ประชาไท - วานนี้ (9 พ.ย.2549) พล.อ.
พล.อ.บุญรอด กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.
"หากต้องการให้ยกเลิกกฎอัยการศึก อยากจะขอร้องประชาชนให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และเชื่อว่าภายในเดือนนี้สามารถที่จะยกเลิกกฎอัยการศึกได้ ก่อนที่นายกฯ จะไปประชุมเอเปคอย่างแน่นอน" รมว.กลาโหม กล่าว
พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ส่วนการที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ประกาศยกเลิกการชุมนุมเกิน 5 คนนั้น คมช.และรัฐบาลมีความคิดเห็นตรงกัน และไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว ว่าจะให้ยกเลิกประกาศฉบับนี้ เพราะที่ผ่านมา แม้จะมีประกาศดังกล่าว แต่ คมช.ก็มีการผ่อนผัน อะลุ้มอล่วยให้มีการชุมนุมทางการเมืองอยู่แล้ว ขณะนี้จึงไม่มีความจำเป็นที่จะใช้ประกาศนี้อีกต่อไป
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ขณะนี้กองทัพภาคต่างๆ กำลังรวบรวมข้อมูลการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองที่ต่อต้าน คมช.และรัฐบาล (คลื่นใต้น้ำ) เพื่อนำเสนอให้รัฐบาลพิจารณาตัดสินใจในปลายสัปดาห์นี้
ชี้เลิก ฉ.7 แต่ยัง "ห้ามการเมืองขยับ"
วันเดียวกัน นาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคการเมืองก็ไม่มั่นใจว่าการยกเลิกคำสั่ง คปค.สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้หรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ถ้ายกเลิกแล้วก็ทำได้ เฉพาะในส่วนที่ถูกห้ามในฉบับนี้ แต่สำหรับพรรคการเมืองนั้น ถ้ามีฉบับอื่นห้ามอีกก็ต้องไปดู เพราะนี่คือผลพวงของกฎอัยการศึก กฎอัยการศึกยังอยู่ เพียงแต่ส่วนนี้เพิกถอนไป เหมือนเวลาประกาศกฎอัยการศึก ก็อาจจะประกาศ "เคอร์ฟิว" (ห้ามออกนอกเคหสถาน) ก็ได้ แต่เมื่อหมดความจำเป็นก็ถอนเคอร์ฟิว ส่วนกฎอัยการศึกเป็นเรื่องที่ฝ่ายบริหารยกเลิกเองได้
นาย
เมื่อถามว่า เหตุใดรัฐบาลถึงไม่เสนอให้มีการยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองควบคู่กัน นายวัลลภ กล่าวว่า ถือเป็นยุทธวิธีอย่างหนึ่ง ที่ผ่อนคลายไปทีละเปลาะ แต่สังคมต้องเข้าใจว่า คมช.มีสถานะที่เสี่ยงกว่าคนอื่นๆ แต่อยากฝากให้ คมช.และรัฐบาลพิจารณาการผ่อนปรนกฎอัยการศึกในบางพื้นที่ด้วย
"ต้องยอมรับว่า ขณะนี้ไม่ใช่คลื่นใต้น้ำ แต่เป็นคลื่นความจริง ที่มีอยู่จริง จากประชาชนที่ยังรักอดีตนายกฯ เนื่องจากรัฐบาลทักษิณอยู่มา 6-7 ปี ก็ต้องมีคลื่นความคิดเดิมๆ บ้าง ดังนั้นรัฐบาลต้องให้เวลาคนเหล่านี้ด้วย แต่เชื่อว่าประชาชนก็กำลังทำความเข้าใจกับรัฐบาลชุดใหม่ด้วย เชื่อว่าเวลาจะช่วยทำให้เหตุการณ์คลี่คลาย ขณะนี้แนวโน้มก็ดีขึ้นแล้ว" นายวัลลภ กล่าว
สนช.เอกฉันท์เลิกประกาศ คปค.ฉ.7
เมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน ที่ประชุม สนช. ที่มีนาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สนช.หลายคนได้อภิปรายสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นี้ โดยนาย
นาย
นาย
"ได้ยินว่าอาจจะยกเลิกก่อนที่ พล.อ.สุรยุทธ์ ไปประชุมเอเปคที่เวียดนาม ซึ่งจากประสบการณ์ การชุมนุมจะน่ากลัวเมื่อรัฐบาลทำผิด แต่หากรัฐบาลไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีเหตุอะไรที่รัฐบาลจะกลัว ถือเป็นความท้าทายว่า รัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ จะบริหารประเทศโดยไม่ใช้กฎหมายพิเศษได้หรือไม่ รัฐบาลคงต้องพิสูจน์ฝีมือนำพาประเทศชาติไปสู่ระบอบประชาธิปไตย" นายสมบัติ กล่าว
เผยตัดสินใจเลิกกฎอัยการศึก 14 พ.ย.
พล.อ.
