Skip to main content
sharethis


ประชาไท- วานนี้ (4 ธ.ค.) เวลา 16.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2549 โดยมีพระราชดำรัสแก่คณะบุคคลที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ความว่า

 

"ขอขอบใจที่ท่านทั้งหลายมาให้พรในวันนี้ และที่นายกฯ ได้กล่าวคำให้พร ซึ่งนับว่าเป็นคำให้พรที่ให้กำลังใจ ต้องมีกำลังใจอย่างเสมอ เมื่อครู่นี้ไม่ได้ลุกขึ้น เพราะว่ากำลังใจอาจจะมี แต่กำลังกายมันไม่มี ฉะนั้นก็ไม่ลุกขึ้น ถ้าลุกขึ้นก็เสียกำลังกายเปล่าๆ แต่ท่านก็เข้าใจ

 


ที่ว่าอย่างนี้ เพราะว่าจะต้องรักษากำลังกายไว้ให้ดี กำลังกายไม่ค่อยดี ด้วยเหตุว่าการออกกำลังนี้เกินสมควรที่จะมีทางที่จะมีกำลัง ก็เลยต้องประหยัดกำลัง แต่ในเวลาเดียวกัน ถ้ามีกำลังกายไว้ ก็เข้าใจว่าจะมีประโยชน์ เพราะว่าชาติบ้านเมืองต้องใช้กำลังกายและกำลังจิตใจด้วย อย่างท่านนายกฯ ต้องออกกำลัง

กายและกำลังจิตใจ คนก็ได้เห็นทั้งนั้นว่าได้ประโยชน์ เลยต้องอธิบายนิดหน่อย


 

แต่การที่มีกำลังใจ กำลังกายนี้ จะต้องให้ทุกคนได้ร่วมกันช่วยกัน ร่วมกันออกกำลังกายกำลังใจ เพื่อให้ชาติบ้านเมืองรอดพ้นอันตรายได้ คนเอะอะเดี๋ยวนี้ ล้วนให้รัฐบาลต้องทำ ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ค่อยมีกำลัง เพราะว่ารัฐบาลนี้แก่มาก...ความจริงความแก่เป็นกำลัง ข้าพเจ้ายังไม่ถึง 78 จะ 79 ยัง 78 พรุ่งนี้ถึงจะเป็น 79 และก็ยังไม่ถึง 80 เอะอะอะไรก็บอกว่า 80 คนที่อายุ 80 ท่านมีกำลังมาก นายกฯก็ยังไม่ 80 นายกฯมีกำลังมาก แต่ข้าพเจ้าอีกไม่กี่วันก็จะเข้าปี 80


 

80 นี้นับว่ามาก ความจริงคนที่อายุ 80 เชื่อว่ามีกำลังที่จะปฏิบัติงานได้เข้มแข็งไม่น้อย เพราะฉะนั้นที่พูดเริ่มต้นนี้ ดูท่าทางเหมือนน้อยใจ แต่ว่าอายุมาก  ถ้าอายุมากขึ้น มันก็เป็นประโยชน์ ได้เปรียบ คนไหนที่อายุน้อยๆ เสียเปรียบ เพราะไม่มีความรู้ เรียกว่าคนที่อายุน้อยๆ เป็นคนที่เซ่อ เป็นคนที่ไม่มีความสามารถ


 

ฉะนั้นคนที่มีอายุมากๆ เป็นคนที่ได้เปรียบ เพราะว่าถ้าใช้คุณสมบัติของคนที่มีอายุ แล้วก็มีประสบการณ์ ก็ต้องถือว่าเป็นคนที่ได้เปรียบ แล้วคนที่อายุน้อย อาจจะดูถูกคนที่อายุมาก ก็มีปมด้อยนั่นเอง คนที่อายุน้อยๆ แล้วไม่มีความสามารถ ก็เลยต้องดูถูกคนที่อายุมาก


 

แต่ก็ขอบอกว่า คนที่อายุมาก ถ้ารักษาความดี รักษาคุณสมบัติ คุณธรรม ก็ได้เปรียบคนที่อายุน้อย และในประเทศชาติ ถ้ามีคนที่มีอายุมากและได้เปรียบ ชาติบ้านเมืองจะก้าวหน้าได้ ถ้ามีแต่คนเด็กๆ ที่ดูแล้วไม่มีความสามารถนัก ชาติบ้านเมืองก็ไม่ก้าวหน้า

