ประชาไท - 12 ธ.ค. 2549 พล.ต.พีระพงษ์ มานะกิจ ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) อภิปรายเรื่อง "ปัญหาประชาธิปไตยในแง่มุมการวิเคราะห์โครงสร้างเชิงอำนาจ" ในงานสัมนา "โครงการรวมพลังไทย ก้าวไกลสู่โลกโลกาภิวัตน์อย่างพอเพียง" ณ สโมสรทหารบก จัดโดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาคที่ 1 (กอ.รมน.ภาค 1) เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุในตอนหนึ่งของการอภิปรายว่าฝ่ายการเมืองมองเรื่องความมั่นคงเป็นมิติของการเมือง และเกรงว่าทหารจะมีอำนาจ จึงตัดงบประมาณของทหารในด้านต่างๆ ทำให้การเมืองมีอิทธิพลแทรกแซงการทำงานด้านความมั่นคงมากไป

พล.ต.พีระพงษ์ ระบุด้วยว่า รัฐบาลที่ผ่านมา เข้าใจผิดว่าปัญหาภาคใต้เป็นวิธีการก่อการร้ายธรรมดาๆ หรือเป็นโจรกระจอก ไม่ใช่การแบ่งแยกดินแดน จึงยุบศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) แล้วให้หน่วยราชการลงไปแก้ปัญหา ปรากฏการณ์ไร้ธรรมรัฐจึงเกิดมากขึ้น และมองว่าการตั้ง พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติรรมในขณะนั้นเข้ามาดูแล เป็นการบริหารงานผ่านจิตสำนึกแบบซีอีโอ แต่ไม่มีจิตสำนึกด้านความมั่นคง

เมื่อฝ่ายการเมืองพยายามเลือกคนที่ไว้ใจ ไม่ใช่คนในระบบมาทำงาน ไม่ยอมให้ฝ่าย สมช.หรือฝ่ายเสนาธิการคิด จึงมีอิทธิพลแทรกแซงการทำงานด้านความมั่นคง และที่สำคัญคือ การปรับโครงสร้างองค์กรที่ทำให้ประชาชนในจังหวัดภาคใต้ขาดช่องทางในการร้องเรียนคือการยุบ ศอ.บต.และการยกเลิกหน่วยกำลังผสม พลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ 43 (พตท.43) จึงเป็นการทำลายระบบสายข่าวลงไป

นอกจากนี้ รัฐบาลที่ผ่านมามองมิติการพัฒนาเป็นเรื่องของทุนนิยม จึงจัดงบลงไปเป็นจำนวนมหาศาล แต่ก็แก้ปัญหาไม่ได้ และทำลายหลักเดิมคือ "ยุทธศาสตร์ พัฒนา และความมั่นคง" เพราะแยกความมั่นคงกับการพัฒนาออกจากกัน โดยมอบให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นดูแลความมั่นคง แต่มอบให้นายเนวิน ชิดชอบ ดูแลการพัฒนา จนกลายเป็นปัญหาด้านยุทธศาสตร์เรื้อรัง

ดังนั้น การปฏิรูปการเมืองจะต้องมีกลไกป้องกันการผูกขาดการรวมศูนย์ และป้องกันมิให้กลุ่มทุนเข้ามามีอำนาจทางการเมือง