Skip to main content
sharethis

ประชาไท - มูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย และสมาพันธ์ประชาธิปไตย จัดเสวนาเรื่อง "สามเดือนรัฐประหารกับอนาคตสังคมไทย" ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ได้กล่าวถึงที่มาที่ไปของปัญหา และอนาคตของสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองไทย


 


ก่อนกาลรัฐประหาร


รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า โดยภาพรวม จุดเริ่มอาจมาจากรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งยอมรับว่าเป็นฉบับที่ดีที่สุดนับแต่ที่มีมา "แต่มันไม่เพอร์เฟกต์" รศ.ดร.พิชิตยกตัวอย่างความไม่สมบูรณ์ของรัฐธรรมนูญ 2540  ว่า เช่น กำหนดให้ ส..ต้องมีวุฒิปริญญาตรี เป็นต้น


 


เขากล่าวว่า ผลพลอยได้ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทำให้เกิดพรรคการเมืองขนาดใหญ่ และมีอำนาจในการคงสมาชิกพรรค สมาชิกต้องมีวินัยสูงในการทำตามระเบียบพรรค ประกอบกับภาคเศรษฐกิจใหม่ เช่น กลุ่มทุนโทรคมนาคม ก็เข้ามาเล่นการเมือง


 


จากแต่เดิม ที่อำนาจทั้งหลายยังอยู่ในระบบราชการ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่อ่อนแอ แต่แล้วรัฐธรรมนูญ 2540 ก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง กลุ่มทุนใหม่สามารถตั้งพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ใช้เงินซื้อก๊วนการเมือง ก๊วนการเมืองก็เข้าร่วมโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอเพียงให้ได้มาซึ่งตำแหน่งทางการเมือง แต่พอเข้าร่วมเป็นสมาชิกแล้ว ก็ติดเงื่อนไขต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้นๆ 90 วันก่อนการเลือกตั้ง


 


"รัฐธรรมนูญ 2540 จึงทำให้รัฐบาลเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง และก็เป็นที่รู้กันว่า รัฐบาลที่ผ่านมาแทรกแซงองค์กรอิสระ" รศ.ดร.พิชิตกล่าว


 


เมื่อมีพรรคการเมืองซึ่งเป็นกลุ่มทุนใหม่ ช่วง 5 ปีของรัฐบาลทักษิณก็เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ คนในพรรคการเมืองมีวาระของตนเองซึ่งแตกต่างจากแนวคิดของข้าราชการเดิม ซึ่งจุดนี้เองก็ทำให้ข้าราชการจารีตนิยมมองว่า นอกจากจะเบียดขับอำนาจการเมืองให้ไปอยู่ในมือของเขาแล้ว ยังดึงทุนไปด้วย


 


ดังนั้น เมื่อทักษิณได้รับการเลือกตั้งครั้งที่ 2 กว่า 16 ล้านเสียง จึงมีคนบอกว่า เอาไว้ไม่ได้แล้ว


 


 


สามเดือนไม่มีอะไรใหม่


รศ.ดร.พิชิตกล่าวต่อว่า จากนั้นมาก็เกิดการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งฝ่ายความมั่นคง ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ กว่าประชาชนจะรู้ตัวก็ผ่านไปปีกว่า ดังนั้น การที่คณะรัฐประหารอ้างว่าต้องมีการรัฐประหารเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกันในการรวมตัวกันประท้วงวันที่ 20 กันยายน จึงเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะขั้นตอนการทำรัฐประหารจริงนั้น คนทำเองก็ออกมาสารภาพเองว่า ใช้เวลา 7 เดือน


 


"นักการเมืองโกงไม่ได้ถ้าข้าราชการไม่ให้ความร่วมมือ" รศ.ดร.พิชิตกล่าว


 


ทว่า ภายหลังการรัฐประหาร ก็มีความพยายามวางโครงสร้างการบริหารงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ให้ดึงอำนาจการบริหารงานทั้งประเทศมามีแกนกลางอยู่ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ซึ่ง รศ.ดร.พิชิตกล่าวว่า นี่เป็นแบบจำลองของรัฐบาลเผด็จการทหารสมัยซูฮาร์โตของอินโดนีเซีย ที่ให้ทหารลงไปคุมถึงระดับหมู่บ้าน


 


กระบวนการสามเดือนที่ผ่านมา จึงไม่เห็นอะไรใหม่ นอกจากเป็นเรื่องการตามล้างแค้น และเปลี่ยนชื่อนโยบายเสียใหม่


 


 


นับเวลาถอยหลัง เศรษฐกิจเผาจริง


รศ.ดร.พิชิตกล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในเวลานี้ ค่าเงินบาทแข็ง มีสาเหตุเริ่มมาจากเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเริ่มอ่อนแอลง อัตราดอกเบี้ยสหรัฐสูงขึ้น ทำให้เงินทุนที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไหลจากสหรัฐอเมริกาสู่เอเชีย และเมื่อเข้าสู่ย่านประเทศแถบนี้ ประเทศหนึ่งที่น่าลงทุนก็คือประเทศไทย เมื่อเงินบาทแข็งค่าขึ้นก็ทำให้เริ่มมีการเก็งกำไร


 


เขากล่าวว่า นั่นเป็นเหตุที่ทำให้นับแต่รัฐประหาร 19 ก.ย. เป็นต้นมา หุ้นไม่ตก เพราะมีเงินอุ้มเอาไว้ในตลาดหุ้น แต่การเก็งกำไรก็จะมีการตีกลับในสักวัน เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งที่เงินบาทอ่อนค่าลง ก็จะมีการเทขายทันที หากเกิดสถานการณ์เช่นนั้นก็คงได้เผาผีกัน