 


พูดอย่างนี้ ท่านผู้ให­่ก็อาจจะบอกว่า นี่แหละ...คนที่อายุมากมีประโยชน์ แต่คนที่อายุมาก แต่ว่าไม่ใช้ความได้เปรียบของความอายุมากนั้น ก็เป็นเด็ก เป็นคนที่เยาว์ในความคิด และอันตรายมาก มีคนที่เขาบอกว่าเขาแก่แล้ว แล้วน้อยใจว่าแก่ คนอย่างนี้เป็นคนที่ไม่เป็นผู้ให­่ และคนที่ไม่เป็นผู้ให­่ ทำให้บ้านเมืองล่มจมได้ มัวแต่ไปน้อยใจว่าอายุมาก แก่ แล้วก็ไม่ใช้ความอายุมากให้เป็นประโยชน์ นี่น่าอนาถ

 


ถ้ามัวแต่บอกว่าเราแก่ แล้วก็น้อยใจว่าแก่ ไม่มีดีแน่ เพราะแสดงให้เห็นว่าแก่จริงๆ ที่เรียกว่า หงำเหงอะ ที่บอกว่าตัวแก่ แล้วไม่ใช้ความแก่ ความชรา ความก้าวหน้าของจิตใจที่อายุมาก ที่มีประสบการณ์มาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและต่อส่วนรวม ถ้าคนที่อายุมาก ใช้ความอายุมากเป็นประสบการณ์ คนมีประสบการณ์นั้นช่วยคนอื่นได้มาก


 

ถ้าคนที่อายุมาก ใช้ความอายุมากเป็นประสบการณ์ คนมีประสบการณ์ช่วยคนอื่นได้มาก เพราะว่าคนที่ยังไม่มีประสบการณ์ทำให้บ้านเมืองเป็นทุกข์ได้ เพราะคนก็เชื่อว่าคนนี้อายุมาก นั่นน่ะเป็นคนหงำเหงอะ เป็นคนไม่มีประสบการณ์ คนที่มีอายุมาก มีประสบการณ์ จะมีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน แต่ก็มีประสบการณ์ ได้เล่าเรียนมามากหรือน้อย แต่ก็มีประสบการณ์ ประสบการณ์นี้ช่วยให้ส่วนรวมก้าวหน้าได้ ในระยะเหล่านี้ดูว่าคนที่ไม่มีประสบการณ์ แล้วก็แก่ ได้ทำให้บ้านเมืองล่มจมไปเยอะ

 


ฉะนั้น ขอให้คนที่เขาว่าว่าแก่ แต่มีประสบการณ์ แล้วมีประสบการณ์ที่ดี ทำให้บ้านเมืองดำเนินงานไปได้ ขอให้ผู้ที่แก่ ได้มีความสำเร็จในงานการ ก็เชื่อว่าเป็นสิ่งที่สำคั­


 

เมื่อพูดถึงแก่นั้น ผู้อายุมาก อายุน้อย มีคนที่รู้สึกว่ากระทบกระเทือนอยู่บ้าง เพราะเขาบอกว่าแก่ ตอนที่มีการตั้งรัฐบาล ก็ตั้งมั่นได้ดี โดยคนตั้งใจที่จะทำงาน ที่จะพยายาม ก็ไม่ทราบว่าได้ตั้งใจจริงๆ หรือไม่ แต่ว่าคนแก่เนี่ย ขึ้นมาเป็นผู้ให­่ หรือเป็นตำแหน่งให­่ ก็ไม่ได้ต้องการอะไรของตัว ไม่ได้มีความโลภว่าจะต้องการตำแหน่ง แต่เห็นว่าต้องมีคนที่อยู่ในตำแหน่งสูง ผู้ที่อายุมากก็ยอมรับ เขาจะว่าแก่หงำ ก็ไม่มีใครว่า


 

