Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

พิณ พัฒนา


 



 


"คดีนี้จึงเป็นคดีที่สกปรกโสมมที่สุดในบรรดาที่เคยมีมา เพราะจำเลยเป็นผู้มีศีลธรรมเสื่อมอย่างมหันต์"


 


นั่นคือความเห็นของอัยการ ที่มีต่อคดีฆาตกรรมที่ "เมอโซ" ตัวละครเอกของเรื่อง L'Étranger หรือ คนนอก ของอัลแบร์ กามู เป็นจำเลย


 


"คนนอก" (L'Étranger ) (1942)ได้ชื่อว่าเป็นบทประพันธ์เรื่องเด่นของอัลแบร์ กามู (1913-1960) ต้นฉบับเป็นภาษาฝรั่งเศส เมื่อมีคนนำมาแปล ชื่อเรื่องถูกแปลเป็น The Stranger ในฉบับอเมริกัน และถูกแปลเป็น The Outsider ในฉบับอังกฤษ ซึ่งไม่ว่าชื่อเรื่องจะถูกแปลว่าเป็น คนนอก หรือ คนแปลกหน้า แต่ก็ล้วนส่อความหมายถึงตัวเอกของเรื่อง ที่ชื่อ เมอโซ (Meursault)


 


"ฉันไม่ใช่คนที่นี่ และไม่ใช่คนที่อื่นใดด้วย โลกเป็นเพียงทัศนียภาพแปลกตาซึ่งใจฉันไม่อาจยึดอิงเป็นที่พำนักพักพิงได้  L'Étrangerใครเล่าจะสามารถล่วงรู้ว่าคำนี้มีความหมายว่ากระไร เรื่อง  L'Étranger นี้จะรับรองว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนแล้วแต่แปลกสำหรับตัวฉัน" กามู เคยพูดถึงชื่อเรื่องๆ นี้เอาไว้ (แปลโดยอำพรรณ  โอตระกูล)


 


เมอโซ เป็นตัวละครชนชั้นกลางระดับล่าง ทำงานเป็นเสมียน เช่าอพาร์ทเมนท์อยู่เพียงลำพัง เป็นคนธรรมดา ง่ายๆ วิถีชีวิตไม่ได้แตกต่างไปจากชาวฝรั่งเศสอื่นๆ สิ่งเดียวที่แปลกออกไป เห็นจะเป็นเรื่องศาสนา ที่เขาไม่เชื่อในเรื่องสัญลักษณ์และพิํธีกรรมต่างๆ


 


บุคลิกที่โดดเด่นที่สุดในตัวของเมอโซก็คือ ความตรงไปตรงมา เขาอาจจะไม่เชื่อในพระเจ้า ทว่าเขาไม่โกหกหรือเสแสร้งในสิ่งที่ผิดไปจากตัวเขาและความเป็นจริง และท้ายที่สุด สิ่งนี้ก็นำเขาไปสู่ความตาย


 


0 0 0


 


เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น เมื่อเมอโซทราบข่าวการตายของแม่ ก่อนเสียชีวิต แม่ของเขาอาศัยอยู่ที่บ้านพักคนชรา เขาอาจจะถูกสังคมมองว่า ไม่ใส่ใจแม่เท่าที่ควร อย่างน้อย ก็เห็นได้จากที่เขาให้แม่มาอยู่ที่บ้านพักคนชรา จนเมื่อแม่ตาย เขาปฏิเสธที่จะให้คนเปิดฝาโลงศพเพื่อดูหน้าแม่เป็นครั้งสุดท้าย และในคืนที่เฝ้าศพแม่ เขาสูบบุหรี่ต่อหน้าหลุมศพแม่อีกด้วย และยังดื่มกาแฟใส่นม


 


