Skip to main content
sharethis

24 พ.ย. 2549 วันที่ 23 พ.ย. เวลา 16.00น. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ครม.นัดพิเศษ ที่บ้านพิษณุโลก เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยมี ครม. รวมถึง พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน ผบ.ทบ. และ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. เข้าร่วมประชุม จากนั้น เวลา 20.30 น. นายกฯ พร้อมด้วย พล.อ.สนธิ และนายนิตย์ พิบูลย์สงคราม รมว.ต่างประเทศ ร่วมกันแถลงผลการประชุม ครม.


 


พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า จะมีการกำหนดให้พื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ซึ่งจะสามารถทำให้มีการจัดตั้งองค์กรพิเศษขึ้นมาเพื่อรองรับการทำงานต่างๆ ให้มีเอกภาพ และในด้านการออกกฎระเบียบ การตั้งกฎเกณฑ์ใหม่ ๆ ขึ้นมาก็จะสามารถทำได้


 



"รวมทั้งงานพัฒนา งานด้านการเงิน มาตรการทางด้านภาษี ที่จะรองรับกับแนวความคิดที่จะประสานกัน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในพื้นที่ภาคใต้ นอกจากนี้ ยังได้มีการเน้นย้ำ เรื่องการสร้างขวัญและกำลังใจ ให้กับเจ้าหน้าที่ที่จะลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ โดยจะจัดให้มีการฝึกอบรมก่อน เพื่อให้งานก้าวหน้าไปอย่างดียิ่ง" นายกรัฐมนตรี กล่าว


 



เมื่อถามว่า เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจเป็นรูปแบบใด พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของการพัฒนา แต่ในส่วนด้านการปกครองยังเป็นเช่นเดิม โดยการพัฒนาจะเป็นการพัฒนาด้านการค้า ด้านอุตสาหกรรม เพื่อแก้ไขปัญหาคนว่างงานให้มีการสร้างงาน และให้มีการปรับปรุงเส้นทางคมนาคม ที่คั่งค้างอยู่ให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นต่อไป


 



"สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้ ขณะนี้ มีงบที่อยู่ในกระทรวงต่างๆ อยู่แล้ว ไม่ต้องตั้งงบประมาณใหม่ อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ลงไป จะมีเพียงการผลัดเปลี่ยนให้คนใหม่ ลงไปทำงาน แต่จะมีการฝึกอบรมก่อน"


 


พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวถึงมาตรการทางด้านภาษีที่จะนำมาใช้ ว่า  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับทราบข้อมูลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากภาคเอกชนในพื้นที่ ว่าไม่มีการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ มีแต่การหดตัวทางด้านเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นจะให้มีการลดหย่อนภาษีกับภาคเอกชน เพื่อให้เขาสามารถทำงาน และอยู่ได้ สามารถทำงานได้ อยู่ได้


 


ไม่เช่นนั้น ก็จะไม่มีการทำงาน ไม่มีการลงทุน ทำให้เกิดผลเสีย คือการว่างงานของคนในท้องถิ่น เนื่องจากไม่มีการจ้างงาน  ทั้งนี้การหดตัวทางเศรษฐกิจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดขึ้นมาพอสมควรแล้ว ดังนั้น การแก้ไขเบื้องต้น คือการปรับอัตราการเก็บภาษี ในพื้นที่ภาคใต้


 


นายกรัฐมนตรียังปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่อง "ต้มยำกุ้ง" พร้อมระบุว่ากรณีดังกล่าวไม่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซียมีปัญหา


 



โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (22 พ.ย.) ได้โทรศัพท์ไปชี้แจงกับนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซียแล้ว โดยยืนยันในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ด้วยสันติวิธี และจะร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรก็เข้าใจกันดี อย่างไรก็ตาม จะไม่ตอบคำถามเรื่องนี้อีก เพราะได้ตกลงกันไว้ว่า จะไม่พูดออกอากาศอีก หากพูดต่อไปจะเกิดผลกระทบ เพราะฉะนั้นก็ขอความกรุณากับสื่อมวลชนด้วย


 



เมื่อถามว่า ได้หารือถึงการเจรจากับกลุ่มเบอร์ซาตู , บีอาร์เอ็น และพูโล กับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ ตอบว่า ได้มอบการทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้กับ ผอ.กอ.รมน.คนใหม่ ซึ่งได้แต่งตั้งตามคำสั่งของสำนักนายกรัฐมนตรี คือ พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน ที่จะดูแลด้านนโยบาย



ส่วนการทำงานในพื้นที่มี 2 ส่วน คือการดูแลความปลอดภัยจะมีหน่วยงานที่เรียกว่า พตท.43 คือ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ 43 ส่วนการประสานงาน เป็นเรื่อง ผอ.ศอ.บต. ต่อไป จนจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้คนเหล่านี้


 



"ส่วนนายกรัฐมนตรีจะดูเรื่องการดำเนินงานตามนโยบาย ประเมินผลการทำงานและปรับกับสิ่งที่จะมีผลต่อการทำงาน ซึ่งผมจะไม่ลงไปยุ่งเกี่ยวกับการทำงาน สำหรับการประเมินผลจะเป็นห้วงระยะเวลาตามปกติ คือ 3 เดือน และ 6 เดือน ตามลำดับ" พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าว


 


 


........................


ที่มา: http://www.komchadluek.com


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net