ผู้ที่ได้รับตำแหน่งรัฐบาล หรือตำแหน่งที่สำคั­ๆ เพราะว่าได้ทำมามากแล้ว ที่เขาว่าแก่ ตรงข้าม ก็คงต้องถือว่าเป็นคำชมเชย ว่าอุตส่าห์ แก่แล้วควรจะพักผ่อนได้ ไม่เอา เขาขอให้เป็นก็เป็น นี่เป็นสิ่งที่น่าชมเชย แต่คนที่คิดว่า อาจจะเป็นมาจากความอิจฉาก็ได้ อิจฉาก็ช่างเขา เพราะว่างานก็ทำไม่ได้  คนที่รับเป็น เข้าใจ เดาใจว่า ถ้าสมมติว่าทำขึ้นมา แล้วก็ทำไม่ได้ ก็บอกว่าไม่ได้  เพราะว่าไม่เคยเป็น ไม่เคยทำหน้าที่อย่างนี้ ก็ทำเท่าที่ทำได้ แต่เชื่อว่าทำได้ เพราะว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์

 


ในวันที่มารับรับตำแหน่ง มีข้อสังเกตอย่างหนึ่ง มารับตำแหน่งในเวลาที่เป็นระยะที่เดือดร้อน ไม่ใช่เรื่องการเมือง ไม่อยากพูดการเมือง เบื่อแล้ว ไม่อยากพูด แต่ว่าน้ำมันท่วม เขาว่าน้ำมันลงมามาก แล้ววันนั้นก็บอกว่า ความจริงไม่มากเท่าที่เคย รู้สึกท่านรัฐมนตรีต่างๆ ก็ทำหน้าเหรอ ว่าจริง น้ำมันน้อย น้ำไม่น้อย น้ำลงมา แต่ไม่มากเท่าที่เคย

 


มา 2 -3 วันนี้เองคนที่เขารู้เรื่องน้ำ ก็มาบอกว่าจริง ปีนี้น้ำที่หล่นมาจากฟ้ามันน้อยกว่าปี 2538 น้อยกว่าจริงๆ เราก็พูดเพราะว่ามีประสบการณ์ว่า จำได้ว่าน้ำเมื่อปี 2538 มากจริงๆ แต่น้ำลงมาไม่มากเท่าปี 2538  ผู้ที่เชี่ยวชา­มาดูเกี่ยวข้องกับน้ำลง น้ำน้อยกว่าปี 2538

 


แต่ว่าปีนี้ร้ายแรงกว่า เพราะว่าบริหารน้ำไม่ดี  คำว่าบริหารน้ำ หมายความว่า ถึงเวลาจะปล่อยน้ำลงไป ถึงเวลาที่จะต้องกักน้ำ ไม่ทำ ปีนี้ถ้ากักไว้ ปล่อยในเวลาที่ถูกหลัก ถูกจังหวะ ก็เชื่อว่าไม่ท่วมเท่าเป็นอยู่ แต่ยังไม่ช้าเกินไป อีก 2-3 วันข้างหน้า จำเป็นที่จะต้องบริหารน้ำ

 


วันนี้ ที่เอารถนี้มา ไม่ใช่ว่าเอามาเข็นสนุกๆ ในนี้มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับ 2- 3 วันข้างหน้า น้ำจะมากแค่ไหน น้ำจะขึ้น-ลงมากกว่าปี 2538 แต่ที่ดูในปีนี้แก้ไขได้ คือบริหารน้ำให้ไม่ท่วมได้ เพราะว่าเรามีอุปกรณ์ที่สมัยใหม่ ที่จะทำให้น้ำลดลงไป หายไปได้ดีกว่าปี 2538  ปีนี้หลายแหล่งก็ทำได้ โดยเฉพาะแม่น้ำเจ้าพระยานี่เอง ตรงปลายแม่น้ำเจ้าพระยา เรารู้เวลาน้ำขึ้น ก็กั้นเอาไว้ ไม่ให้น้ำมันขึ้นมาท่วม อันนี้พูดถึงเฉพาะกรุงเทพฯ ถึงเวลาปล่อยก็ปล่อยได้

 


