Skip to main content
sharethis

วิทยากร บุญเรืองและวัชรพงษ์ หิรัญรัตน์


 


 



  


ประมาณ 10.10 น. (ใกล้เวลาเปลี่ยนคาบเรียน) เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นในโรงเรียนมัธยมสันกำแพง อันเกิดจากระเบิดพลาสติกที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 คนหนึ่งทำขึ้นมา*


 


*ขอสงวนนามเด็กผู้ก่อการครั้งนี้ ทั้งๆ ที่สื่ออื่นได้แจกแจงไปเรียบร้อยแล้ว ;-)


 


ในเนื้อข่าวที่บรรดา คนเชียงใหม่ และผู้ปกครองของนักเรียนต่างตกอกตกใจคือ ….


 


คนร้ายใช้รีโมทคอนโทรลกดระเบิดที่โรงเรียนสันกำแพงจังหวัดเชียงใหม่แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และขณะนื้ทหารได้นำกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์แล้ว …"


 



" … เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วันนี้ (7 พ.ย.49) ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นภายในโรงเรียนสันกำแพงวิทยาคม อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยที่เกิดเหตุเป็นที่ซึ่งทางโรงเรียนจัดทำเป็นห้องสมุดกลางแจ้ง จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่อง โดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่อเป็นแผงวงจร กดระเบิดด้วยรีโมทคอนโทรล โดยจากแรงอัดของระเบิด ทำให้โต๊ะ เก้าอี้ ตู้และชั้นวางหนังสือกระเด็นเกลื่อนห้องได้รับความเสียหายส่วนหนึ่ง รวมถึงสะเก็ดระเบิดกระจายทั่วพื้นที่ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่นักเรียนยังเรียนหนังสืออยู่ในห้องเรียน … "


 



" … โดยในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบหาสาเหตุของการวางระเบิด รวมทั้งติดตามคนร้ายที่กระทำการครั้งนี้ เบื้องต้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นกลุ่มใด หรือมีวัตถุประสงค์ใด โดยล่าสุด ทหารได้ส่งกำลังพร้อมรถยนต์หุ้มเกราะฮัมวี่ 2 คัน เข้าควบคุมสถานการณ์ในที่เกิดเหตุแล้ว …"


 



ข้าพเจ้าทั้งคู่จึงรุดไปที่เกิดเหตุ สำรวจ สัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยพกประเด็นข้อข้องใจส่วนตัวที่อาจจะตรงใจหลายคน นั่นก็คือ "ใช่คลื่นใต้น้ำรึเปล่า?"


 


อาจารย์ยืนยันเด็กคึกคะนอง


อาจารย์ท่านหนึ่งของโรงเรียนสันกำแพงให้สัมภาษณ์ว่า เป็นเพียงเด็กคึกคะนองชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่นำประทัดยักษ์มาติดเข้ากับระบบรีโมทคอนโทรล ซึ่งคงจะเหลือจากงานลอยกระทงเท่านั้น เป็นเด็กคึกคะนองอยากดังเฉยๆ ไม่มีอะไร และขอยังติงสื่อบางแห่งที่เสนอข่าวเกินเลย


 


"ได้ชี้แจงให้นักเรียนและผู้ปกครองฟังแล้ว ว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง ทุกคนเข้าใจและเข้าสู่สภาวะปกติเรียบร้อย"


 


นักเรียนตกใจเล็กน้อย


และข้าพเจ้าทั้งคู่ก็ได้เดินถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของเด็กๆ นักเรียน ที่ก็ดูเหมือนไม่ตกอกตกใจอะไรมากมายนัก เพียงเห็นแต่ในแววตาของพวกเขาที่เปี่ยมไปด้วยความซุกซนและแสนซื่อตามประสา ซึ่งไอ้มือระเบิดมันก็คงจะเป็นแบบเด็กพวกนี้ (แต่ตอนนี้มันซวย ต้องไปให้ปากคำที่ สภต.ช้างเผือก ศูนย์รวมการปราบปรามคดีประทัดยักษ์) --- ซุกซนและแสนซื่อ


 


ขอขอบคุณน้องๆ ที่ให้ความร่วมมือในการถามไถ่เหตุการณ์ครับ!


