Skip to main content
sharethis

"ปานเทพ" ระบุจะนำรายงานกอส.มาพิจารณา


ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นัดแรก เพื่อเลือกตำแหน่งต่าง ๆ ในกรรมาธิการฯ โดย พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ ได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ นายโสภณ สุภาพงษ์ เป็นรองประธานคนที่ 1 นายไพศาล พืชมงคล เป็นรองประธานคนที่ 2 และ นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ เป็นโฆษกคณะกรรมาธิการฯ


                   


พล.อ.ปานเทพ แถลงหลังประชุมว่า ที่ประชุมมีมติให้ประชุมคณะกรรมาธิการฯ ทุกวันพุธ หากจำเป็นก็จะเพิ่มวันพฤหัสบดีอีก 1 วัน และมอบหมายให้กรรมาธิการทุกคนไปคิดและเขียนความเห็นเรื่องของปัญหาภาคใต้ใน 3 ประเด็น คือ ปัญหาจริงที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในความคิดของแต่ละคนคืออะไร ข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาว่าจะแก้อย่างไร และใครเป็นผู้ปฏิบัติ และจะมีการช่วยเหลือ และแก้ปัญหาอย่างไร


 


"การประชุมสัปดาห์หน้าจะนำข้อเสนอแนะของกรรมาธิการฯ มาหารือ พร้อมนำเอกสารของคณะทำงาน หรือคณะกรรมาธิการฯที่เคยศึกษาปัญหามาประกอบการพิจารณา เช่น ผลการศึกษาของคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) คิดว่าจะได้เห็นภาพการทำงานของคณะกรรมาธิการฯ ชัดเจนยิ่งขึ้น"


 


พล.อ.ปานเทพ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ จะไม่เน้นการเชิญคนมาชี้แจง แต่จะเดินทางลงพื้นที่เพื่อหาข้อเท็จจริงมากกว่า และจะใช้แนวทางเรื่องความเข้าใจ ความจริงจัง และความจริงใจในการแก้ปัญหา และการประชุมของคณะกรรมาธิการฯ จะเปิดให้สื่อมวลชนเข้าฟังการประชุมได้ตลอด เชื่อว่า ภายใน 1 ปี คณะกรรมาธิการฯจะสามารถนำข้อเสนอของคณะกรรมาธิการฯ ส่งให้รัฐบาล เพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาได้


         


ด้านนายโสภณ กล่าวว่า เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะใช้ความเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะนำไปสู่ความสงบ ถือว่าเป็นความแตกต่างกันมากเมื่อเทียบกับรัฐบาลที่แล้ว โดยเฉพาะการเริ่มต้นแก้ปัญหาที่รัฐบาลชุดก่อนออกมาพูดทันทีว่า "จะไม่เอามันมาไว้เป็นพ่อ จะส่งมันลงไปพบยมบาล" แต่รัฐบาลชุดนี้เริ่มต้นด้วยการขอโทษกับผู้นำอิสลาม ซึ่งผู้นำอิสลามได้ขอโทษกลับ เชื่อว่าจะทำให้การแก้ปัญหาภาคใต้ดีขึ้น


 


"ปัญหาเฉพาะหน้าขณะนี้คือ การดูแลชาวพุทธที่มีอยู่กว่า 300,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นปัญหาเร่งด่วนที่จะเข้าไปแก้ไข เพราะชาวพุทธขวัญเสีย และหวาดกลัว ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ จะไม่ละเลยชาวพุทธ และจะไม่มองข้างใดข้างหนึ่ง"


        


ผบ.สส.เยือนมาเลย์-ถกปัญหาใต้ในส่วนทหาร  


วันเดียวกัน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวก่อนเดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซียว่า เพื่อแนะนำตัวภายหลังเข้ามารับหน้าที่ใหม่ และถือโอกาสนี้เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพที่มีต่อกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปวางพื้นฐานความสัมพันธ์ที่ดีมากไว้แล้ว


 


"ผมจะไปดำเนินรอยตามในส่วนของทหาร เรื่องปัญหาตามแนวชายแดน กองทัพมาเลเซียยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ โดยเฉพาะความร่วมมือเรื่องการป้องกันปัญหาการก่อการร้ายที่จะต้องพูดคุยกันเป็นพิเศษ ส่วนการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คงไม่ได้ลงรายละเอียด แต่เน้นย้ำความร่วมมือ ซึ่งเขาพูดเสมอว่า ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ เขาอยากเห็นสันติสุขในภาคใต้ของไทย นอกจากเขาร่วมมือแล้ว เราคงขอให้เขาช่วยพูดกับประเทศต่าง ๆ เพราะเขาเป็นประธานโอไอซี"


 


ส่วนปัญหาบุคคล 2 สัญชาตินั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า เป็นปัญหาที่พูดกันมานานและพยายามแก้ไข ที่ผ่านมามีวิธีการแก้ปัญหาที่ดีอยู่แล้ว แต่ประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดนเปรียบเสมือนชิ้นเดียวกันจึงมีการข้ามไปข้ามมาและมีจำนวนไม่น้อย แต่ถ้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้คงดีที่สุด แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ซึ่งจะได้หารือเรื่องนี้ด้วย


        


มุสลิมห่วงสงฆ์ภาคใต้ต้องงดบิณฑบาต


นายซาฟีดิน เจาะเลาะห์ รองประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดนราธิวาส ได้เป็นตัวแทนคณะกรรมการอิสลามจังหวัดนราธิวาส นำข้าวสาร 2 กระสอบ มามอบให้กับพระครูนราบุราภิรักษ์ เจ้าอาวาสวัดบางนรา อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อนำไปใช้ช่วงที่พระสงฆ์งดออกบิณฑบาต เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่ยังคงเกิดขึ้น


 


ด้านพระครูนราบุราภิรักษ์ ได้กล่าวขอบคุณในน้ำใจและความห่วงใย รวมทั้งร่วมสวดมนต์เพื่อให้ประชาชนทั้งชาวไทยพุทธ จีน และมุสลิมในพื้นที่อยู่ด้วยกันอย่างสันติสุข


 


พระครูนราบุราภิรักษ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่เพราะศาสนา แต่เป็นเพราะบุคคลบางกลุ่มที่ต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้นในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาให้ความช่วยเหลือผู้เดือดร้อนเต็มที่


       


สำหรับพระสงฆ์ทั้ง 9 รูป ที่จำวัดอยู่ ณ วัดบางนรา กล่าวถึงการงดออกบิณฑบาต ว่า แม้ถือว่าผิดตามหลักศาสนา แต่ที่ต้องงดเพื่อความปลอดภัยทั้งพระสงฆ์และทหารที่ต้องมาดูแลรักษาความปลอดภัยช่วงที่ออกบิณฑบาต ซึ่งตั้งแต่งดบิณฑบาตมานั้น มีญาติโยมเข้ามาถวายปัจจัยถึงวัด โดยปัจจัยที่ได้รับก็เพียงพอสำหรับพระภิกษุที่จำวัด          

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net