โดยเฉพาะเป็นอุปกรณ์ที่มีอยู่แล้ว คือที่พระประแดง ที่มีอุปกรณ์เวลาน้ำขึ้น แล้วพอเวลาน้ำลง ปล่อยให้ลง คือที่คลอง...จำชื่อไม่ได้แล้ว ได้ทำโครงการที่จะปล่อยน้ำออกไปได้ เวลาน้ำลง แล้วก็เวลาน้ำขึ้น ก็ปิดเอาไว้ ตรงนั้นคลอง 600 เมตร ถ้าเปิดทะลักเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อปิดน้ำจะอ้อมไปคลองเตย อ้อมไป

 

อันนี้คือวิธีที่จะบริหารน้ำให้ดี ให้ทราบว่า เวลาไหนน้ำกำลังขึ้น ปล่อยให้ออกไป ต้องเปิด กว่าจะถึงตรงปลายน้ำก็ลง เพราะน้ำขึ้นเป็นเวลา น้ำลงเป็นเวลา แต่ว่าเวลาน้ำขึ้น และในนี้มีจริง เขียนเอาไว้ว่าขึ้นเวลานั้นๆ สูงขึ้นมา 2 เมตรกว่า เวลานั้นน้ำลงไป ก็ต้องลงไป ทำให้เป็นจังหวะ ถ้าไม่เป็นจังหวะ เปิดประตูน้ำเวลาน้ำขึ้น มันก็ทะลักเข้ามา ก็อาจจะท่วมได้ น้ำอาจจะท่วมสูงกว่า 2 เมตร แต่ว่าถ้าเราปิดในเวลานั้น น้ำก็ไม่ทะลัก เวลาน้ำลงก็ปล่อย ก็หมายความว่าต้องให้ถูกต้อง มันเป็นเวลา ถ้าทำเป็นเวลาแล้ว น้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ

 


เดี๋ยวนี้กรุงเทพฯก็ถูกท่วม แต่ว่าถ้าไม่ทำให้ถูกต้องถูกเวลา ถ้าฝนตกด้วย เดี๋ยวนี้ไม่ได้ฝนตก ฝนตกน้ำท่วม ถ้าน้ำท่วมรถแล่นไป รถก็จมน้ำ

 


ฉะนั้นผู้ที่มีหน้าที่ไม่ได้ทำ แต่ตอนนี้เขาต้องทำ บอกเขา เขาทำให้ ปล่อยน้ำเวลาน้ำมันลง น้ำขึ้นก็กักเอาไว้ มีทุกอย่าง มีแห่งเดียวที่มีอุปกรณ์แล้ว ที่อื่นก็ควรจะทำ รอมาหลายปีแล้ว ทำแถวสมุทรสาครจะทำได้ แต่ต้องลงทุนไม่ใช่น้อย ข้อสำคั­ต้องลงแรง ตามคลองชายทะเลก็เคยมี เมื่อปี 2538 ส่งองครักษ์ไปดู ไปดูส่วนมากก็ต้องไปตอนกลางคืน เห็นคนนอนหลับสบายที่ชายทะเล ปกติไปทางใต้ เพราะว่าจะเปิดไหม เพราะว่าเขาไม่ได้บอกให้เปิด ก็ไม่เปิด ปิดหรือเปล่า เขาไม่ได้บอกให้ปิด น้ำทะลักเข้ามาก็ท่วมในคลอง คลองก็มาท่วมในกรุง จากชายทะเล แต่ถ้าทำถูกจังหวะ น้ำไม่เกิน

 