จากนั้นที่ประชุมมีมติเอกฉันท์รับหลักการในวาระที่ 1 และให้พิจารณา 3 วาระรวด ซึ่งในที่สุดที่ประชุมได้มีมติเป็นเอกฉันท์ผ่านร่าง พ.ร.บ.นี้ ทั้งนี้นายบวรศักดิ์ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การจะยกเลิกกฎอัยการศึกหรือไม่ ตามหลักกฎหมาย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ คมช. แต่ขึ้นอยู่กับรัฐบาล ในฐานะที่นายกฯ เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ เพราะเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวแล้ว อำนาจทั้งหมดของ คปค.หมดไปโดยผลของรัฐธรรมนูญ เมื่อ คปค.แปลงเป็น คมช.ก็จะมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น ที่ประชุมจึงมีมติส่งข้อสังเกตของนายบวรศักดิ์ให้แก่รัฐบาลด้วย
"สภาทนายความ" จี้ เลิกทุกพื้นที่
นาย
"เหตุผลที่ให้คงกฎอัยการศึกไว้ เพราะเกรงว่าจะเกิดคลื่นใต้น้ำในบางพื้นที่ฟังไม่ขึ้น เพราะหากมีการเคลื่อนไหวเกินเหตุ รัฐบาลก็มีกฎหมายอีกร้อยแปดพันเก้ามาจัดการได้อยู่แล้ว" นายสมชาย กล่าว
ส่วนการยกเลิกประกาศของ คปค.ฉบับที่ 7 นั้น นายสมชาย กล่าวว่า ประกาศดังกล่าวถือเป็นความไร้เดียงสาของที่ปรึกษา คปค.ในขณะนั้น เพราะไม่รู้ว่าออกประกาศมาทับซ้อนกฎอัยการศึก ทำให้ต้องยุ่งยากมายกเลิกประกาศภายหลัง รวมทั้งยังมีประกาศ คปค.อีกหลายฉบับที่ไม่ควรออกมา เช่น การกักตุนสินค้า เป็นต้น เพราะมีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว
พันธมิตรเชื่อกระแสประท้วงพรึ่บ
นาย
"การสกัดกั้นการชุมนุมที่ดีที่สุดไม่ใช่การห้ามการชุมนุมแต่เป็นการขจัดเงื่อนไขการชุมนุม เชื่อรัฐบาลมีพฤติกรรมส่อไปในทางคอรัปชั่น มีโครงการใหญ่ที่ส่งผลต่อชุมชน และที่รุนแรงที่สุดสำหรับรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ คือการสืบทอดอำนาจตัวเองและพวกพ้องก็จะต้องเจอการต่อต้านครั้งใหญ่ที่สุด" แกนนำพันธมิตร กล่าวและว่า ขณะนี้พันธมิตรยังไม่คิดที่จะจัดชุมนุม เนื่องจากรัฐบาลยังไม่ผิดพลาดจนเป็นเงื่อนไขได้
นาย
ส่วนเรื่องคลื่นใต้น้ำนั้น เลขาธิการ ครป. เชื่อว่ายังมีอยู่จริงและคงไปห้ามลำบาก โดยเฉพาะกลุ่มแรกที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารด้วยความสุจริตใจจริงและมีอยู่ไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่ก็ยอมรับว่าการเมืองไม่มีทางออก จึงขอเรียกร้องให้ คมช.เร่งพิสูจน์ผลงานและคืนอำนาจให้ประชาชนเร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือด ขณะที่อีกกลุ่มซึ่งเสียประโยชน์และมีบางคนในพรรค ทรท.หนุนหลังอยู่ ซึ่งต้องระวัง เพราะถึงจุดหนึ่งอาจจะมีการระดมมวลชนมาหนุนกลุ่มแรกจนเกิดเป็นแรงต้านขนาดใหญ่ได้ในที่สุด
"กลุ่มแรกก็ต้องระมัดระวังให้มาก ฝ่ายข่าวกรองรัฐบาลคงทราบดีว่าใครเป็นใคร วิธีเดียวที่จะลดปัญหาคลื่นใต้น้ำได้ รัฐบาลต้องเร่งสร้างผลงานพิสูจน์ความผิดของระบอบทักษิณและให้ข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงกับประชาชนในวงกว้างอย่างถูกต้อง" เลขาธิการ ครป. กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวว่า การจัดการกับแรงต้านด้วยอำนาจหรือกฎหมายอย่างเดียวจะไม่แก้ปัญหา รัฐบาลต้องสร้างงานมวลชนเชิงรุกเพื่อเอาชนะใจมวลชนหรือให้มวลชนเชื่อมั่นให้มากที่สุดว่า การยึดอำนาจครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องประโยชน์ส่วนตัวหรือมีการสืบทอดอำนาจ ซึ่งควรให้กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญประชาชนมี
ส่วนร่วมให้มากที่สุด เพื่อเป็นเวทีสมานฉันท์และดึงประชาชนทุกกลุ่มให้หันมาใส่ใจกับการออกแบบการเมืองใหม่และกำหนดวาระแห่งชาติร่วมกัน
ส่วนพันธมิตร นายสุริยะใส กล่าวว่า ได้เตรียมปรับบทบาทในสถานการณ์ใหม่โดยจะจัดตั้งสมัชชาประชาชนเพื่อการปฏิรูปการเมือง (สปป.) ขึ้น ทำหน้าที่ผลักดันวาระประชาชน ตรวจสอบรัฐบาล และร่างรัฐธรรมนูญคู่ขนานไปพร้อมกัน ซึ่งจะจัดเวทีครั้งแรกในวันที่ 12 พ.ย.นี้ ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
ที่มา: http://www.komchadluek.com
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)