วานนี้ (26 พ.ย.2549)        พล.ท.จิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้เฝ้าจับตาแกนนำพรรคไทยรักไทยที่จะเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะนายยงยุทธ ติยะไพรัช และนายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งจะไม่ยกเลิกกฎอัยการศึกในบางพื้นที่ ว่า ปกติกองทัพจะติดตามในพื้นที่ชายแดน ส่วนกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมืองก็เฝ้าดูแลอยู่ตลอดในทุกพื้นที่ ไม่เฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ เชียงรายเท่านั้น

ทั้งนี้มีใบปลิวที่ออกมาโจมตี คมช.ในพื้นที่หรือไม่ พล.ท.จิรเดช กล่าวว่า ระยะนี้ไม่ค่อยมี มีแต่ไปรษณียบัตรที่ใช้ข้อความเดิมๆ ซึ่งมีจำนวนไม่มาก ส่วนปัญหาคลื่นใต้น้ำในพื้นที่ภาคเหนือนั้น จะให้บอกว่าไม่มีคงไม่ได้ จะว่ามีมากก็ไม่ได้

"สุริยะใส"แนะ คมช.ยกเลิก "อัยการ" ศึก"ทุกพื้นที่

ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าว

เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เร่งยกเลิกกฎอัยการศึก โดยระบุเหตุผล ว่า ครป. เห็นด้วยกับ คมช.ที่ประกาศจะยกเลิกกฎอัยการศึก เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทย เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงกระแสข่าว และก็ขอเลื่อนมาตลอด ทำให้สังคมสับสนต่อสถานการณ์ และไม่มั่นใจในศักยภาพของ คมช. ในการบริหารจัดการคลื่นใต้น้ำหรือแรงโต้กลับจากกลุ่มอำนาจเก่า

นอกจากนี้ เลขาฯ ครป.ยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายต้องช่วยกันลดเงื่อนไข และความเสี่ยงทางการเมือง ส่วนจะยกเลิกเป็นบ้างพื้นที่หรือยกเลิกพร้อมกันหมดหรือไม่นั้น ครป.เห็นว่า โดยหลักการแล้วน่าจะยกเลิกในทุกพื้นที่ ไม่ควรอ้างเหตุคงกฎอัยการศึกเอาไว้ โดยยกเหตุผลเพียงเพราะยังมีใบปลิวโจมตีรัฐบาลและทาง คมช.อยู่ ซึ่งถ้าพื้นที่ใดจำเป็นต้องคงไว้ คมช.ต้องชี้แจงหรือให้ข้อมูลกับประชาชนชนถึงลักษณะและรูปแบบของคลื่นใต้น้ำ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่นั้น สามารถมีส่วนร่วมในการจับตาตรวจสอบความเคลื่อนไหวที่มีลักษณะผิดปกติ หรือมุ่งหมายให้เกิดการเผชิญหน้า และความวุ่นวายในสังคมร่วมกัน

นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ส่วนในพื้นที่ที่ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ระบุว่า ยังมีคลื่นใต้น้ำอยู่ คือเชียงราย และบุรีรัมย์ ที่เชื่อมโยง กับนายยงยุทธ ติยะไพรัช และนายเนวิน ชิดชอบ อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย โดยยังมีนำเลี้ยงจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวออกมาชี้แจง รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ควรที่จะต้องประกาศพันธะและบทบาททางการเมืองของตนในอนาคตต่อสาธารณะด้วยตนเอง ไม่ใช่พูดฝากผ่านคนอื่น เพราะการหลบซ่อนๆ หรือผลุบๆ โผล่ๆ แบบที่เป็นอยู่ถือเป็นการส่งสัญญาณหนุนคลื่นใต้น้ำ และหวังผลทางการเมืองอย่างชัดเจน

 "ครป.ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มคนใกล้ตัวที่เสียประโยชน์ เลิกสร้างสถานการณ์ และต้องช่วยกันลดหรือทำลายเงื่อนไขปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยง ความสับสนทางการเมือง เพราะในช่วงต้นปีใหม่กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญต้องพยายามสร้างบรรยากาศประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นมากที่สุด เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการออกแบบการเมืองใหม่ หากสถานการณ์ยังคงมีความเสี่ยงอยู่จะทำลายความมั่นใจของประชาชนในการเข้าร่วมเวทียกร่างรัฐธรรมนูญ จนทำให้กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญไม่มีความหมายใดๆเลย"

"สมเกียรติ" ชี้บุรีรัมย์ตั้งแกนนำมวลชน 10 คน/หมู่บ้าน

ช่วงเย็นวันนี้ (26 พ.ย.) ที่โรงแรมดิไอยรา ถ.จอมพล อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา อดีต 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยถึงสถานการณ์คลื่นใต้น้ำที่ก่อสถานการณ์สร้างความปั่นป่วนในพื้นที่ภาคอีสานขณะนี้ ว่า คลื่นใต้น้ำภาคอีสานนั้นจัดแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มพฤติการณ์ ซึ่งกำลังทำให้ฝ่ายข่าวของรัฐทั้ง ตำรวจสันติบาล,สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ที่มีสำนักงานอยู่ตามจังหวัดใหญ่ ๆ ในภูมิภาค ,ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ทั้งระดับประเทศและ กอ.รมน. ภาค ตกอยู่ในสภาพเป็นฝ่ายตั้งรับโดยสิ้นเชิง

ทั้งนี้ พฤติการณ์ 4 กลุ่มดังกล่าวประกอบด้วย 1. พฤติการณ์ การแจกใบปลิว และเอกสารหนังสือใต้ดิน ซึ่งเป็น การกระทำการอย่างต่อเนื่องและจงใจบ่อนทำลายสูงสุด ล่าสุดพบมีการแจกจ่ายใบปลิวในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นการกล่าวโจมตีสถาบันสูงสุด ก่อนทำการแจกอีกหลายหมื่นชุดในหลายจังหวัดทางภาคอีสาน โดยเอกสารดังกล่าวตนได้