เสร็จสิ้นพิธีฝังศพในวันศุกร์ วันถัดมาเขาก็ได้พบกับหญิงคนหนึ่ง เธอชื่อ มารี ทั้งสองไปว่ายน้ำและดูหนังด้วยกัน ทั้งสองเริ่มสนิทขึ้นเรื่อยๆ ทว่าไม่ได้มีนิยามความสัมพันธ์ใดๆ ทั้งคู่ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่กามูเล่าผ่านตัวละครเอกอย่างเมอโซ นอกจากกิจกรรมที่ต่างฝ่ายมีต่อกันแล้ว ความปรารถนาในตัวซึ่งกันและกันแล้ว เราเข้าไม่ถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งในรูปแบบความรักแนวโรแมนติกเท่าไรนัก


 


มารีเคยถามเมอโซว่า อยากแต่งงานกับเธอไหม คำตอบของเมอโซก็คือ เฉยๆ จะแต่งก็ได้ มารีจึงอยากรู้ต่อว่า แล้วเขารักเธอไหม เมอโซได้แต่ตอบว่า ความรักนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรเลย เมื่อคนบอกว่า มารี คือเมียเก็บของเมอโซ แต่สำหรับเมอโซแล้ว มารีก็คือ 'มารี' เป็นนิยามที่ดีที่สุด


 


0 0 0


 


เมอโซดูเหมือนจะขี้เบื่อและไม่ค่อยแยแสต่อสิ่งต่างๆ แต่เขาก็เป็นคนช่างสังเกต เขาอาศัยในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง มันทำให้เขาได้รู้จักเรมอนด์ เพื่อนข้างห้องที่คนลือกันว่าเป็นคนเกาะผู้หญิงกิน เรมอนด์ได้มีโอกาสกินข้าวกับเมอโซและเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง


 


"ไม่ใช่เพราะผมเป็นคนเลว แต่ผมเป็นคนรุนแรง" เรมอนด์ระบายให้เมอโซฟัง เขาบอกว่าเขาเลี้ยงดูเมียเก็บชาวอาหรับอยู่คนหนึ่ง และตบตีหล่อนเป็นครั้งคราว เขาไม่ใช่แมงดาอย่างที่ใครๆ ลือกัน และเขากำลังโมโหเพราะสงสัยว่าผู้หญิงกำลังนอกใจ และทำให้อยากลงโทษหล่อน เรมอนด์จึงปรึกษาเมอโซว่าจะทำอย่างไรถ้าเป็นเขา


 


วิธีตอบของเมอโซ ก็คือตอบกลางๆ ว่า คนเราไม่สามารถจะรู้ได้หรอก แต่ก็เห็นชัดว่าเรมอนด์ต้องการลงโทษหญิงคนนั้น สุดท้าย เมอโซลงมือร่างจดหมายฉบับหนึ่งเพื่อด่าว่าหญิงสาวคนนั้นให้แก่เรมอนด์ นั่นทำให้เรมอนด์ประทับใจมาก และถือเมอโซเป็นเพื่อนคนหนึ่ง


 


"สำหรับฉัน การเป็นเกลอกับเขาก็เท่านั้นเอง" เมอโซคคิดในใจ


 


0 0 0


 


แม้จะดูเหมือนว่าเมอโซเป็นคนไม่แยแสกับใครทั้งสิ้น แต่ด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่เล่าผ่านตัวละครเอกอย่างเมอโซ ทำให้ไม่สามารถปักใจเชื่อได้ในทันทีว่า เมอโซไม่ละเอียดอ่อนต่อสิ่งรอบข้าง เช่น เรื่องของตาแก่ซาลามาโนและหมาขี้เรื้อนของเขา


 


ซาลามาโน เป็นเพื่อนข้างห้องในอพาร์ทเมนท์เดียวกัน เขามีสุนัขตัวหนึ่งที่อยู่ด้วยกันมาแปดปี ตลอดเวลาที่ผ่านมา เมอโซรับรู้ได้ว่าซาลามาโนมักจะพาหมาขี้เรื้อนของเขาไปเดินเล่นสองครั้งต่อวัน เป็นกิจวัตรที่ไม่เคยเปลี่ยน ซาลามาโนดูเหมือนจะไม่ดีต่อสุนัขเท่าไร เพราะเขาไม่ยอมให้สุนัขหยุดฉี่ ไม่ยอมพาเดินออกนอกเส้นทาง เมื่อมันฝืนเขาก็จะตีและด่ามันจนมันหมอบด้วยความกลัว


