Skip to main content
sharethis

ประชาไท-22 ธ.ค.49 หน่วยข่าวความมั่นคงที่เกาะติดสถานการณ์การก่อความไม่สงบในพื้นที่ เปิดเผยว่าในขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่ากลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ได้มีการเตรียมการในการก่อเหตุในพื้นที่ย่านชุมชนพร้อมกันโดยใช้ไฟสัญญาณจากการจุดพลุไฟสีแดงเป็นการให้แนวร่วมในพื้นที่ก่อเหตุพร้อมกันหลายหลายจุด โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองแต่ละจังหวัด โดยพลุดังกล่าวจะมีการจุดก่อนที่ประชาชนจะจุดในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แต่จะมีการจุดก่อนไม่กี่นาที


               


นอกจากนี้  ยังพบว่า บริเวณแนวพรมแดนด้านอำเภอเบตงจ.ยะลาซึ่งตลอดแนวจนถึงพื้นที่รอยต่อ อำเภอยะหา จ.ยะลา โดยเฉพาะที่หลักเขตแดนที่ 49 C ได้มีการทำสัญลักษณ์ต่างๆไว้ตามต้นไม้จำนวนหลายจุด นอกจากนี้ชาวบ้านที่หาของป่าตามตะเข็บชายแดนไทย - มาเลเซียยังพบกลุ่มกองกำลังของฝ่ายตรงข้ามจำนวน 7 - 8 คนได้เดินลัดเลาะตามเส้นทางแนวพรมแดนอย่างต่อเนื่องในเวลานี้ 


 


ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบล่าสุดหน่วยข่าวความมั่นคงพบว่าได้มีการประชุมที่บ้านแห่งหนึ่งชานเมืองรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซียโดยมีแนวร่วมเข้าประชุมกว่า 20 คนโดยมาจากพื้นที่อำเภอระแงะ จ.นราธิวาส และจังหวัดยะลา ปัตตานี บางส่วน โดยที่ประชุมมีการวางแผนก่อเหตุในห้วงเทศกาลปีใหม่ และ มีการนำวัตถุระเบิด อาวุธปืน มาแจกจ่ายให้แนวร่วมที่เข้าประชุม โดยวัตถุระเบิดหน่วยข่าวความมั่นคงพบว่ากลุ่มก่อความไม่สงบนำมาจากในประเทศมาเลเซีย


 


รายงานข่าวทางลับพบว่าครูฝึกซึ่งเป็นระดับหัวหน้ากลุ่มRKKได้หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่อำเภอธารโต จ.ยะลาหลายคน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กล้าที่จะเข้าไปดำเนินการเชิญตัว เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดม็อบแย่งชิงผู้ต้องหา ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการประชุมหารือเพราะเกรงว่าขืนปล่อยไว้กลุ่มก่อความไม่สงบก็จะมีการหึกเหิมเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้ามาจับกุมในหมู่บ้านที่ได้รับการจัดตั้ง เพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจผ่านสื่อแขนงต่างๆเพื่อให้เห็นว่าทางเจ้าหน้าที่ยังใช้ความรุนแรงกับพี่น้องชาวมุสลิม แต่อีกด้านหนึ่งกลุ่มก่อความไม่สงบใช้แผนก่อม็อบดังกล่าวเพื่อเป็นการสกัดกั้นเจ้าหน้าที่เพื่อการหลบหนีหลังก่อเหตุทุกครั้ง ซึ่งในช่วงนี้จะเห็นว่ามีการก่อม็อบทุกครั้งที่มีการก่อเหตุในแต่ละพื้นที่


 


ทบ.เตรียมส่ง ทหารพรานหญิง ลงใต้ ดูแล-ทำความเข้าใจ "ม็อบผู้หญิง"


พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก ในฐานะหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) เปิดเผยว่า จากการที่กลุ่มก่อความไม่สงบมีการนำเด็กและสตรี มาเป็นเครื่องมือในการก่อเหตุเพิ่มมากขึ้น กองทัพบกจึงได้มีนโยบายในการจัดส่งกองกำลังทหารพรานหญิง จำนวน 100 นาย ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ ลงไปปฏิบัติงานในเดือนมกราคมปีหน้า


 


