Skip to main content
sharethis

ประชาไท - วานนี้ (4 ธ.ค.2549)  พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก กล่าวถึงการปรับโครงสร้างกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และในฐานะผอ.รมน. ให้ปรับในหน่วยที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงที่สังกัด กอ.รมน. โดยให้ยกระดับตัวแทนจาก 5 หน่วยงานอิสระที่เข้ามาอยู่ใน กอ.รมน. คือ ตัวแทนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นที่ปรึกษา กอ.รมน. แทนที่จะไปอยู่ในระดับเดียวกันกับกองทัพบก และตัวแทนจากทุกกระทรวงที่จะมาอยู่ร่วมกันเป็นศูนย์ประสานงานความมั่นคง เพื่อดูแลปัญหาต่างๆ โดยหลังจากปรับปรุงโครงสร้างเสร็จก็จะนำเรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะเริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 ม.ค.2550


 



เมื่อถามว่า กอ.รมน. กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงโครงสร้างทำให้เกิดปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง พล.อ.มนตรี กล่าวว่า ในทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่ของกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) กับ กอ.รมน. เป็นเจ้าหน้าที่ในส่วนเดียวกัน แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนเพื่อไปลงในศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกองกำลังผสมพลเรือน ตำรวจ และทหาร (พตท.43) ดังนั้น การปฏิบัติงานต่อเนื่อง แต่จะดีขึ้นเมื่อถึง 1 ม.ค.2550 เพราะ ศอ.บต.จะเป็นหน่วยงานที่มีรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา ประชาชนเดือดร้อนไม่รู้ว่าจะไปแจ้งที่ไหน โดย ศอ.บต.ใหม่จะมีหน่วยงานด้านความยุติธรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เน้นในเรื่องการใช้กฎหมายอย่างเป็นเอกภาพ และเป็นธรรมกับทุกคน ไม่ใช่ดับเบิ้ลสแตนดาร์ด ซึ่งตรงนี้จะแก้ไขปัญหาในอดีตได้


 



"ในที่ประชุม พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธาน คมช. ได้กำชับให้แม่ทัพภาคที่ 4 ให้ทำยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาภาคใต้ระยะยาว ตั้งแต่ปัจจุบันถึงอนาคตว่ากองทัพภาคที่ 4 จะทำอะไรบ้าง และกำชับให้กองทัพภาคที่ 4 ดูแลปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้โดยเร็ว โดยปรับยุทธวิธีปฏิบัติการให้เพิ่มการจรยุทธ์และลาดตระเวนมากขึ้น สำหรับครูนักเรียนชุมชนไทยพุทธก็ให้เพิ่มความเข้มข้นในการดูแล แต่สิ่งสำคัญคือให้เขาสามารถดูแลตนเองได้ โดยเน้นการป้องกันตัวเองเป็นหลัก นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการให้กรมการทหารช่างเข้าไปดำเนินการซ่อมแซมถนนสายยะลา - นราธิวาส บริเวณสามแยกหนองจิก ที่เอกชนก่อสร้างเสร็จบางส่วน แต่ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากเกรงเรื่องความปลอดภัย ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากเส้นทางนี้" พล.อ.มนตรี กล่าว



 


พล.อ.มนตรี กล่าวอีกว่า บังเอิญ นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผอ.ศอ.บต. ซึ่งเป็นเพื่อนเรียน วปอ.ด้วยกัน ก็ได้คุยกันว่า องค์กรจะดีอย่างไรก็แล้วแต่ แต่หากคนในองค์กรไม่ดีก็จะมีปัญหา ซึ่ง ผอ.ศอ.บต. ได้เน้นเลือกตัวบุคคลที่เป็นคนดี และมีความสามารถลงไปแก้ไขปัญหา แต่ทุกอย่างจะต้องใช้เวลา เพราะปัญหาปล่อยมาเป็นเวลานานจึงจะต้องใช้เวลาแก้ไขปัญหา เมื่อถามว่า ทหารพราน 30 กองร้อยจะเริ่มทำงานได้เมื่อไหร่ พล.อ.มนตรี กล่าวว่า หน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ได้สรุปว่า ในวันที่ 15 ม.ค.2550 จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะขณะนี้ได้ทำการฝึกเรียบร้อยแล้ว วันที่ 15 ธ.ค.นี้ จำนวน 10 กองร้อยจะทำการ และ 20 กองร้อยจะครบในเดือนเมษายน ซึ่งจะบรรจุบุคคลเป็นทหารพราน และฝึกในชั้นต้น ซึ่งกำลังทหารพรานเมื่อลงไปปฏิบัติหน้าที่ก็จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะประชาชนจะได้มีที่พึ่ง



