Skip to main content
sharethis

"พล.อ.สนธิ" ขึ้นเหนือเป็นประธาน"รวมพลังไทยร้อยใจเป็นหนึ่งเดียว" ชวนทำ "1 ความดี 1 ชุมชน" หวังชาติสมานฉันท์ ส่วนราชการ-ลูกเสือชาวบ้าน-ท้องถิ่น เข้าร่วมพรึบ 3 หมื่น สื่อหลายสำนักมอง คมช. ขึ้นเหนือสยบคลื่นใต้น้ำ-ฐานอำนาจเก่า ในขณะ "สกน." ติงเกณฑ์คนมาร่วมหวั่นพฤติกรรมเหมือนนักการเมือง แนะ คมช. แก้ปัญหาช่วยชาวบ้านดีกว่า

ประชาไท ภาคเหนือ รายงาน

 

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) (ยืนวันทยาหัตถ์) ระหว่างเป็นประธานในงาน  "รวมพลังไทยร้อยใจเป็นหนึ่งเดียว" ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่

 

วานนี้ (23 ธ.ค.) หลังจากที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และ ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้เดินทางไปยังกองกำลังผาเมือง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อตรวจเยี่ยมกำลังพล และรับฟังบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานจาก พล.ท.จิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมทั้งมอบผ้าห่มกันหนาวให้กับประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจาก 22 อำเภอและ 2 กิ่งอำเภอของจังหวัดเชียงใหม่รวม 2,400 ผืนนั้น

 

ในช่วงเย็น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ได้เดินทางไปเป็นประธานในงาน "รวมพลังไทยร้อยใจเป็นหนึ่งเดียว" ซึ่งจัดโดยกองทัพภาคที่ 3 ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีพลังมวลชนจาก 17 จังหวัดภาคเหนือ กว่า 3 หมื่นเข้าร่วม เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชย์สมบัติครบ 60 ปี และเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในปีพ.ศ.2550 ตลอดจนแสดงออกซึ่งความสามัคคีของคนในชาติทุกหมู่เหล่า ในภาวะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาความไม่สงบสุข

 

โดยผู้ร่วมงานกว่า 30,000 คนนั้นมาจากหลากหลายกลุ่ม อาทิ ข้าราชการทั้งส่วนภูมิภาคและท้องถิ่นจาก 17 จังหวัดภาคเหนือ ผู้นำชุมชน ลูกเสือชาวบ้าน นักศึกษาวิชาทหาร นักเรียน นักศึกษา อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หน่วยอนุรักษ์พิทักษ์ป่า เยาวชนโรงเรียนชาวไทยภูเขา หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 32 อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และแขกรับเชิญของกองทัพภาคที่ 3  

 

 

ประชาชนร่วมงานเต็มอัฒจันทร์และสนามฟุตบอล

 

โดยงานดังกล่าว กองทัพภาคที่ 3 มีมาตรการรักษาความปลอดภัยโดยมีการวางกำลังทหารติดปืนพกประจำการอยู่รอบสนามกีฬาและบริเวณลานจอดรถ ในด้านการจัดการมวลชนยังมีการแบ่งที่นั่งของผู้เข้าร่วมงานออกเป็นส่วนๆ แยกจากกันโดยอัฒจันทร์ฝั่งตะวันออกตรงข้ามกับประธานในพิธีเป็นที่นั่งของนักศึกษาวิชาทหาร ฝั่งทิศใต้เป็นนักศึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ในเชียงใหม่ ฝั่งทิศเหนือและทิศใต้บางส่วนเป็นที่นั่งของประชาชนจากอำเภอต่างๆ ในเชียงใหม่ ข้าราชการในส่วนราชการจังหวัดเชียงใหม่ และจากเทศบาลนครเชียงใหม่

 

