Skip to main content
sharethis

ประชาไท - 14 ธ.ค. 49 ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามคำพิพากศาลของศาลปกครองกลาง ให้เพิกถอนคำสั่งของอนุญาโตตุลาการ ที่เคยชี้ขาดให้สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ลดค่าสัมปทานให้ไอทีวี จากปีละ 1,000 ล้านบาท เหลือแค่ปีละ 230 ล้านบาท นอกจากนั้นยังให้สปน.จ่ายค่าชดเชยให้ไอทีวี 20 ล้านบาท


 



จากผลคำพิพากษาส่งผลให้ไอทีวีต้องจ่ายให้ สปน. คืนปีละ 1,000 ล้านบาท และไอทีวีต้องปรับผังรายการให้กลับไปเหมือนเดิม คือ สาระต้อง 70 ส่วนบันเทิงแค่ 30 เท่านั้น และไอทีวียังต้องเสียค่าปรับจากการเปลี่ยนแปลงผังรายการในช่วงที่ผ่านมาให้ สปน.ด้วย โดยต้องเสียค่าปรับ 10% ของค่าสัมปทานในแต่ละปีให้ สปน. คิดเป็นค่าปรับประมาณ 7.5 หมื่นล้านบาท


 



มีรายงานเพิ่มเติมว่า ทันทีที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสิน ราคาหุ้นไอทีวีหลังเปิดตลาดภาคบ่ายร่วงลงทันที 26% มาที่ 2.06 บาท อย่างไรก็ตามต่อมามีแรงซื้อเข้ามา ทำให้ราคาหุ้นไอทีวีกระเตื้องขึ้นมาเคลื่อนไหวที่ 2.34 บาท ลดลง 0.46 บาท หรือ 16%


 



ด้าน นายพุทธิศักดิ์ งามเดช ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและระเบียบกลาง สำนักนายกรัฐมนตรี หรือ สปน. กล่าวว่า จะนำผลการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด ที่ตัดสินยืนตามศาลปกครองกลางที่มีคำสั่งให้เพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลการ กรณีพิพาทระหว่าง ไอทีวี และ สปน. ไปแจ้งให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับทราบ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับค่าปรับปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้แถลงในวันวันที่14 ธ.ค.


 



ส่วนกรณี ไอทีวี จะขอเจรจาต่อรองเรื่องค่าปรับ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและระเบียบกลาง สปน.กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ฝ่ายบริหาร คือ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้พิจารณา เพราะเป็นเรื่องใหญ่เกินไปที่จะตอบได้ในขณะนี้


 



ส่วนทางไอทีวีได้ออกแถลงการณ์น้อมรับคำตัดสินของศาลปกครอง และผู้บริหารเตรียมปรับผังรายการใหม่ตามคำสั่งศาลมีผลตั้งแต่เย็นนี้เป็นต้นไป


 



นางเอื้อจิต วิโรจน์ไตรรัตน์ ประธานสถาบันพัฒนาสื่อภาคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองสูงสุด เพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ โดยยืนตามศาลชั้นต้นในคดีไอทีวีว่า กรณีไอทีวี ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้รัฐต้องทบทวนระบบสัมปทานที่มีรัฐเป็นเจ้าของ โดยให้ผู้ทำธุรกิจสื่อมาจ่ายเงินเพื่อทำธุรกิจ เพราะรูปแบบเช่นนี้ ไม่ต่างกับมาเฟียเก็บค่าต๋ง ทั้ง ๆ ที่คลื่นความถี่เป็นทรัพยากรของชาติ อยากให้ใช้โอกาสนี้ตรวจสอบย้อนกลับไปว่า ใครในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้แก้ไขสัญญาให้นายทุนเข้ามาครอบครองไอทีวี ที่เกิดจากการต่อสู้ของประชาชน และนำไปกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ถือว่าผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญม.40 ที่ระบุว่าคลื่นความถี่เป็นทรัพยากรของชาติอย่างชัดเจน


 