โดยทหารพรานหญิงชุดดังกล่าวจะมีหน้าที่เข้าไปทำความเข้าใจ และเจรจากับกลุ่มชาวบ้านที่เป็นผู้หญิงและเด็ก เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะสามารถทำลายกำแพงความเชื่อที่บิดเบือนจากหลักศาสนาลงได้ เนื่องจากทหารพรานหญิงทั้ง 100 นาย ส่วนใหญ่เป็นผู้มีการศึกษาในระดับปริญญา ทั้งยังมีความรู้ ความเข้าใจปัญหาชายแดนภาคใต้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ทางกองทัพจะจัดส่งกองกำลังทหารพรานทั้งชายและหญิงที่ผ่านการฝึกอบรม ทั้งยุทธวิธีการป้องกันตัว รวมถึงยุทธวิธีการสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจ เข้าไปประจำการในพื้นที่ต่างๆ เพื่อป้องกันกลุ่มก่อความไม่สงบดึงประชาชนเข้าร่วมขบวนการก่อความไม่สงบ


 


ก.พ. เสนอร่างกฎหมายดัน ศอ.บต. เป็นกรม


นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ก.พ.ว่า ที่ประชุมที่มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ และ รมว.คลัง เป็นประธานมีมติรองรับการดำรงตำแหน่งของ นายพระนาย สุวรรณรัฐ ให้เป็น ผู้อำนวยการ องการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)โดยสามารถดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับ 10 ประเภทผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย เทียบเท่ากับตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และมีเงินเดือนประจำในตำแหน่ง ผอ.ศอ.บต.ทั้งนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบกำหนดตำแหน่งข้าราชการอีก 199 ตำแหน่งไปทดแทนส่วนราชการต่างๆ จำนวน 11 กรม ใน 8 กระทรวง ทั้งนี้ ให้ปฏิบัติราชการใน ศอ.บต.และจะพิจารณาทดแทนข้าราชการเพื่อชดเชยต้นสังกัด


 


"ก.พ.จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 26 ธ.ค.นี้ โดยจะเสนอให้ ครม.พิจารณา ในเรื่องที่ว่า ศอ.บต.ควรจะจัดตั้งเป็นกิจจะลักษณะ ในลักษณะกรม ออกตามมาตรา 18 ใน พ.ร.บ.ระเบียบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้มีความเทียบเท่ากับกรม มีรองปลัดกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้องบังคับบัญชา รับมอบอำนาจข้ามกระทรวง ทบวง กรมได้" นายปรีชา กล่าวและว่า ดังนั้น ในกรณีที่ ก.พ.ร.จะเสนอให้แก้ไขมาตรา 18 ตาม พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดินก็ถือว่าไม่ต้องดำเนินการ เพราะจะออกเป็น พ.ร.บ.การจัดตั้ง ศอ.บต.ต่อไป


 


โดยก่อนหน้านี้ คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) จะเสนอแก้ไข พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ....เพื่อรองรับการดำรงตำแหน่งของ นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผอ.ศอ.บต.ให้สามารถดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับ 10 แทนที่ตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ว่า เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องขอตำแหน่งรองปลัดกระทรวงเพิ่ม เพื่อรับผิดชอบให้ ศอ.บต.โดยในแง่กฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 18 ไม่สามารถกำหนดได้ จึงเป็นเหตุผลทั้งหมดให้ ก.พ.ไม่สามารถกำหนดตำแหน่งรองปลัดกระทรวงเพิ่มขึ้นได้อีก


 


 "เราจึงต้องแก้ไข พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้ปลัดกระทรวงสามารถมอบอำนาจให้กับ ผอ.ศอ.บต.ที่สามารถปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงได้ ซึ่ง ก.พ.ก็จะกำหนดตำแหน่งนักบริหาร 10 โดยเทียบเท่ารองปลัดกระทรวง เพราะอำนาจของ ก.พ.สามารถกำหนดตำแหน่ง ที่มีความรับผิดชอบเทียบเท่ากับตำแหน่งใดก็ได้ ในกรณีนี้ ก.พ.พิจารณา และพบว่าในอดีตเคยกำหนดให้มีรองปลัดฯ รับผิดชอบในตำแหน่ง ผอ.ศอ.บต.ได้ ครั้งนี้จึงกำหนดตำแหน่งและหน้าที่ให้อยู่ในลักษณะเดิม การที่กำหนดนักบริหาร 10 ขึ้นมาจึงสามารถทำได้และมีอำนาจเทียบเท่ากับรองปลัดกระทรวง" คุณหญิงทิพาวดี กล่าว


         


รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า เมื่อมีตำแหน่งเทียบเท่าแล้ว ทางกระทรวงมหาดไทย สามารถมอบอำนาจให้กับ ผอ.ศอ.บต.เทียบเท่ารองปลัดกระทรวงได้ โดยตนได้รับรายงานจาก เลขาธิการ ก.พ.ว่า ได้หารือร่วมกับ รมว.มหาดไทย และปลัดกระทรวงมหาดไทยแล้ว จากนี้จะนำเสนอในที่ประชุม ก.พ.และออกเป็นมติต่อไปจบ