 


ดังนั้น สิ่งที่ธนาคารแห่งประเทศไทยทำ คือพยายามแทรกแซง ขายบาทและซื้อดอลลาร์ ให้มีการ soft landing หรือการชะลอจอดลงอย่างนุ่มนวล ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกับสิ่งที่พยายามทำเมื่อคราววิกฤติปี 40 แต่ครั้งนั้น ไม่ใช่ soft landing แต่เป็น crash (กระแทกอย่างแรง)


 


เมื่อเงินบาทไทยแข็ง ทำให้การส่งออกมีปัญหา สินค้าที่ได้รับผลกระทบโดยตรงก็คือสินค้าเกษตร เช่น ข้าว นี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมราคาข้าวจึงตก ราคายางพาราก็ตก เพราะประเทศจีนชะลอการซื้อ มันสำปะหลังและข้าวโพดก็อยู่ในสถานะไม่ต่างกัน


 


นอกจากนี้ สินค้าอุตสาหกรรมก็เริ่มมีปัญหา เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ เนื่องจากเจอคู่แข่งเช่นจีน และยังมีเวียดนามซึ่งตั้งโรงงานขึ้นมาแข่ง อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ผลิตไทยย้ายฐานโรงงานไปที่ประเทศอื่น


 


ฉะนั้น การส่งออกของไทยจึงเกิดปัญหา ในทางตรงกันข้าม การนำเข้าจะดี โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือย เสื้อผ้า สินค้าแบรนด์เนม ที่ราคาต่ำลง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไป จะเจอปัญหาการขาดดุลการค้า ที่ผ่านมาเราขาดดุลการค้า แต่ได้รายได้จากการท่องเที่ยวมาช่วย ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องขาดดุลบัญชีเดินสะพัด


 


รศ.ดร.พิชิตกล่าวว่า หากปีนี้ รายได้จากการท่องเที่ยวไม่มาช่วยปะ ทำให้ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดแล้วจะยุ่ง เพราะจะเป็นการจุดชนวนให้ขายบาท เมื่อยิ่งส่งออกไม่ได้ ธุรกิจแย่  ลูกจ้างแย่ เศรษฐกิจการเมืองก็จะแย่ นักธุรกิจ ลูกค้า จะเริ่มรู้สึกไม่ดี


 


ที่สำคัญที่เป็นปัญหาในเวลานี้คือ น้ำท่วม ในปีนี้น้ำท่วมพิเศษกว่าทุกปี เพราะพื้นที่ที่ไม่เคยท่วมก็ท่วม เพราะมีการสูบน้ำเข้าไปท่วมอย่างจงใจเพียงเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมกรุงเทพฯ ทำให้สวนกล้วยไม้ ผลไม้ ไร่นาเสียหาย โดยได้รับเงินชดเชยเพียงไร่ละ 900 บาท


 


รศ.ดร.พิชิตกล่าวว่า ปกติน้ำท่วมเข้าแล้ว น้ำก็ไหลเทออกได้เอง แต่น้ำที่ท่วมจากการสูบน้ำเข้าไป ไม่สามารถเทออกได้อย่างการท่วมจากธรรมชาติ น้ำจึงยังขังอยู่ สร้างความเดือดร้อนมาก ความเสียหายในต่างจังหวัดมหาศาล ทำให้เกิดความไม่พอใจสูง ผู้เสียหายได้รับการชดเชยที่ 900 บาท ซึ่งถึงมือผู้เสียหายหรือไม่ก็ไม่รู้


 


รศ.ดร.พิชิตกล่าวว่า เรื่องโอท็อป (สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์) เป็นเรื่องใหญ่ มันเป็นเส้นทางชีวิตของคนในหมู่บ้าน สินค้าโอท็อปที่มี 4-5 ดาว จะมีรายได้ดี เดิมเขาทำยี่ห้อโอท็อป รัฐบาลใหม่มาบอกว่าไม่เอา เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น 'ผลิตภัณฑ์ชุมชน' ซึ่งมันอะไรก็ไม่รู้ ทั้งที่แบรนด์โอท็อปทำการตลาดไปทั่วโลกแล้ว


 


งานโอท็อปที่เมืองทองทุกปี ตัวเลขรายได้เป็นพันล้าน บูทหนึ่งๆ ได้รายได้ 7-8 แสนบาท เขาทำการผลิตมาทั้งปีเพื่องานนี้ เขาพึ่งเงินทั้งก้อนที่งานเมืองทอง ซึ่งปีนี้ก็มีเช่นกัน แต่ ...  ไม่โปรโมท


 


"นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น คือการตามล้างตามเช็ด แต่ปัญหามี...ไม่แก้"


 


ในช่วงท้าย รศ.ดร.พิชิตกล่าวถึงสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นคือ การเมืองไทยจะค่อยๆ แบ่งออกเป็นสองขั้ว ได้แก่ หนึ่ง คือขั้วที่เอาประชาธิปไตย ยืนอยู่ข้างชาวบ้าน และสอง คือขั้วที่เอาการรัฐประหาร ซึ่งกำลังนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่


 


เขาสรุปภาพรวมอนาคตในช่วงท้ายว่า ด้านเศรษฐกิจก็จะมีการเผาจริง ส่วนการเมืองก็จะไม่สมานฉันท์


 


...............................


 


โหลดฟังการอภิปรายของ พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net