ตอนที่ทำทาง กทม.นั้น ก็จะไม่รู้เรื่องว่าจะเป็นอย่างไร คนที่ชายทะเลที่ดูแล ที่นอนสบาย เขาบอกว่าคุณมาจากไหน รู้ได้อย่างไร รู้เรื่องได้อย่างไร น้ำขึ้นจริงๆ นะ เขานึกว่าทำไมมาบอก รู้ว่าขึ้นแต่ไม่ปิด รู้ว่าลงไม่เปิด แล้วเขาถามคุณมีตำแหน่งเป็นอะไร บอกว่าเป็นนายพล  นายพลมาจากไหน มาจากในวัง ก็เลยชัดเจน รู้ ก็เลยเข้าใจว่ารู้เรื่อง ทำไมรู้เรื่อง เขาก็เชื่อ แต่ว่านายไม่เชื่อ นายผู้ให­่ต่างๆ เขาไม่ได้สั่งว่าเวลานั้นเวลานั้นต้องเปิดต้องปิด ที่ต้องเปิดต้องปิดเวลานี้ เพราะว่าน้ำไม่คอยใคร น้ำขึ้นน้ำลง ท่านเป็นทหารเรือ ก็รู้เรื่องว่าน้ำขึ้นลงเวลาไหน ต้องรู้ น้ำขึ้น น้ำลง แล้วช่วยป้องกันไม่ให้น้ำท่วม ตัวเขานอนสบาย แต่ว่าคนที่อยู่ข้างในทุกข์

 


ฉะนั้นเดี๋ยวนี้ยังมีเวลาที่จะแก้ไข ไม่อย่างนั้นถึงปีใหม่น้ำก็ท่วมอีก ก็เลยบอกว่า ท่านที่มีหน้าที่ไปดู ไม่ใช่ที่ไหน ที่พระนคร เห็นประโยชน์ของการกักน้ำไม่ให้ขึ้น ก็ไปดู ที่ไปเมื่ออาทิตย์สองอาทิตย์นี้ สมเด็จพระเทพฯไปดู ต้องไปดูตอนมืด เขาไม่เห็น งานข้าพเจ้าหมดแล้ว 2 วัน 3 วันนี้หมด ก็จะไปดู เพราะว่ายังจำเป็นที่จะดู แต่ว่าเห็นเป็นอย่างนี้ อาจจะไปไม่ได้ ไปไม่ไหว ปวดหลัง ก็เลยไม่ได้ไป

 


แต่ที่ดูมาก็มี สมเด็จพระบรมฯ กับสมเด็จพระเทพฯ ก็ไป แต่บอกว่าดูยังไม่รู้เรื่อง มันต้องมีเรื่องเวลาให้เหมาะสม ให้ถูกต้อง ทางกรมชลประทานบอกว่า ปลายปีก็หมดแล้ว ปลายปีนี้ยังมีอีกเดือน แล้วน้ำฝนก็ยังลง ต้องทำให้ถูกต้อง เพราะเชื่อว่าจะดี ไม่ช้าเกินไป

 


จวนจะหมดฤดูกาลแล้ว แต่ว่ามาพูดเพราะว่าที่ผ่านมาพูดไม่มีใครได้ยิน เสียงมันแหบ วันนี้เสียงนับว่าดี ได้ใช้ยาผีบอก ยาผีบอก ผีเป็นคนปรุงให้...ต้องจิบกินทีละนิด วันนี้เสียงนับว่าดี  ได้แจ้งให้ทราบว่าจะต้องทำอย่างไรสำหรับในเรื่องน้ำท่วม

 


แต่ว่าการที่พูดแล้วก็ไม่ได้พูดมาก เพราะว่าคนพูดมากเกินไปน้ำท่วมทุ่ง กลัวเดี๋ยวน้ำท่วมทุ่งตลอดอ่างทองเลยมาถึงนนทบุรี น้ำไม่ท่วมทุ่ง คนพูดมากจะน้ำท่วมทุ่ง ไร่นาท่วมหมด ไม่ค่อยอยากพูดมากเกินไป พูดมากไป เรื่องอื่นๆ ก็ไม่สำคั­ เรื่องอื่นๆ ที่พูด เราเอาไว้ปีหน้า ปีหน้าน้ำไม่ต้องท่วมทุ่ง เพราะว่านายกฯไม่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าปีหน้าจะไม่อยู่ อาจจะอยู่ก็ได้

 


