Skip to main content
sharethis

14 พ.ย. 2549  เอเจนซี/เอเอฟพี รายงานว่า มือปืนแต่งเครื่องแบบตำรวจ บุกอาคารกระทรวงอุดมศึกษา กลางเมืองหลวงอิรัก ลักพาตัวข้าราชการกระทรวงฯและผู้มาติดต่อกว่า 100 คน อย่างอุกอาจ เจ้าหน้าที่สืบสวนเพ่งเล็งกลุ่มติดอาวุธชาวชีอะห์ อาจพัวพันกับเหตุการณ์ครั้งนี้


 


อะเบ็ด เดียบ อัลอูไญลี โฆษกกระทรวงอุดมศึกษา แถลงว่า เช้าวานนี้(14 พ.ย.) มือปืนแต่งเครื่องแบบตำรวจ ใช้รถที่กระจกพ่นสีว่าเป็นตำรวจคอมมานโด เข้าปะทะกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หลังจากนั้นก็บุกเข้าไปในอาคารกรมการวิจัยของกระทรวงอุดมศึกษา รวบตัวข้าราชการกระทรวงและประชาชนผู้มาติดต่องานที่อยู่ในอาคารนั้นทั้งหมด โดยอาคารดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตกอร์รอดะ ซึ่งเป็นย่านการค้าและมีชาวชีอะห์จำนวนมากอาศัยอยู่ กลางกรุงแบกแดด


         


กลุ่มมือปืนได้ริบโทรศัพท์มือถือจากข้าราชการและประชาชน หลังจากนั้นก็แยกหญิง-ชาย รวบตัวขึ้นรถ แล้วก็ขับออกไป


        


 เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอิรักกล่าวว่า คาดว่าน่าจะมีผู้ถูกลักพาตัวไปราว 25 คน โดยมือปืนใช้ยานพาหนะของรัฐบาลหลายคน ซึ่งมีทั้งรถปิ๊กอัพและรถเอสยูวี ในการก่อเหตุครั้งนี้ ขณะที่อัลอูไญลี โฆษกกระทรวงอุดมศึกษา แถลงว่า อาจมีข้าราชการและประชาชนถูกลักพาตัวไป 100 คน หรืออาจมากถึง 150 คน โดยมีทั้งชาวมุสลิมสุหนี่และชีอะห์


 


"เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมขอให้กระทรวงกลาโหมและมหาดไทยส่งกำลังมารักษาความปลอดภัยตามมหาวิทยาลัยและที่ทำการกระทรวงฯ สถานที่เหล่านี้กำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากกลุ่มก่อการร้าย" อัลอูไญลีกล่าว


 


ที่ผ่านมา เหตุลักพาตัวครั้งใหญ่มักถูกกล่าวว่าเป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธที่อยู่ในกองกำลังตำรวจหรือทหารของอิรัก หรือมีตำรวจคอยช่วยเหลือด้วยการจัดหาอาวุธให้


 


สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่จากกลุ่มสุหนี่ซึ่งในอดีตเคยมีอำนาจในรัฐบาลอิรัก และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังมุ่งเป้าสงสัยไปที่กลุ่มติดอาวุธของพรรคการเมืองมุสลิมชีอะห์ ซึ่งปัจจุบันมีอำนาจควบคุมกระทรวงมหาดไทย ว่าอาจจะอยู่เบื้องหลังเหตุลักพาตัวอย่างอุกอาจครั้งนี้ เพราะสมาชิกจากกลุ่มการเมืองของพวกมุสลิมสุหนี่บริหารงานในกระทรวงอุดมศึกษา


 


ด้านพยานคนหนึ่งซึ่งเป็นชาวมุสลิมสุหนี่และทำงานอยู่ในอาคารที่เกิดเหตุกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้น เขาเพิ่งเดินกลับจากธนาคาร แล้วก็เห็นว่ามีรถปิ๊กอัพชนิดเดียวกับที่ตำรวจคอมมานโดใช้ ประมาณ 40 คัน จอดอยู่ที่ตึกดังกล่าว


 


"มือปืนกำลังตรวจบัตรประชาชนข้าราชการและผู้มาติดต่องาน ที่บริเวณลานจอดรถ พวกเขาแยกชาวสุหนี่ออกจากชาวชีอะห์ และก็จับแต่ชาวสุหนี่ไป หลังจากนั้นก็นำชาวสุหนี่ขึ้นรถ ก่อนขับออกไป ในขณะเกิดเหตุนั้น ผมเห็นตำรวจสองนายที่กำลังลาดตระเวนอยู่ มองดูเหตุการณ์โดยไม่ทำอะไรเลย"พยานผู้นี้กล่าว


ขณะที่โฆษกกระทรวงฯ กล่าวว่า ในบริเวณที่เกิดเหตุ มีทั้งตำรวจและจุดตรวจของกระทรวงกลาโหมตั้งอยู่มากมาย อีกทั้งหลังเกิดเหตุ ก็มีตำรวจออกติดตามมือปืนผู้ก่อเหตุไปทางตะวันออกของกรุงแบกแดด ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของพวกชีอะห์ แต่หลังจากนั้นตำรวจก็ไม่พบร่องรอยของมือปืน


 


ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฎาคม เกิดเหตุมือปืนในเครื่องแบบ บุกลักพาตัวเจ้าหน้าที่กีฬาและนักกีฬา 30 คน ซึ่งรวมถึงประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ ขณะกำลังนั่งประชุมกันอยู่ หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่และนักกีฬาบางคนได้รับการปล่อยตัว แต่อีกหลายคนซึ่งรวมถึงประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ กลับหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย


 


ทั้งนี้ เหยื่อลักพาตัวบางคนถูกเรียกค่าไถ่ แต่อีกหลายคนถูกพบเป็นศพในเวลาต่อมา หลายศพถูกมัดหรือทรมานก่อนเสียชีวิต แล้วจึงมีผู้นำมาทิ้งบนถนนในแบกแดดในทุกๆ วัน เพียงแค่เมื่อวันจันทร์วันเดียว ก็มีผู้พบศพมากถึง 46 ศพ ขณะที่สถานที่เก็บศพก็เปิดเผยว่า ในแต่ละวัน เจ้าหน้าที่จะนำศพนิรนามเข้ามาราว 50 ศพ


 


อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศระงับการเรียนการสอนในระดับชั้นอุดมศึกษาของมหาวิทยาลัยทุกแห่งทั่วกรุงแบกแดด หลังเกิดเหตุลักพาตัวแล้ว โดยระบุว่า ไม่ทางเลือกนอกจากต้องปิดการเรียนการสอน จนกว่าจะหาสาเหตุของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้เสียก่อน และรัฐบาลไม่อาจยอมให้เกิดการสูญเสียบุคลากรทางการศึกษามากไปกว่านี้อีกแล้ว


         


 


 


เรียบเรียงจาก เว็บไซต์ผู้จัดการและสำนักข่าวเนชั่น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net