ฝั่งทิศตะวันตกด้านประธานในพิธี จะเป็นประชาชนจากจังหวัดในภาคเหนืออาทิ ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพะเยา โดยเก้าอี้ส่วนเดียวกับประธานในพิธีจะกันไว้สำหรับแขกรับเชิญของกองทัพภาคที่ 3 สำหรับส่วนนี้ห้ามไม่ให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป

 

ผังการนั่งบนอัฒจันทร์ที่ผู้จัดงานติดประกาศบริเวณประตูเข้าสนามกีฬา

 

นอกจากนี้ก็ยังมีริ้วขบวนของจังหวัดต่างๆ ที่จัดเตรียมเพื่อมาเดินสวนสนามในงานตั้งขบวนเป็นแถวรอยาวเหยียดตรงประตูทางเข้าสนามกีฬาอีกด้วย เช่น จังหวัดนครสวรรค์เป็นมีนักเรียนถือขนมโมจิแสดงของดีขึ้นชื่อของจังหวัด จังหวัดกำแพงเพชรมีขบวนนักเรียนตั้งขบวนถือธงไตรรงค์และของดีจังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดเชียงรายนอกจากการเดินสวนสนามของลูกเสือชาวบ้านแล้ว ก็มีโชว์ของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในเชียงรายด้วย เป็นต้น

 

ก่อนเริ่มพิธีการ ได้มีการจัดการแสดงต่างๆ ทั้งการแสดงประกอบวงโยทวาทิต ริ้วขบวนแห่โชว์วิสัยทัศน์ของแต่ละจังหวัด ขบวนป้ายรณรงค์ทำความดีถวายในหลวง ขบวนแห่ส่งเสริมภูมิปัญญาพื้นบ้าน เศรษฐกิจพอเพียงและต่อต้านยาเสพติด นอกจากนี้ยังมีการแสดงคอนเสิร์ตจากรายการเวทีไท รายการถ่ายทอดสดเพลงลูกทุ่งชื่อดัง ซึ่งเปิดแสดงภายในงานและถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศด้วย

 

 

ผู้ร่วมงานส่วนหนึ่งเป็นลูกเสือชาวบ้านในจังหวัดภาคเหนือ

 

รถบัสรับส่งผู้มาร่วมงาน ซึ่งแน่นจนไม่มีที่จอดในสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ต้องนำมาจอดภายนอกข้างโรงเรียนนวมินทราชูทิศ พายัพ

 

ริ้วขบวนของจังหวัดเชียงราย

 

กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในเชียงรายที่มาร่วมงานนี้

 

โดยในพิธีการ ผู้บัญชาการทหารบกและประธาน คมช. ในฐานะประธานในพิธีได้นำแม่ทัพภาคที่ 3 ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และพลังมวลชนร่วมกันถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า จะเป็นคนไทยที่ดี เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข

 

นอกจากนี้ พล.อ.สนธิ ยังได้กล่าวอวยพรปีใหม่ 2550 ให้แก่กลุ่มพลังมวลชนที่เข้าร่วมงานทุกคนด้วย โดยอัญเชิญให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพระบารมีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระบรมราชินีนาถฯ ปกป้องคุ้มครองให้ชาวไทยทุกคนมีแต่ความสุขความเจริญ พร้อมกันนี้ได้เชิญชวนให้ทุกคนร่วมกันทำความดีอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงพระชนมายุครบรอบ 80 พรรษา ในปี 2550 อย่างน้อยหมู่บ้านหรือชุมชนละหนึ่งกิจกรรม โดยมีสองหัวข้อคือการปฏิรูปการเมืองที่เกิดจากความรู้สึกนึกคิดจากส่วนลึกของเองอย่างแท้จริง และต้องการการเมืองที่เป็นธรรม รวมทั้งกิจกรรมทางการเมืองที่เสริมสร้างความสมานฉันท์ในชาติ อยู่ในความเป็นเหตุเป็นผลของความปรองดองและความสงบสุขของบ้านเมือง

 

