แหล่งข่าวจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ในช่วงประมาณสิ้นเดือน พ.ย.นี้ นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน จะเปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นเบื้องต้นและข้อเสนอแนะจากนักวิชาการ และองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) เกี่ยวกับแนวทางการจัดทำแผนพัฒนาผลิตกำลังไฟฟ้าระยะยาวฉบับใหม่ (พีดีพี) ที่จะรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าระหว่างปี 2550-2564
"หลังจากนั้นจึงจะเปิดรับฟังข้อคิดเห็นส่วนใหญ่ในช่วงเดือน ธ.ค. เพื่อให้ได้ข้อสรุปทั้งหมดภายในสิ้นปีตามนโยบายของนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ส่วนที่ต้องฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการและเอ็นจีโอก่อน เพราะคาดว่าจะมีข้อเสนอที่ต้องใช้เวลา หากไปเสนอในช่วงเปิดรับฟังใหญ่อาจมีเวลาน้อยเกินไป การทำความเข้าใจอาจลำบาก" แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า คาดว่าประเด็นที่น่าจะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ ได้แก่ สัดส่วนเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้าที่ กฟผ.เสนอว่าควรใช้ถ่านหิน 40% ก๊าซธรรมชาติ 40% และรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านอีก 20% โดยสัดส่วนดังกล่าวเอ็นจีโอค่อนข้างไม่เห็นด้วย เนื่องจากมองว่าใช้ถ่านหินมากเกินไป ซึ่งขณะนี้ได้มีการมอบหมายให้ กฟผ.ไปศึกษาต้นทุนค่าไฟทั้งหมดอย่างละเอียดเพื่อเตรียมไว้ชี้แจง
"ต้องยอมรับว่า ในระยะยาวจะต้องมีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะมีราคาแพงกว่าหากเทียบตลอดอายุโรงไฟฟ้าใหม่ กับถ่านหินที่ราคาจะต่ำกว่ามาก" แหล่งข่าวกล่าว
นายไกรสีห์ กรรณสูต ผู้ว่า กฟผ. กล่าวว่า ในวันที่ 17 พ.ย.นี้ กฟผ.จะประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาแนวทางการซื้อไฟฟ้าจากลาว ในโครงการน้ำเทิน 1 กำลังผลิต 530 เมกะวัตต์ น้ำงึม 3 กำลังผลิต 46 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการอื่นๆ อาทิ น้ำเงี๊ยบ และการซื้อไฟฟ้าจากพม่า เป็นต้น แต่คาดว่าคงยังไม่มีการพิจารณาแผนพีดีพีในครั้งนี้ เพราะต้องรอรับฟังความคิดเห็นเสร็จก่อน.--จบ--
ที่มา: http://www.thaipost.net
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)