ประชาไท - 28 พ.ย.2549 สมัชชาคนจนออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกกฎอัยการศึก เพราะเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะคนจนทั้งในเมืองและชนบทที่มีข้อขัดแย้งกับนโยบาย และโครงการพัฒนาของรัฐอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิ เพราะเมื่อสิทธิในการชุมนุมหายไปคนจนก็ไม่มีช่องทางในการปกป้องผลประโยชน์ของตน
รูปธรรมที่ปรากฏคือหลังการยึดอำนาจ การแก้ไขปัญหาของชาวบ้าน เขื่อนราศีไศล เขื่อนหัวนา ที่กำลังดำเนินไปด้วยดีก็ยุติลงทันที ขณะที่ผู้นำชาวบ้านเขื่อนปากมูลถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐติดตามการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด แม้ว่าไม่มีการข่มขู่ แต่ก็ทำให้เกิดความหวาดกลัวไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปรกติสุข
นอกจากนี้สมัชชาคนจนยังเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดการเจรจาแก้ปัญหาของสมัชชาคนจนอย่างเป็นทางการ โดยให้นายกรัฐมนตรี เปิดการเจรจาเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาสมัชชาคนจน ก่อนที่จะสั่งการให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาเจรจากับตัวแทนชาวบ้านสมัชชาคนจนเป็นรายกรณีให้ได้ข้อยุติและนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ยังมีการยื่นหนังสือข้อเรียกร้องนี้ต่อ พล.อ.
รายละเอียดของแถลงการณ์ มีดังนี้
แถลงการณ์สมัชชาคนจน
อำนาจที่ยึดมาจะมีค่าเมื่อใช้แก้ปัญหาคนจน
ณ สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
------------------------------------------
หลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (คปค.)เข้ายึดอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ที่ผ่านมา ทำให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยยุติลง และทำให้การปกครองของประเทศอยู่ภายใต้อำนาจกระบอกปืนของทหารอีกครั้งหนึ่ง
รัฐธรรมนูญ ปี ๒๕๔๐ ที่เคยเป็นหลักประกันในสิทธิเสรีภาพของประชาชน ถูกฉีกทิ้งทันที และมีการออกประกาศของ คปค. ที่ห้ามการชุมนุมทางการเมืองเกิน ๕ คน รวมถึงการประกาศใช้กฎอัยการศึกษาทั่วประเทศ เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะคนจนทั้งในเมืองและชนบทที่มีข้อขัดแย้งกับนโยบาย และโครงการพัฒนาของรัฐอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิ เพราะเมื่อสิทธิในการชุมนุมหายไปคนจนก็ไม่มีช่องทางในการปกป้องผลประโยชน์ของตน
รูปธรรมที่ปรากฏคือหลังการยึดอำนาจ การแก้ไขปัญหาของชาวบ้าน เขื่อนราศีไศล เขื่อนหัวนา ที่กำลังดำเนินไปด้วยดีก็ยุติลงทันที ขณะที่ผู้นำชาวบ้านเขื่อนปากมูลถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐติดตามการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด แม้ว่าไม่มีการข่มขู่ แต่ก็ทำให้เกิดความหวาดกลัวไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปรกติสุข
สำหรับการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ที่ขีดเขียนเส้นทางการสืบทอดอำนาจของคณะผู้ก่อการอย่างถาวร ผ่านกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ ก็ประจักษ์ชัดแจ้งแล้วว่าเป็นการออกแบบเพื่อสรรหาสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ เป็นการเปิดช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมแบบเทียมๆ ความจริงกรอบการสรรหาอยู่ในขอบเขตที่จำกัด และกระบวนการคัดเลือกต่อไปล้วนอยู่ในเงื้อมมือของ คปค.ที่แปลงร่างเป็น คมช.ในปัจจุบัน จนกล่าวได้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับต่อไปจะออกมาอย่างไร คมช.เป็นผู้กำหนด
ส่วนนายกรัฐมนตรี ที่ คมช.คัดเลือกให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้าดำรงตำแหน่ง เป็นภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาสื่อมวลชน แต่เส้นทางการเข้าสู่อำนาจในตำแหน่งดังกล่าว ขัดต่อหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย มิได้เป็นตัวแทนอันชอบธรรมที่มาจากประชาชน ด้วยเหตุนี้ นายกรัฐมนตรี จึงไม่มีความชอบธรรมใดๆที่จะใช้อำนาจในฐานะตัวแทนประชาชน
แต่ด้วยฐานะนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้นำรัฐบาล กุมอำนาจรัฐในการบริหารประเทศมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของประชาชน แม้มีเบื้องหลังมาจากกระบอกปืน ก็ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบต่อการแก้ปัญหาของประชาชนดังนั้น สมัชชาคนจน จึงเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกกฎอัยการศึก คืนสิทธิขั้นพื้นฐานให้กับประชาชน และเปิดการเจรจาแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจนอย่างเป็นทางการ โดยให้นายกรัฐมนตรี เปิดการเจรจาเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาสมัชชาคนจน ก่อนที่จะสั่งการให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาเจรจากับตัวแทนชาวบ้านสมัชชาคนจนเป็นรายกรณีให้ได้ข้อยุติและนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
กระบวนการดังกล่าวเป็นการเปิดพื้นที่ทางการเมืองให้ชาวบ้านได้ใช้ประชาธิปไตยทางตรงในการแก้ไขปัญหาของตน และสร้างบรรยากาศความเป็นประชาธิปไตยในสังคมไทย เป็นต้นแบบในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของตนจนที่เป็นคนส่วนใหญ่ของแผ่นดินต่อไป ที่สำคัญจะเป็นการทำให้อำนาจในมือของท่านมีค่ามากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ด้วยความเชื่อมั่นในพลังประชาชน
สมัชชาคนจน
เอกสารประกอบ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)