ผู้บัญชาการทหารบกและประธาน คมช. ยังกล่าวระหว่างการทำพิธีเปิดงานว่ารู้สึกดีใจที่ได้เห็นพลังมวลชนจากทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือร่วมแสดงความรักความสามัคคีอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีในการที่จะได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ของบ้านเมือง โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด

 

โดยปัจจุบันประเทศชาติต้องการสังคมคุณภาพซึ่งต้องเริ่มจากคนในสังคมทุกคนร่วมมือ ซึ่งในปี 2550รัฐบาลมีแนวนโยบายใหม่ที่จะปฏิรูปการเมืองให้เป็นการเมืองในอุดมคติ เสริมสร้างความสมานฉันท์ซึ่งนับเป็นอีกนโยบายที่สำคัญยิ่งเช่นกัน โดยให้คนในชาติ โดยกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและผู้บริหารองค์การส่วนตำบลจะเป็นหน่วยงานหลักในการสร้างความปรองดองในสังคมและนำไปสู่การพัฒนาชาติให้เข้มแข็ง โดยมีคนไทยทุกคนร่วมเป็นกำลังหลัก ผู้บัญชาการทหารบกและประธาน คมช. กล่าว

 

สื่อมองสนธิเยือนเหนือ "เช็คกำลังหวังสยบแนวต้าน"

 

การเดินทางเยือนภาคเหนือของ พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน ที่มีการตรวจเยี่ยมกำลังพลในเขตกองทัพภาคที่ 3 การพบปะตัวแทนชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทั้ง 22 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนการเป็นประธานเปิดงาน "รวมพลังไทยร้อยใจเป็นหนึ่งเดียว" ที่จัดโดยกองทัพภาคที่ 3 ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เป็นที่จับตาของบรรดาสื่อมวลชน

 

เพราะช่วงที่มีการเตรียมงานดังกล่าว ถึงกับมีการ "ปิดห้องคุย" ระหว่างฝ่ายทหาร กับ ฝ่ายการเมืองท้องถิ่น โดยเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา พล.ท.จิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้เชิญตัวพ.ต.อ.มนตรี สัมบุญณานนท์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ พร้อมด้วยตัวแทนจากการกีฬาแห่งประเทศไทยในฐานะเจ้าของสถานที่จัดงานคือสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เข้าประชุมหารือที่ห้องประชุมโรงแรม 700 ปี ในสนามกีฬา ซึ่งไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังภายในห้อง

 

แม้ พล.ท.จิรเดช จะกล่าวว่าการประชุมร่วมกันในครั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงาน "รวมพลังไทย ร้อยใจเป็นหนึ่งเดียว" ที่คาดว่าในวันดังกล่าวจะมีมวลชนจากลุ่มต่างๆ จาก 17 จังหวัดภาคเหนือเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 30,000 คน ซึ่งต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องของสถานที่และการจราจร แต่ก็ชวนคิดอย่างยิ่งเพราะเพียงแค่เรื่องสถานที่และจราจรก็ไม่น่าจะถึงกับปิดห้องคุยและห้ามสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง

 

ยิ่งการเยือนเหนือสุดสัปดาห์ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกและประธาน คมช. ที่มีการพบปะกับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านใน จ.เชียงใหม่ และ "พลังมวลชน" กว่า 3 หมื่นในภาคเหนือ มีการ "ส่งสัญญาณ" หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ พล.อ.สนธิ กำลังขอให้รัฐบาลต่ออายุให้กำนันผู้ใหญ่บ้านจาก 5 ปี เป็น 10 ปี และ "ถ้อยสาร" ที่ประกาศต่อพลังมวลชนที่สนามกีฬา 700 ปีเรียกร้องความสมานฉันท์ในสังคม นับว่าเป็นการประกาศที่ "ชัดถ้อยชัดคำ" ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพราะภาคเหนือซึ่งพื้นที่ฐานเสียงสำคัญของพรรคไทยรักไทย