 


เขาได้สุนัขตัวนี้มาหลังจากภรรยาตายได้ไม่นาน ตอนภรรยายังอยู่ ซาลามาโนไม่มีความสุขกับภรรยามากนัก แต่เป็นความคุ้นเคยที่มีต่อกันมากกว่า เมื่อหล่อนตาย เขารู้สึกโดดเดี่ยว จึงขอสุนัขมาเลี้ยง เขาบอกกับเมอโซว่า มันนิสัยไม่ดี บางคราวมันกัดคน แต่มันก็เป็นหมาที่ดีัตัวหนึ่ง


 


วันหนึ่ง ซาลามาโนกระวนกระวายเพราะหมาขี้เรื้อนของเขาหายไป เมอโซจึงแนะนำให้เขาไปที่โรงเก็บสุนัขที่ไม่มีเ้จ้าของ และคงต้องเสียค่าปรับตามธรรมเนียม ซาลามาโนถามว่า ค่าปรับสูงมากไหม แล้วเขาก็โกรธขึ้นมาเองว่า ทำไมเขาจะต้องเสียเงินให้ไอ้หมาหัวเน่านั่นด้วย


 


แต่แ้ล้ว ซาลามาโนก็กลับมาหาเมอโซใหม่อีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ยอมสบตา "ตำรวจเขาคงไม่เอามันไปจากผมหรอกนะ เขาคงคืนมันให้ผมนะ ไม่เช่นนั้น ผมจะทำยังไง" เมื่อซาลามาโนกลับห้องไป เมอโซได้ยินเสียงประหลาดลอดช่องฝากระดาน ทำให้เขารู้ว่า ตาแก่ซาลามาโนร้องไห้ แล้วเพราะอะไรไม่รู้ เขาก็คิดถึงแม่ขึ้นมาในตอนนั้น


 


000


 


เมอโซ มารี และเรมอนด์ ไปเที่ยวทะเลที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง ก่อนออกเดินทาง พวกเขารู้สึกได้ว่ามีกลุ่มชาวอาหรับติดตามอยู่ เรมอนด์คาดได้ทันทีว่า นั่นเป็นพี่ชายของเมียเก็บของเขาที่กำลังมีเรื่องกันอยู่ และพวกเขาได้เจอชาวอาหรับกลุ่มนั้นอีกเมื่อเดินทางไปถึงทะเล สัญญาณชักจะไม่ค่อยดีเสียแล้ว


 


จนเมื่อต้องปะทะกัน เรมอนด์ผู้ซึ่งออกจะรุนแรง เข้าปะทะกับคนกลุ่มนั้น เมอโซซึ่งรู้จักนิสัยเพื่อนดี พูดจาปรามเพื่อนเพื่อให้เหตุการณ์ไม่รุนแรงจนบานปลาย เขาสามารถเอาปืนมาเก็บเอาไว้ที่ตัวได้ แทนที่จะให้เป็นเรมอนด์ที่เป็นคนถือปืนเอาไว้ การปะทะกันครั้งนั้นต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บ แต่ไม่ถึงตาย


 


แต่เวลาผ่านไปไม่นาน โดยไม่มีเหตุผล เมอโซ ออกมาเดินที่ชายหาดเพียงลำพังอีกครั้ง และบังเอิญเจอกับชาวอาหรับกลุ่มเดิม พระอาทิตย์ส่องแสงแรงจ้า ร่างกายที่เหงื่อชุ่ม โดยไม่มีเหตุผลใดอธิบายได้ เขาเหมือนเห็นแสงสะท้อนของใบมีดที่กระทบกับดวงอาทิตย์ มันทำให้เขาคว้าปืนออกมายิงหนึ่งนัดจนอีกฝ่ายล้มลง และยิงซ้ำต่อไปอีกห้านัด


 


แม้ตัวเขาเอง ก็ไม่อาจใช้เหตุผลใดอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้


 


