศัพท์การทำงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของผมมานาน แต่ก็ไม่คิดว่าการรู้จักกันเป็นการส่วนตัวจะเป็นประเด็นสำคัญของการทามทาบแต่อย่างใด"


 



ว่าที่ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ บอกว่า เมื่อถูกทาบทามก็ตอบรับไปด้วยความยินดี เนื่องจากเห็นว่าหน้าที่ในการช่วยเหลือภารกิจสำคัญของประเทศชาติเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือกันอยู่แล้ว ซึ่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเรื่องท้าทาย และก้าวหน้าไปไกลเร็วมาก ดังนั้นจึงต้องหาทางใช้ให้เกิดประโยชน์แก่สังคมมากที่สุด


 



ทั้งนี้ ศ.ดร.ยงยุทธ ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นประจำปี 2527 สาขาชีวเคมี เป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกของโลกที่ค้นพบโครงสร้าง 3 มิติของโปรตีนของเชื้อมาลาเรีย และค้นพบการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างและคุณสมบัติหลายประการของเยื่อหุ้มเม็ดเลือดแดงที่ติดเชื้อมาลาเรีย และความเกี่ยวโยงระหว่างการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้กับอาการของโรคนี้ทางโลหิตวิทยา


 



สำหรับเก้าอี้ รมว.วัฒนธรรมนั้น มีรายงานว่า คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ ได้รับการทาบทามจาก พล.อ.สุรยุทธ์ ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว แต่เธอปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยบอกเพียงว่ารอให้มีการทูลเกล้าฯ รายชื่อ ครม.เสียก่อน


 



คุณหญิงไขศรี ปัจจุบันอายุ 69 ปี เคยดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขานุการมูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ นายกสภามหาวิทยาลัยนเรศวร นายกสภามหาวิทยาลัยศิลปากร และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการบริหารศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร


 



กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นอีกกระทรวงที่ถูกจับตามอง ล่าสุดค่อนข้างชัดเจนว่า นายธีระ สูตะบุตร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรฯ โดยมีนายรุ่งเรือง อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองปลัดกระทรวงเกษตรฯ ที่โอนย้ายมาจากสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เป็น รมช.เกษตรฯ


 



ส่วนกระทรวงพลังงาน นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานมูลนิธิสถาบันเพื่อสิ่งแวดล้อม และประธานบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จะดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการ



ด้านกระทรวงศึกษาธิการ นายวิจิตร ศรีสอ้าน อดีตปลัดทบวงมหาวิทยาลัย และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ตอบรับนั่งในตำแหน่ง รมว.ศึกษาฯ แล้ว


 



นายวิจิตรยืนยันว่า ถูกทาบทามจาก พล.อ.สุรยุทธ์ ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ตนเห็นว่าตัวเองพอจะมีความรู้ด้านการศึกษาอยู่บ้าง และบ้านเมืองมีความจำเป็นที่ต้องมีคนช่วยบริหาร จึงตอบตกลงไป



"การตัดสินใจครั้งนี้ใช้เวลาไม่นาน อาจเป็นเพราะส่วนหนึ่งผมทำงานด้านการศึกษามานาน ทั้งเรื่องการปฏิรูปการศึกษาและเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษา ปัจจุบันก็ยังเป็นอาจารย์สอนหนังสือและดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสภาการศึกษา ฯลฯ จึงเชื่อว่าจะสามารถทำงานด้านการศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง"


 



นายวิจิตรบอกว่า ยังมีเหตุผลอีกประการหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจตอบรับก็คือ เล็งเห็นว่าความก้าวหน้าในด้านการศึกษาที่เป็นไปค่อนข้างช้าในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ รวมไปถึงนายกฯ ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมาก ตนจึงคิดว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ แม้จะมีเวลาแค่ 1 ปีก็ตาม และด้วยความศรัทธาในตัวนายกฯ เมื่อท่านให้เกียรติก็เลยอยากเข้ามาร่วมทำงานด้วย อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งลงมาก่อน


 



"ผมรู้ดีว่าการรับตำแหน่งรัฐมนตรีศึกษาฯ เป็นงานหนัก เพราะการปฏิรูปการศึกษาเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็จะขอเหนื่อยเพื่อชาติบ้านเมืองเป็นการตอบแทนแผ่นดิน อีกทั้งเรื่องการศึกษาอยู่ในอาชีพผมอยู่แล้ว ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันก็คือเป็นโอกาสอันดีในการร่วมกันปฏิรูปการศึกษา อันจะส่งผลประโยชน์ต่อการพัฒนาคนและประเทศชาติ"


 



ว่าที่ รมว.ศึกษาธิการออกตัวว่า การมีประวัติเป็นอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในการทำงานใดๆ เพราะได้ยุติบทบาททางการเมืองและลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคมา 2 ปีแล้ว และช่วงทำงานการเมืองอยู่นั้นก็ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่จะยึดการทำงานเพื่อชาติเป็นหลักมากกว่า



สำหรับกระทรวงสาธารณสุข น.พ.มงคล ณ สงขลา อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีชื่อผู้ที่ถูกคาดหมายว่าจะได้ดำรงตำแหน่งเป็น รมว.สาธารณสุข ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ยังไม่ขอพูด ให้รอดูวันโปรดเกล้าฯ


 



ขณะที่รัฐมนตรีว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นนายเกษม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา อดีตปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีข่าวได้มีการทาบนายสุวิทย์ ยอดมณี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นลูกเขยของจอมพลถนอม กิตติขจร


 



นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า พล.อ.สุรยุทธ์ได้โทรศัพท์ทาบทามนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ประธานคณะที่ปรึกษา คปค.ฝ่ายสมานฉันท์และความเป็นธรรมในสังคม ให้ดำรงตำแหน่ง รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เนื่องจากเป็นผู้ที่ทำงานทางด้านสังคมมายาวนาน โดยนายไพบูลย์ได้ตอบรับในการทาบทามดังกล่าวแล้ว และเตรียมยื่นใบลาออกจากการเป็นประธานศูนย์คุณธรรมในวันจันทร์ 9 ตุลาคมนี้


 



………………………………………………………


เรียบเรียงจาก: http://www.thaipost.net/

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net