 

สื่อแต่ละฉบับจึงมีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป

 

โดยจากการประมวลสื่อหนังสือพิมพ์บางส่วนนั้น พาดหัว ""สนธิ"ขึ้นเหนือเคลียร์มวลชนเอาใจกำนัน-ผญบ.ให้นั่งเก้าอี้นานขึ้น" ในผู้จัดการออนไลน์เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ระบุว่า "เป็นที่น่าสังเกตว่า การลงพื้นที่ภาคเหนือของ พล.อ.สนธิ ครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางข่าวความเคลื่อนไหวของคลื่นใต้น้ำที่สนับสนุนกลุ่มอำนาจเก่า โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี"

 

ด้านมติชนกรอบบ่าย นอกจากนำเสนอข่าว พล.อ.สนธิ เยือนภาคเหนือแล้ว ยังมีการนำเสนอ "วาระ" ของ พล.อ.สนธิ ในการเหยียบฐานเสียงของพรรคไทยรักไทยผ่านบทวิเคราะห์ที่หน้า 2 "สนธิ" บุกฐาน "อำนาจเก่า" เปิดแนวรุก "คลื่นใต้น้ำ" ปลุกไทยป้อง "ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์" โดยในตอนท้ายของบทวิเคราะห์มองว่าทีมงานของ พล.อ.สนธิกำลังลงพื้นที่ สร้างสะพานเชื่อมกับประชาชน เพื่อดึงมาเป็นแนวร่วมสู้ศึก "คลื่นใต้น้ำ"

 

ขณะที่แนวหน้าออนไลน์ พาดหัว "สนธิปลุกมวลชนเหนือ ตีฐานที่มั่น ทรท. แนวร่วมแม้วยกธงขาว" โดยอ้างถึงแหล่งข่าวที่ระบุว่าการมาเยือนเหนือของ พล.อ.สนธิ เป็นการทำความเข้าใจกับแนวร่วมของพรรคไทยรักไทย ที่เป็นนักการเมืองส่วนท้องถิ่นให้อยู่ในที่ตั้ง และหันมาจับมือกับรัฐบาลเพื่อพัฒนาบ้านเมืองต่อไป บรรยากาศการไปเยือนเชียงใหม่หนนี้เป็นไปด้วยดี บรรดานักการเมืองท้องถิ่นในซีกของพรรคไทยรักไทยเริ่มเข้าใจถึงสถานการณ์ทางการเมืองมากขึ้น รวมทั้งเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย จะต้องพบกับชะตากรรมที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังดำเนินการอยู่ กระนั้นก็ตามนักการเมืองท้องถิ่นยังอาลัยอาวรณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ โดยเฉพาะโครงการต่างๆ ที่พ.ต.ท.ทักษิณ เคยให้ยาหอมไว้ พร้อมกับขอให้รัฐบาลชุดนี้ดำเนินการต่อ

 

ขณะที่ "ไทยโพสต์" ของเปลว สีเงิน มองปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างวิตกถึงการเตรียมสืบทอดอำนาจของ คมช. ด้วยการพาดหัว "ต่ออายุกำนัน-ผญบ.10 ปี ย้อนยุค!'สนธิ'ชิงมวลชน จับตา'คมช.'สะสมกำลัง" และพาดหัวรองว่า "ย้อนยุคไดโนเสาร์ "สนธิ" ชิงมวลชนปลุกผีกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ลั่นจะไปบอกให้รัฐบาลต่ออายุเป็น 10 ปี ซัด อบต.-อบจ.ไม่ได้เข้าสู่ตำแหน่งด้วยใจ แต่มาด้วยพลังอย่างอื่น เปิดข้อมูลลับปลุกใจ แฉมีคนที่เหลือความเป็นไทยน้อย ทำลายศาสนาและสถาบัน" โดย "ไทยโพสต์" เห็นว่าการเดินทางเยือนเหนือของ พล.อ.สนธิ เป็นที่จับตามองจากหลายฝ่าย เนื่องจากมีกระแสข่าวสะพัดก่อนหน้านี้ว่าเป็นการเดินทางไปเพื่อทำความเข้าใจกับกลุ่มคลื่นใต้น้ำในพื้นที่ภาคเหนือ