 


ครูสาวปัตตานีถูกยิงอีก2สาหัสจังหวะไร้ชุดคุ้มครอง


เวลา 08.00 น. วันที่ 21 ธันวาคม 2549 เกิดเหตุคนร้ายประกบยิงครูเสียชีวิตบนถนนสาย 42 ปัตตานี-นราธิวาส หมู่ที่ 2 บ้านบือเจาะ ตำบลบางปู อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ทราบชื่อ นางชุติมา รัตนสำเรียง อายุ 33 ปี ครูอัตราจ้าง ร.ร.ชุมชนบ้านตาเกะ ชาว จังหวัดสงขลา ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกส่งมาที่โรงพยาบาลปัตตานี และนางรุ่งนภา พงษ์สุวรรณ อายุ 31 ปี ข้าราชการครู


 


สอบสวนทราบว่า ก่อนเหตุทั้งคู่ขับจักรยานยนต์ซ้อนท้ายไปสอนหนังสือพร้อมกับเพื่อนครูอีก 3 คัน รวม 8 คน ระหว่างทางมาถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้าย 2 คนขับรถจักรยานยนต์ตามประกบจากนั้นได้ใช้อาวุธพกสั้นยิงใส่นางชุติมา และนางรุ่งนภาจนจนล้มลงข้างทาง


 


ทั้งคู่จึงพยายามขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านแต่ไม่มีใครออกมา แต่โชคดีที่ครูโรงเรียนเดียวกันขับรถผ่านมาจึงช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทัน แต่เป็นที่น่าสงสัยขณะเกิดเหตุไม่มีชุดรักษาความปลอดภัยครูอยู่เลย


 


ต่อมานางชุติมา ถูกส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา อาการน่าเป็นห่วง เนื่องจากหัวใจหยุดเต้นนานกว่า 5 นาที และกระสุนถูกเข้าบริเวณสำคัญ


 


นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดปัตตานี เปิดเผยหลังเกิดเหตุว่า ทางสมาพันธ์ครู จังหวัดปัตตานีได้เรียกประชุมสมาชิกเพื่อวิเคราะห์ถึงสถานการณ์และร่วมพิจารณาหาแนวทางมาตรการป้องกันครูในพื้นที่ให้รัดกุมขึ้น


 


โดยจะร่วมหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงและผู้ว่าราชการจังหวัดต่อไป ส่วนจะมีการประกาศปิดโรงเรียนหรือไม่นั้น นายบุญสม กล่าวว่า คงต้องติดตามผลการประชุมร่วมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องก่อน โดยเหตุการณ์นี้ได้สร้างความตื่นตกใจ กระทบขวัญกำลังใจเพื่อนครูเป็นอย่างมาก


 


วันเดียวกันนายวิจิตร ศรีสะอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมสภาการศึกษาครั้งที่ 5 /2549 ว่าที่ประชุมได้พิจารณาการกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาเพิ่มเติม ในเขตพัฒนาพื้นที่พิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้เพิ่มเขตพื้นที่การศึกษาใน จังหวัดยะลา นราธิวาส และปัตตานี จังหวัดละ 1 เขต ทำให้ทั้ง 3 จังหวัดมีเขตพื้นที่จังหวัดละ 3 เขต ส่วน จ.สงขลาและสตูล ยังมีเขตพื้นที่การศึกษาเท่าเดิม


การเพิ่มเขตพื้นที่ดังกล่าวจะทำให้การบริหารงานในพื้นที่มีความกระชับ คล่องตัวมากขึ้น ส่วนผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่เพิ่มขึ้นใหม่นั้น ระยะนี้ให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ระดับ 10 ดูแลไปก่อน แต่การแต่งตั้งถาวร ต้องมีการหารือร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ด้วย เนื่องจากจะต้องดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ ศอ.บต. นอกจากนี้ อาจต้องพิจารณาคนที่มีความเข้าใจภาษาและวัฒนธรรมในพื้นที่ ส่วนในเขตพื้นที่การศึกษาซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย คงต้องมีมาตรการเพิ่มแรงจูงใจให้กับผู้ที่ไปปฏิบัติงานในพื้นที่ด้วย


 


นายวิจิตร กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา เปิดสัมมนาใหญ่ในเร็วๆ นี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เกี่ยวกับการพัฒนาและแก้ปัญหาการศึกษาในพื้นที่โดยเร็ว ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้หลังปีใหม่


 


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net