"รัฐบาลจะต้องแกะรอยย้อนกลับไปว่า ครม.ชุดไหนตัดสินใจให้ไอทีวีเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอาทรัพยากรของชาติไปเป็นธุรกิจ ต้องเอาผิดมติครม. สมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล และสมัยพรรคไทยรักไทย ปล่อยไอทีวีตกอยู่ในมือเทมาเสกได้อย่างไร งานนี้ต้องมีคนชดใช้ เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายชัดเจน และไม่คำนึงผลประโยชน์ของประชาชน"นักวิชาการผู้นี้ กล่าว


 



ประธานสถาบันพัฒนาสื่อฯ เสนอว่า หากรัฐบาลมีความจริงใจในการปฏิรูปสื่อ จะต้องผลักดัน พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม ที่ถูกดองไว้ในช่วงรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องหาหนทางให้ประชาชนเป็นเจ้าของสื่อโดยไม่ต้องเข้าตลาดหุ้น สำหรับทิศทางของไอทีวีนั้น ควรให้ตัวแทนองค์กร ที่มีเจตจำนงในการปกป้องประโยชน์สาธารณะ เช่น สมาคมนักข่าวฯ สถาบันวิชาการด้านวารศาสตร์ และนิเทศศาสตร์ องค์กรพัฒนาเอกชนที่เคลื่อนไหวเรื่องสื่อ ร่วมกันกำหนดบทบาทไอทีวี ไม่ใช่เรื่องของสำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี กลุ่มเทมาเสก หรือพนักงานไอทีวี เป็นผู้กุมชะตาไอทีวีเท่านั้น


 



ด้านสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ล่าสุดยอมรับคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด  ที่พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ไอทีวีต้องปฏิบัติตามสัญญาเดิม โดยมีสาระสำคัญคือ  การปรับสัดส่วนผังรายการให้กลับไปเป็นรายการสาระร้อยละ 70 และรายการบันเทิงร้อยละ 30  รวมทั้งปรับผังรายการช่วงไพรม์ไทม์เป็นรายการประเภทข่าวและสาระประโยชน์ 


 


นายนิวัฒน์ธำรง  บุญทรงไพศาล  ประธานกรรมการบริหารได้กล่าวว่า  "สถานีโทรทัศน์ไอทีวีน้อมรับคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด และจะปฏิบัติตามในทันที  โดยไอทีวีจะปรับผังรายการในช่วงไพรม์ไทม์เวลา 19.00   21.30  น. ให้เป็นไปตามสัญญาเดิมคือ  เป็นรายการข่าว และสาระประโยชน์   โดยเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม 2549  อย่างไรก็ดี  ในช่วงที่ผ่านมา  ไอทีวีได้นำเสนอรายการประเภทข่าวและสาระร้อยละ 65  และรายการประเภทบันเทิงเพียงร้อยละ 35 เท่านั้น ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงรายการในช่วงไพรม์ไทม์จึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการของไอทีวีมากนัก "


         


สำหรับรายการที่ปรับเปลี่ยนตามผังใหม่ในช่วงไพรม์ไทม์  คือ ละครสำหรับครอบครัว "นรสิงห์"จะนำเสนอในเวลา 18.00 น.  ข่าวภาคค่ำ 18.30   20.00  น. รายการเศรษฐีความรู้ 20.10   20.40  น.   และรายการไอทีวีฮอตนิวส์  20.40   21.40  น.  ส่วนรายการละครภูตพยาบาท จะเปลี่ยนมานำเสนอในช่วงเวลา 21.40 น.แทน  ส่วนรายการอื่นๆ  ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด


 


ผังรายการใหม่ช่วงไพรม์ไทม์ของไอทีวี  เริ่ม 14 ธันวาคม 2549


เวลา                  ายการ


18.00  - 18.30   ละครครอบครัว "นรสิงห์"


18.30  - 20.00   ข่าวภาคค่ำไอทีวี


20.00  - 20.10   ข่าวในพระราชสำนัก


20.10  - 20.40   เศรษฐีความรู้


20.40  - 21.40   ไอทีวีฮอตนิวส์


21.40  - 22.10   ละคร ภูตพยาบาท


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net