 


 


  


"เสียงดังมาก แต่ก็เดาได้ว่าเป็นประทัดยักษ์ ไม่นึกว่าจะมีตำรวจทหารเข้ามามากอย่างนั้น เห็นตำรวจทหารแล้วเริ่มตกใจ นึกว่าเป็นเรื่องใหญ่"


 



  


"กำลังเรียนอยู่ เสียงดังตกใจ พอดีเป็นช่วงเปลี่ยนคาบด้วย มาตกใจอีกก็เมื่อตำรวจ ทหารเข้ามา"


 


 


สรุปสภาพความเสียหายแค่เล็กน้อย


 


 


 


 



 


 


 


 



 


 


 


000


 


… หลังจากสืบเสาะหาข้อมูลตั้งแต่โรงเรียนยันสถานีตำรวจอำเภอสันกำแพง ซึ่งข้าพเจ้าทั้งคู่ไม่เคยเรียนด้านการสืบสวนเชิงลึก ไม่ได้เข้าอบรมการเป็นนักข่าวเชิงสืบสวน แต่เคยเรียนอิเล็กทรอนิกส์และเคยทำประทัดยักษ์เล่นเอง (เรียนช่างและทำประทัดยักษ์เล่นเอง เป็นวัฒนธรรมการประกาศตัวตนความเป็นลูกผู้ชาย ในสังคมล้านนายุค Postmodernist) ฟันธงว่า นี่คือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอีกขั้นของเด็กไทย ที่สามารถผสมสานเทคโนโลยีชุดคิทรีโมท (หาซื้อได้ตามร้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์) เข้ากับประทัดยักษ์ได้เป็นอย่างดี


 


เด็กคนนี้ต้องได้รับการขัดเกลาส่งเสริมโดยผู้ปกครอง โรงเรียน และรัฐอย่างเต็มกำลัง อย่าทำโทษ ตัดหางปล่อยวัด จนอาจทำให้แกต้องไปดูงานของรุ่นพี่ที่สถานพินิจเป็นอันขาด เดี๋ยวเราจะเสียทรัพยากรอันทรงคุณค่า กลับกลายเป็นอาชญากรไป รึถ้าจับพลัดจับผลูไปดูงานกับกลุ่มก่อการร้าย จะยุ่งไปกันใหญ่อีก


 


สรุปแล้ว สันกำแพงยังสงบและราบเรียบเช่นเคย ส่วนความอึกทึกชั่วครั้งคราก็เกี่ยวเนื่องมาจาก "ประเพณีลอยกระทง" ที่เป็นธรรมเนียมของคนเหนือที่จะมีการเล่นของ "เสียงดังๆ" ในช่วงนี้ชุกยิ่งนัก ;-)


 


คงจะไม่มีใครงี่เง่าพอที่จะนำประเด็นนี้ไปโยงกับคลื่นใต้น้ำ บนน้ำ เหนือน้ำ ห่าเหว ที่ไหน --- ความบังเอิญของเหตุการณ์นี้ที่ทำให้ทุกสื่อวิ่งเข้าไปหาคือ ความเป็นเชียงใหม่, ความเป็นสันกำแพง, ความเป็นบ้านเกิดอดีตนายกฯ มันก็แค่นั้น กอปรกับเด็กมันอยากโชว์ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของเด็กมัน (ประทัดติดรีโมท … กระทรวงวิทย์ฯ โปรดนำเด็กคนนี้ไปต่อยอดโดยด่วน / อย่าทำให้แกต้องไปเฉียดสถานพินิจ ;-)


 


แน่นอนว่าความหวาดระแวงของฝ่ายอำนาจนิยมเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างไรก็แล้วแต่ อย่าพยายามทำอะไรที่หยุมหยิมเล็กน้อย ให้เป็นเรื่องน่ากลัวเกินเหตุ มันอาจทำให้พวกท่านเครียดมากไป (ผมเป็นห่วงสุขภาพ ;-)


 


และก็พอทีเหอะไอ้วาทกรรม "คลื่นใต้น้ำ" เพราะเรารู้ๆ กันอยู่ว่ากระแสต่อต้านอำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตยในปัจจุบัน มันอยู่บนน้ำให้เห็นตรงๆ โต้งๆ ทั้งสิ้น! เปิดโอกาสให้พวกเขาได้สู้ตามครรลองคลองธรรมตามระบอบประชาธิปไตยโดยด่วน นั่นแหละคือการแก้ปัญหาทั้งหมด!


 


เมื่อได้อำนาจมาแบบไม่ชอบธรรม อยู่ที่ไหน มันก็ไม่ค่อยมีความสุข เด็กเล่นประทัดก็ยังต้องระแวง นี่แหละหนาสัจธรรมของการ "ขึ้นหลังเสือ"


 


… สุดท้าย ถ้าเด็กชายคนนั้นจะมีความผิด ก็มีความผิดเพียงอย่างเดียวคือ "ไม่อ่านข่าวหน้าการเมือง" ก่อนกระทำการอุกอาจ ณ ห้วงที่สังคมไทยอยู่ในช่วง Paradox time แบบนี้


 


ไอ้หนูเอ๊ย! คราหน้าเอ็งต้องหามาอ่านบ้าง ก่อนกดรีโมทครั้งต่อไป ;-)


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net