 


เมื่อถามว่า เห็นด้วยกับคนไทยพุทธที่หยิบอาวุธมาป้องกันตนเองจากผู้ก่อความไม่สงบ พล.อ.มนตรี กล่าวว่า เห็นด้วยเพราะตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน เนื่องจากเป็นพื้นที่กว้างขวางกำลังทหารไม่สามารถที่จะลงไปดูแลได้อย่างทั่วถึง ดังนั้นการพึ่งตนเองเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากได้รับการฝึกไปบ้างแล้ว ทหารก็จะไปเป็นพี่เลี้ยงในการระวังป้องกัน การสร้างฐานที่มั่น หากถอยกลับหรือทิ้งถิ่นฐานก็จะเข้าล็อคกับผู้ก่อความไม่สงบที่จะเข้ามายึดพื้นที่ทันที ดังนั้นจะต้องดูแลตัวเอง



 


เมื่อถามว่า จะมีการปักธงรัฐปัตตานี และร้องเพลงชาติในบางพื้นที่ กองทัพดูแลเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.มนตรี กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบยังไม่มีตามที่ระบุว่าในวันที่  2 ธ.ค.2549 จะก่อเหตุใหญ่ พร้อมกับปักธงชาติรัฐปัตตานี ซึ่งก็ไม่ได้เกิดขึ้น ทางทหารเราก็เข้มงวดเป็นไปตามที่ นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย ระบุว่า แม้แต่ธงเดียวก็จะยอมไม่ได้ เพราะธงที่จะชักขึ้นเสาจะต้องเป็นธงชาติไทยเท่านั้น



เมื่อถามว่า ค่อนข้างแปลกใจหรือไม่ว่าเหตุใดจึงมีการก่อเหตุยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง พล.อ.มนตรี กล่าวว่า ไม่แปลกใจอะไร เพราะผู้ใหญ่หลายคนให้เหตุผลว่า ทางรัฐบาลได้ดำเนินการมาถูกทางแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่นายกรัฐมนตรีกล่าวขอโทษคนไทยมุสลิม การฉีกบัญชีดำ และปล่อยผู้ต้องหาคดีตากใบ เพื่อให้ทุกคนได้กลับมาพัฒนาประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้มีความหวังว่ารัฐบาลให้การดูแล รวมถึงการประกาศ 3 จังหวัดชายภาคใต้ เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะเห็นได้ว่าฝ่ายรัฐบาลจะได้มวลชนกลับมา เหตุการณ์ที่ผ่านมากลุ่มก่อความไม่สงบแสดงศักยภาพเพื่อดึงมวลชน



 


เมื่อถามถึงการพิจารณา พ.ร.บ.ความมั่นคงแห่งชาติ พล.อ.มนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีต้องรอการพิจารณาก่อน ซึ่งที่ผ่านมาได้เสนอไปและตกไป ทางฝ่ายกฎหมายกำลังร่างขึ้นใหม่ อย่างไรก็ตามตนอยากฝากว่าเรามีปัญหาของประเทศชาติมากมาย โดยเฉพาะปัญหาภาคใต้ ซึ่งทุกคนห่วงใยในฐานะคนไทยด้วยกัน แต่ถ้าเรามาสร้างปัญหาด้านอื่น รัฐบาล และกองทัพ จะได้เอาเวลาไปดูแลปัญหาภาคใต้ให้มากขึ้น ซึ่งจะได้ไม่สิ้นเปลื้องงบประมาณ เพื่อจะได้เอางบประมาณ และสติปัญญาไปแก้ปัญหาภาคใต้ ซึ่งปัญหาในประเทศขณะนี้มีขั้นตอน มีจังหวะตามที่ประกาศไปแล้วว่า เมื่อร่างรัฐธรรมนูญเสร็จก็จะมีการเลือกตั้งเพื่อจะได้เริ่มต้นกันใหม่ เพราะเราไม่อยากให้เกิดความไม่สงบใดเกิดขึ้น เพราะเป็นการถ่วง ดังนั้นกองทัพอยากรับศึกด้านเดียว ไม่อยากให้มีปัญหาภายในเพราะในห้วง 1 ปี ซึ่งเป็นปีมหามงคล ในฐานะที่เป็นคนไทยรักในหลวง ก็ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งภายในชาติ เพื่อให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ลงไปพัฒนาภาคใต้ เพื่อจะได้เริ่มต้นกันขึ้นมาใหม่กับรัฐบาลใหม่ เพื่อประเทศชาติจะได้เดินไปข้างหน้า



 


 


 


 


ที่มา: http://www.komchadluek.com

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net