เชื่อว่าชื่อของตัวละคร Meursault น่าจะเป็นสัญลักษณ์บางอย่างที่กามูจงใจ เพราะคำว่า Mer หมายถึงทะเล และคำว่า sault น่าจะมาจากคำว่า Soliel ซึ่งในภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ดวงอาทิตย์ และที่ที่ทะเลและดวงอาทิตย์มาบรรจบกันนั้นเอง ที่เคราะห์กรรมของเมอโซได้เกิดขึ้น


 


0 0 0


 


เรื่อง 'คนนอก'  ปรากฏการตายสามครั้ง ครั้งแรกในตอนเริ่มเรื่องที่แม่เมอโซตายจากไป ถัดมา ในช่วงกลางเรื่อง เป็นปมการตายของชาวอาหรับที่เมอโซเป็นฆาตกรจากการสาดกระสุนใส่เขาห้านัด


 


และนำไปสู่ตอนท้ายเรื่อง เมื่อเมอโซเข้าสู่กระบวนการศาลในคดีฆาตกรรมชาวอาหรับด้วยกระสุนห้านัด แต่คำถามใหญ่ที่เขาต้องเผชิญ กลับเป็นเรื่อง ทำไมเมอโซจึงให้แม่ไปพักอยู่ที่บ้านพักคนชรา ทำไมเมอโซจึงไม่ร่ำลาแม่ที่หลุมศพ ทำไมเมอโซจึงไม่รู้อายุของแม่ ทำไมเขาจึงไม่ร้องไห้ในพิธีศพ


 


"ท่านคณะลูกขุน ในวันรุ่งขึ้นหลังจากวันฝังศพของมารดา ชายผู้นี้ได้ไปว่ายน้ำ เริ่มมีความสัมพันธ์อันไม่สม่ำเสมอกับหญิงคนหนึ่ง อีกทั้งยังมีแก่ใจไปหาความสนุึกสนานโดยการดูหนังตลก ข้าพเจ้าไม่มีอะไรมากกว่านั้นจะบอกท่านแล้ว" อัยการกล่าวต่อศาลขณะพิพากษาคดีนี้


 


ผู้พิพากษา ได้กล่าวกับเขาด้วยฐานความเชื่อของชาวคริสเตียน ว่าไม่มีใครผิดขนาดที่พระเจ้าจะอภัยให้ไม่ได้ แต่เพื่อที่พระองค์จะอภัย เขาผู้นั้นจะต้องสำนึกผิด


 


"ผมไม่เคยเห็นดวงวิญญาณใดชาเย็นเหมือนดวงวิญญาณของคุณ อาชญากรที่มาอยู่ต่อหน้าผมมักจะร้องไห้ต่อหน้ากางเขน ภาพแห่งความทุกข์ของพระองค์เสมอ" ผู้พิพากษากล่าว ทำให้เมอโซคิดในใจและเกือบตอบออกไปว่า นั่นเพราะพวกนั้นเป็นอาชญากร จนเขาเองถึงฉุกคิดได้ว่า เขาก็กำลังถูกเรียกว่าเป็นอาชญากร


 


ทนายของเมอโซ เคยเกลี้ยกล่อมให้เขาแสดงความเสียใจต่อการจากไปของแม่ต่อหน้าศาล แต่เมอโซเลือกจะแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาในแบบที่เขาเป็น ใช่แบบที่สังคมคาดหวังจะเห็น


 


คดีดำเนินไป โดยที่เมอโซมีโอกาสได้มีส่วนร่วมน้อยมาก ดูเหมือนว่าเขากลายเป็นผู้สังเกตการณ์ในคดีที่เขาเป็นจำเลยเอง แต่เขาก็ไม่ลุกขึ้นมาปกป้องหวงแหนชีวิตของตนเอง


 


ไม่อาจแน่ใจได้เลยว่า การลงโทษประหารชีวิตที่เมอโซได้รับ นั่นคือการลงโทษ หรือคืออะไรกันแน่ ในท้ายที่สุด เมอโซ ก็รู้สึกยินดีได้ กับสิ่งที่ตนต้องเผชิญในที่สุด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net