 

ทั้งยังมีการนำเสนอทัศนะของ ผศ.สมชาย ปรีชาศิลปะกุล และ รศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง นักวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของ พล.อ.สนธิ ที่คิดขยายระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจากวาระละ 4 ปีเป็น 10 ปี โดยเฉพาะ รศ.ดร.ธเนศวร์ ที่มองว่าแนวคิดของ พล.อ.สนธินั้น "ไม่ต่างจากวิธีคิดของนักการเมืองที่ต้องการสะสมกำลังหาพรรคพวกเป็นฐานให้ตัวเอง"

 

ในขณะที่หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษอย่าง บางกอกโพสต์พาดหัวว่า "CNS tries to build support in the North" นอกจากการรายงานข่าวภารกิจของประธาน คมช. ที่เชียงใหม่แล้ว ยังมีการสอบถามความเห็นของผู้นำท้องถิ่นในเชียงใหม่ โดยกำนันรายหนึ่งสนับสนุน คมช. โดยกล่าวว่าพรรคการเมืองได้ทำลายองค์การบริหารส่วนตำบลด้วยการใช้เงินล่อผู้นำท้องถิ่นให้กลายมาเป็นผู้สนับสนุนพรรคการเมือง

 

นายกิตติศักดิ์ เมฆขจร กำนันใน อ.แม่แตงกล่าวว่าพรรคการเมืองทำให้เกิดการแข่งขันและเกิดความขัดแย้งระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ต่อสู้เพื่อแย่งงบประมาณกัน โดยเขากล่าวว่า ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมักอยู่ในกำกับของพรรคการเมืองและให้ความช่วยเหลือนักการเมืองในช่วงเลือกตั้ง

 

นายสิงห์คำ ภูวินศักดิ์สกุล กำนัน ต.แม่วิน อ.สันป่าตอง กล่าวว่าผู้นำ คมช. มาถูกทางแล้วที่จะสร้างกระบวนการสมานฉันท์ขึ้นภายในชาติ โดยเขาเสนอให้ คมช. และกองทัพรีบแก้ไขปัญหาในระดับท้องถิ่นถ้าต้องการความสมัครสมานสามัคคีของผู้คน

 

อย่างไรก็ตาม นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด กองเลขาฯ สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ(สกน.)และที่ปรึกษาสมัชชาคนจน ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านบางกอกโพสต์ตั้งคำถามต่อประสิทธิภาพของการจัดงานที่สนามกีฬาถ้าผู้เข้าร่วมบางส่วนถูกเกณฑ์ให้มาร่วมงานโดยไม่สมัครใจ "ถ้าชาวบ้านได้รับคำสั่งให้มาที่สนามกีฬา, ก็ไม่ต่างจากกิจกรรมที่พรรคการเมืองจัดตั้งขึ้นเพื่อแสดงขุมกำลังของเขา" นายสุริยันต์กล่าว

 

นายสุริยันต์ยังแนะนำให้กองทัพว่าถ้าอยากจะชนะเรียกความเชื่อมั่นมาจากประชาชน จะต้องแก้ไขที่ใจกลางของปัญหาต่างๆ ที่ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งแก้ไขไม่ได้ เช่น ต้องออกกฎหมายอนุญาตให้ชาวบ้านอยู่อาศัยและอนุรักษ์ป่าชุมชน แก้ไขปัญหาสิทธิในที่ทำกินของคนในท้องถิ่น

 

 

 

ข่าวประชาไทย้อนหลัง

สนธิ" พบกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเชียงใหม่ ต่ออายุราชการอีกเท่าตัว 24 ธ.ค. 49

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net