พูดอย่างนี้เดี๋ยวฝรั่งเขาหาว่า The King นั้นสั่งนายกฯ...ไม่ ไม่สั่ง สั่งไม่ได้ พล.อ.สุรยุทธ์ นี่ใครจะมาสั่งให้ทำอะไร สั่งไม่ได้ เพราะว่าท่านแข็ง แล้วท่านก็ไม่ได้ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า เป็นคนที่มีหลักมีเกณฑ์ ดังนั้นก็ปีหน้าสั่งอะไรไม่ได้แล้ว ปีหน้าท่านก็สบาย ไม่ต้อง นี่แสดงให้เห็นว่าทำอะไรที่ดี เรียบร้อย ก็เชื่อว่าจะทำสำเร็จ เรียบร้อย คงมีบางอย่างที่ทำแล้วรู้สึกไม่แน่ใจว่าทำถูกหรือไม่ถูก แต่อย่างไรก็เชื่อว่าทำด้วยความตั้งใจดี ทำด้วยความตั้งใจแน่วแน่ ก็คงต้องผ่านอีกปี ข้ามปี  แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่า พูดมากเปล่าประโยชน์


 

อย่างนี้ต่อไปเชื่อว่าการปกครอง ขอเพียงท่านได้ทำประโยชน์ ได้ทำทุกอย่างแล้ว แต่ถ้าหากคนไม่เอา ไม่ต้องการตัวอย่าง บอกว่าที่ทำนี่เพราะท่านโง่เขลา คนที่ตำหนิติเตียน ไม่เชื่อว่าคนที่ทำด้วยความตั้งใจ ไม่มีผลประโยชน์ของตัว เป็นของที่สำคั­

 


แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าถ้าหากทุกคนที่มีตำแหน่งที่สำคั­ ต้องทำด้วยความตั้งใจดี ทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ก็ถือว่าบ้านเมืองจะผ่านพ้นอันตรายได้ ต้องเข้าใจด้วยว่าทำไมต้องพูดอย่างนี้ ที่พูดเพราะคนที่ทำมีความตั้งใจดี แต่มีคนที่ไม่ดี ไม่มีความตั้งใจดีก็มี หรือถ้ามีแต่ตั้งใจดี แต่ไม่รู้เรื่อง ก็อาจจะเสียหายได้ ดังนั้นก็หวังว่าทุกคนที่รู้หน้าที่จะได้ทำตามหน้าที่ อายุ 80 จะได้สบายใจ


 

อายุ 80 นี่ พี่สาวเคยบอกว่า ถึงเวลาอายุ 80 ท่านอายุ 84 ท่านไม่ค่อยสบาย ก็เลยต้องพูดถึงท่าน ขอให้ท่านสบายและสำเร็จในการรักษาตัว เดี๋ยวนี้เขาเป็นผู้ให­่ ข้าพเจ้าเหลือคนเดียว ก็คือพี่สาว คนอื่นไม่เป็นผู้ให­่แล้ว


 

แล้วที่ท่านมาให้กำลังใจวันนี้ จะทำให้ข้าพเจ้าทำงานทำการต่อไปได้ มีความรู้สึกว่าคนเป็นรัฐมนตรีเด็กๆ ทั้งนั้น นอกจากอีกแถว นี่แก่ๆ ทั้งนั้น แถวนี้แก่ๆ ทั้งนั้น แต่ส่วนมากเด็กกว่าเรา ประหลาดที่สุด ไม่เคยนึกมีคนเดียวที่แก่ คนเดียวที่แก่กว่า แต่ว่าท่านก็ไม่ยอมแก่ ก็เลยนึกว่าคนที่แก่ แต่ไม่ยอมแก่ ทำงานเข้มแข็งก็ดี ที่แก่แต่ไม่ยอมแก่


 

หวังว่าทุกคนที่ทำงานด้วยความตั้งใจ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ด้วยความรู้ตัวว่า ทำงานด้วยความแก่ ที่ดี ให้สำเร็จ  ประสบความสำเร็จ ขอให้ท่านประสบความสำเร็จในงานของคนแก่ แต่ว่างานที่ถูกต้อง คนที่ทำไม่ถูกต้องไม่ได้ ไม่ให้พร ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จ ในงานการของคนแก่ เพื่อให้ส่วนรวมได้สามารถที่จะปฏิบัติเป็นคนดีอย่างคนแก่ เขาก็ถือว่าเขาก็แก่ แต่ก็ทำงานด้วยความตั้งใจ ก็ขอให้ประสบความสำเร็จเรียบร้อยทุกประการ"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net